‘เนรมิตรหนัง ฟิล์ม’ ทุ่มงบ 200 ล้านบาท ผลักดัน 3 โปรเจกต์ใหญ่ 3 รสชาติ ทำรายได้ ครึ่งปีหลัง
21 ก.ค. 2024
อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยพร้อมฉายแสงต่อเนื่อง “เนรมิตรหนัง ฟิล์ม” บูมตลาดหนังไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดโมเดลธุรกิจหนังไทยรับครึ่งปีหลัง ด้วยหนังที่หลากหลายแนว พร้อมผลักดัน 3 เรื่อง 3 รสชาติ เพื่อขยายฐานไปยังผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ และสามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมในแต่ละประเทศได้ง่าย คาดหวังคนไทยได้รับชมผลงานคุณภาพ และส่งออกสู่ระดับสากล มุ่งหวังที่จะเห็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเติบโตอย่างมีศักยภาพต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้าน
นางสาวกนกวรรณ วัชระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในครึ่งปีแรก 2567 มีความคึกคักต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เนื่องจากมีหนังที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท มากกว่า 3 เรื่อง และหนึ่งในนั้นคือ “4 Kings 2” จาก “เนรมิตรหนัง ฟิล์ม” ที่สามารถปิดยอดรายได้ Box office สูงถึง 240 ล้านบาท
จากปรากฎการณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ชมเปิดรับหนังไทยมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ภาพรวมอุตสาหกรรมจากผู้ผลิตไทยจะแข็งแกร่ง สามารถดึงดูดความสนใจจากฐานผู้ชมในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้รายได้จากหนังไทยยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง
สำหรับแผนดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง “เนรมิตรหนัง ฟิล์ม” มุ่งเน้นต่อยอดความสำเร็จ และเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยมีแนวคิดสร้างหนังคุณภาพหลากหลายแนวให้ผู้ชมได้เลือกรับชม ครอบคลุมความต้องการของผู้ชม ทั้งแฟนๆหนังกลุ่มเดิม รวมถึงการขยายฐานไปยังกลุ่มใหม่ๆ ด้วย
ซึ่งไลน์อัพหนังที่กำลังเข้าฉายครึ่งปีหลัง ได้แก่ หนังที่กำลังเข้าฉายขณะนี้อย่าง “แดนสาป” เป็นหนังผีเรื่องแรกของค่าย, “ตาคลี เจเนซิส” หนังแนวไซไฟผจญภัยที่ตื่นเต้น กำหนดเข้าฉาย 12 กันยายน, “สวัสดีวันจันทร์(ส)” หนังโรแมนติก-คอเมดี้ ที่เป็นแนวใหม่ของค่าย กำหนดเข้าฉาย-31 ตุลาคม และปิดท้ายปี 2567 ด้วย “วัยหนุ่ม 2544” หนังแนวเข้มข้น ดุดัน ในแบบฉบับของ “เนรมิตรหนัง ฟิล์ม” มีกำหนดเข้าฉาย 28 พฤศจิกายน
โดยบริษัทฯทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ในการสร้างภาพยนตร์ รวมถึงการทำโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมทางการตลาดครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์, ทีวีและสื่อวิทยุ, Website, Social Media บนแพลตฟอร์ม facebook, Instagram, x, TikTok, YouTube เป็นต้น เพื่อสื่อสารไปยังทุกกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ มุ่งเน้นเชิญชวนให้แฟนๆกลับมารับชมหนังในโรงภาพยนตร์ ซึ่งนับเป็นประสบการณ์การดูหนังที่ดีที่สุด ทั้งระบบภาพ, เสียง และความรู้สึกร่วมกันของผู้ชม
ปัจจุบันช่องทางรายได้หลักของ “เนรมิตหนัง ฟิล์ม” ที่จะสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจ ได้แก่ รายได้จาก Box Office, การขายลิขสิทธิ์, การผลิตสินค้าพรีเมี่ยมและของสะสม (Merchandise) สำหรับแฟนคลับ, การเผยแพร่ในแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ “เนรมิตรหนัง ฟิล์ม” มีแผนขยายตลาดหนังสู่ต่างประเทศมากขึ้น เพราะถือเป็นอีกหนึ่งพันธกิจในการดำเนินธุรกิจ โดยมีแผนการผลิตปีละ 3-4 เรื่อง เพื่อจะได้มีหนังเข้าฉายในโรงไตรมาสละ 1 เรื่อง ซึ่งการส่งออกหนังไปต่างประเทศมีหลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น การขายลิขสิทธิ์ และการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศ เป็นต้น
ดังนั้นโมเดลการผลิตหนังในปีต่อๆไป บทภาพยนตร์จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพิจารณาเพื่อการลงทุนและพร้อมผลักดัน โดยทางบริษัทฯ พร้อมลงทุนร่วมกับพันธมิตรใหม่ๆ และจับมือกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างๆ เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือกันในหลายมิติของธุรกิจหนังในอนาคต เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป คู่แข่งอย่างสตรีมมิ่งมีมากขึ้น แนวทางการทำงานจึงต้องมุ่งไปข้างหน้า เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ถือเป็นการร่วมส่งออก ซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยไปสู่ต่างประเทศอีกด้วย