เจาะลึก “Health is the New Beauty” สุขภาพดี คือความงามของคนยุคใหม่ เทรนด์มาแรงแห่งปี 2025 จาก Watsons

คำว่า Beauty Standard หรือ มาตรฐานความงาม
หมายถึง คุณค่าความงามที่สังคมกำหนดไว้ว่า ดีและสวยงาม ซึ่งคำคำนี้อยู่คู่กับประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานหลายร้อยปี สะท้อนได้จาก

ยุคกรีกโบราณ ผู้หญิงต้องมีรูปร่างอวบอิ่ม ผิวขาวซีด
ยุควิกตอเรีย ผู้หญิงต้องมีเอวคอด ซึ่งยุคนี้เป็นต้นกำเนิดของอุปกรณ์รัดเอว ที่เรียกว่า คอร์เซต

จะเห็นได้ว่า มาตรฐานความงาม มีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุคสมัยอยู่เสมอ

เมื่อนิยามคำว่า Beauty Standard มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ดังนั้น คำถามที่ตามมาก็คือ แล้วในยุคถัด ๆ ไป หรือหลังจากนี้ มาตรฐานความงามที่สาว ๆ นิยมจะเป็นแบบไหน ?

เรื่องนี้ Watsons ร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคคนไทย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 4,000 กว่าราย ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 ที่ผ่านมา

ซึ่งผลสำรวจพบว่า “Beauty Standard” ที่ในปัจจุบันสาว ๆ มักจะนิยมรูปร่างผอมเพรียว ผิวขาว
กำลังจะก้าวเข้าสู่เทรนด์ใหม่อย่าง “Health Standard” คือ นอกจากจะรักและภูมิใจในรูปร่างของตัวเองแล้ว ความงามยังเป็นเรื่องของภายใน อย่างการมีสุขภาพดีอีกด้วย

แล้วเทรนด์ใหม่อย่าง Health Standard น่าสนใจอย่างไร ?
รวมถึงตลาดสุขภาพและความงาม จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกบ้าง ?

“Health is the New Beauty” หรือ สุขภาพดีคือความงามของคนยุคใหม่
คือเทรนด์ที่ Watsons มองว่ากำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน สังเกตได้จากการที่ผู้คนไม่ได้สนใจแค่ความงามเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

แต่ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การมีสุขภาพผิวดี หรือสุขภาพร่างกายแข็งแรง

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Watsons บอกว่านับตั้งแต่นี้คำว่า Beauty Standard จะเปลี่ยนผ่านสู่ Health Standard หรือเปลี่ยนผ่านจาก “ความงาม” สู่ “สุขภาพองค์รวมแบบครบมิติ” นั่นเอง

ทีนี้ลองมาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกกันบ้างว่า เมื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุค Health Standard พฤติกรรมของผู้บริโภคไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ๆ อะไรบ้าง ?

1. ผู้บริโภคไทยมีไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจด้านสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

หากใครสังเกตจะเห็นว่า ช่วงก่อนหน้านี้ อาหารเสริมเพื่อความงามได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
แต่จากผลสำรวจของ Watsons พบว่า ปัจจุบัน 80% ของผู้บริโภคไทย หันมาเลือกวิตามินเพื่อสุขภาพมากขึ้น ในขณะที่อาหารเสริมเพื่อความงามก็ยังคงอยู่

นอกจากนี้ 50% ของผู้บริโภคไทย ยังพร้อมลงทุนไปกับสินค้าเพื่อสุขภาพ ในราคา 1,000-3,000 บาทต่อเดือน แม้จะเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม

ที่น่าสนใจก็คือ ผู้บริโภคไทยมากกว่าครึ่ง ยังนิยมทานวิตามินควบคู่กัน 1-2 ชนิด สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคในยุคนี้มีความใส่ใจสุขภาพแบบองค์รวมอีกด้วย

2. ผู้บริโภคไทย ฉลาดเลือก-ต้องรู้ลึกถึงส่วนผสม

หากลองดูบนโซเชียลมีเดีย จะเห็นได้ว่า อินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้ในตอนนี้ มักจะนิยมเปิดส่วนผสมสกินแคร์ หรืออธิบายว่า สารแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร สารตัวไหนดีหรือไม่ดี

สาเหตุที่คอนเทนต์แบบนี้กำลังเป็นที่นิยม ก็เพราะว่า 60% ของผู้บริโภคไทย หันมาให้ความสำคัญกับรายละเอียดสินค้า สรรพคุณ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ มากกว่าราคา

นอกจากนี้ 93% ของผู้บริโภคไทย ยังสามารถระบุได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตัวเองใช้มีส่วนผสมของอะไรบ้าง

สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ มีความรู้จริง มีความฉลาดในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น ตั้งแต่การศึกษาหาข้อมูลผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบ ความน่าเชื่อถือของแบรนด์

อย่างไรก็ตาม ถ้าเจาะเฉพาะสินค้าเพื่อสุขภาพ ผู้บริโภคจะมองว่าเรื่องราคาและรีวิว ไม่สำคัญเท่ากับการหาข้อมูลที่ดี

ในขณะที่ สินค้าความงาม ผู้บริโภคยังมองว่า ราคาและรีวิวยังมีผลต่อการตัดสินใจซื้ออยู่

อีกเทรนด์ที่น่าสนใจคือ ผู้บริโภคมักเน้นการดูแลผิวพื้นฐานให้แข็งแรง มากกว่าการเน้นเมกอัปปกปิด
สังเกตได้จากช่วงนี้ที่เทรนด์การดูแลผิวแบบเน้นสร้างผิวให้มีป้อมปราการที่แข็งแกร่ง (Skin Barrier) กำลังมาแรง

3. ก้าวสู่เทรนด์สุขภาพและความงามยุคใหม่ ด้วยความยั่งยืน

90% ของผู้บริโภคไทย ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
รวมถึงต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อทั้งตัวเองและโลก

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เทรนด์ความยั่งยืนมาแรงมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งเทรนด์นี้ก็ยังเกิดขึ้นแม้แต่กับตลาดสุขภาพและความงาม เพราะ 70% ของผู้บริโภคไทย มักมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน แบรนด์ต่าง ๆ ก็เริ่มปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ, ส่วนผสมจากธรรมชาติ รวมถึงการรณรงค์และสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมไปในตัว

ทั้งหมดนี้คือ ผลสำรวจทั้ง 3 เทรนด์ด้านสุขภาพและความงาม ที่จะเกิดขึ้นในปี 2025

รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยที่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า Health Standard กำลังจะเป็นค่านิยมใหม่ ที่มาแทนที่ Beauty Standard ได้เป็นอย่างดี

ซึ่งเรื่องนี้เจ้าของธุรกิจและนักการตลาด สามารถนำไปเป็นหลักในการปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคได้