พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เรือธงหลัก “มั่นคงเคหะการ” เบอร์หนึ่งธุรกิจคลังฯ และโรงงานให้เช่า Free Trade Zone
22 เม.ย. 2024
หากเอ่ยถึง “มั่นคงเคหะการ” หลายคนจะนึกถึงบริษัทที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ผ่าน 2 แบรนด์หลักที่สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังอย่างแบรนด์ "ชวนชื่น" และ "สิรีนเฮ้าส์" โครงการบ้านจัดสรรที่ปัจจุบันขยายโครงการครอบคลุมไปยังพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่า มั่นคงเคหะการ ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรง นั่นคือ ธุรกิจพัฒนาและบริหารโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า
ที่มีบริษัทลูกในเครือ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้ดูแลธุรกิจนี้ และถือเป็นบริษัทระดับ Flagship ที่สร้างรายได้เติบโตต่อเนื่องให้แก่ “มั่นคงเคหะการ”
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ มีรายได้กว่า 941 ล้านบาท เติบโต 66% และมีกำไรสุทธิ 242 ล้านบาท
ความน่าสนใจอยู่ที่ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ มีแผนที่จะขยายธุรกิจในเชิงรุก เมื่อตัดสินใจลงทุน 2,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อพัฒนาพื้นที่เช่าคลังสินค้าและโรงงาน ให้ภายใน 5 ปีข้างหน้า มีพื้นที่เช่ารวมทุกโครงการมากกว่า 2 ล้านตารางเมตร
พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ หรือ PD มีจุดแข็งอะไรบ้าง จนทำให้พาตัวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
ช่วงที่ผ่านมาเราได้เห็นบริษัทอสังหาฯ หลายแห่ง ใช้จุดแข็งของตัวเองขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ เป้าหมายก็เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มช่องทางหารายได้ให้มากขึ้นกว่าเดิม
แต่รู้หรือไม่ว่า บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ถือเป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรก ๆ ที่มีแนวคิดนี้ โดยเมื่อ 15 ปีก่อน บริษัทเล็งเห็นโอกาสในธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า
แน่นอนว่า ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคอสังหาฯ ได้แก่ ‘ทำเล’ ศักยภาพ แต่สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม มากกว่าทำเลที่ใช่ ต้องมองให้ลึกถึงประเภทของโซนพื้นที่
โดยศักยภาพของพื้นที่ที่ถูกมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ คือ พื้นที่ Free Zone (เขตปลอดอากร)
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ เป็นเขตพื้นที่สำหรับคลังสินค้าและโรงงานที่ได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีในการนำเข้า-ส่งออก ซึ่งในเวลานั้นทาง พรอสเพคฯ ได้เข้าไปพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 1 (Bangkok Free Trade Zone 1: BFTZ 1) บางนา-ตราด กม.23 จนสามารถขยายเป็น 9 โครงการคุณภาพในปัจจุบัน
ก็ต้องบอกว่าบริษัท พรอสเพคฯ ถือเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจนี้ในวงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เลยก็ว่าได้
ความน่าสนใจที่มากกว่านั้นก็คือ ยิ่งทาง พรอสเพคฯ ทำธุรกิจนี้ไปนานเท่าไร เส้นกราฟความสำเร็จก็มีแต่จะเติบโตขึ้นทุก ๆ ปี
อย่างในปี 2566 ที่ผ่านมา นอกจากผลประกอบการจะเติบโตเกินคาดแล้วนั้น ทางพรอสเพคฯ ยังสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ ๆ ที่ทำธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้มาเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่รวมทุกโครงการกว่า 220,000 ตารางเมตร ผ่าน 3 ทำเลทอง บางนา-ตราด, บางปะกง และวังน้อย
ตรงนี้เองที่ทำให้ พรอสเพคฯ สะสมผู้เช่าในกลุ่มอาคารโรงงานสำเร็จรูป (Ready Built Factory) กว่า 80% ของพื้นที่ทั้งหมด มีข้อดีด้านอัตราการย้ายออกค่อนข้างต่ำ
เมื่อลูกค้าใหม่ก็เพิ่มขึ้น ส่วนลูกค้าเก่าก็เลือกที่จะอยู่ต่อ จนทำให้อัตราการต่อสัญญา (Renewal Rate) สูงถึง 90% ฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจพลังงานหมุนเวียน, ชิ้นส่วนยานยนต์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ของโลก ที่อุตสาหกรรมเหล่านี้กำลังเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนเหตุผลที่ พรอสเพคฯ ได้การยอมรับจากบริษัทชั้นนำในภาคอุตสาหกรรมของไทย ก็น่าจะมาจากแนวคิด More Than Just Space
อธิบายคือ บริษัทไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการพื้นที่ แต่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัทที่มาเช่าพื้นที่
พอคิดแบบนี้ วิธีการบริหารจัดการคือจะมองไปถึงการสร้างประโยชน์สูงสุดต่อผู้เช่า ทำให้แต่ละปี ทางพรอสเพคฯ มีนโยบายอัปเกรดบริการให้มีคุณภาพครอบคลุมทุกมิติ ไปจนถึงสร้างโมเดลบริการ One Stop Service แบบครบวงจร
ช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากในการเริ่มใช้งานอาคารคลังสินค้าและโรงงาน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจได้อีก
และเมื่อคิดจะเติบโตไปพร้อม ๆ กัน ทำให้ทาง พรอสเพคฯ มีไอเดียเจ๋ง ๆ คิดค้นโครงการ Business Matching ที่เป็นการประสานธุรกิจผู้เช่าในโครงการ แลกเปลี่ยนมุมมอง ร่วมมือกันเพื่อหาทางต่อยอดธุรกิจร่วมกัน
อีกทั้งโครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น กรมศุลกากร ที่จะมาให้ข้อมูลสิทธิประโยชน์ในพื้นที่ Free Zone แก่ผู้ประกอบการที่มาเช่าพื้นที่
เมื่อทุกเส้นกราฟทางธุรกิจ ทั้งรายได้, จำนวนผู้เช่า และความร่วมมือกับพันธมิตร มีความแข็งแกร่งทุกอย่างดูเป็นใจให้ทางบริษัท พรอสเพคฯ ลงทุนเพื่อต่อยอดในธุรกิจนี้
ทำให้ในปี 2567 บริษัทเตรียมเปิด 2 โครงการใหม่
1. โครงการ BFTZ 8 เทพารักษ์ พื้นที่เช่า 35,000 ตร.ม.
2. โครงการ BFTZ 9 วังน้อย พื้นที่เช่า 35,000 ตร.ม.
1. โครงการ BFTZ 8 เทพารักษ์ พื้นที่เช่า 35,000 ตร.ม.
2. โครงการ BFTZ 9 วังน้อย พื้นที่เช่า 35,000 ตร.ม.
โดยทั้ง 2 โครงการจะประกอบด้วยอาคารสำเร็จรูป และสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit)
อีกทั้ง 2 โครงการนี้ นอกจากรองรับผู้เช่ารายใหม่แล้วนั้น ก็ยังจะรองรับกลุ่มบริษัทต่าง ๆ ที่เช่าพื้นที่ในโครงการ บางนา-ตราด และ วังน้อย อยู่แล้ว อยากจะขยายสเกลธุรกิจ แต่พื้นที่มีความหนาแน่นเกินไป อาจจะขยับมาอยู่ใน 2 โครงการใหม่นี้
ทำให้ทางบริษัท พรอสเพคฯ มั่นใจว่าในปี 2567 นี้ จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เช่าใหม่มากกว่า 2 แสนตารางเมตร
เรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่ง Case Study ในวงการอสังหาฯ ที่ดีเลยทีเดียว เมื่อทาง มั่นคงเคหะการ ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ในเมืองไทยที่มองว่าการทำธุรกิจอสังหาฯ ไม่ได้จำกัดแค่ การสร้างที่อยู่อาศัย เพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถต่อยอดไปยังธุรกิจอื่น ๆ
ที่สำคัญ เมื่อคิดจะทำแล้วก็ต้องทำให้ออกมาให้ดีที่สุด เหมือนอย่างที่ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ บริษัทในเครือ ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าบนพื้นที่ Free Zone กระจายความเสี่ยงด้วยการมีตัวเลือกอาคารในพื้นที่ General หรือเขตอุตสาหกรรมทั่วไป
ความสำเร็จทั้งหมดนี้สะท้อนถึงโมเดลการทำธุรกิจที่วางรากฐานแข็งแกร่งมาตั้งแต่ต้น จับโอกาสที่คนอื่นไม่มองให้กลายเป็นโอกาสทอง ใช้เวลาบ่มเพาะความเชี่ยวชาญ พร้อมกับทุ่มเททุกอย่างในมือจนกลายเป็นตัวจริงของอุตสาหกรรม ที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทในเมืองไทย และบริษัทชั้นนำจากต่างชาติมาใช้บริการต่อเนื่อง