คุยกับผู้บริหาร “กาแฟอินทนิล” ถึงอินไซต์ของคอกาแฟชาวไทย และแนวทางการทำตลาดในปี 2024
11 ธ.ค. 2023
30 ล้านแก้ว คือจำนวนยอดขายของ “อินทนิล” เชนร้านกาแฟสัญชาติไทย ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ในปี 2023 ที่ผ่านมานี้
ด้วยจำนวนดังกล่าว ทำให้ อินทนิล กลายเป็นแบรนด์กาแฟ ที่สามารถกวาดรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท
ซึ่งคิดเป็นการเติบโตในแง่ของยอดขายถึง 14%
มากกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เล่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 10%
มากกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เล่นในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ 10%
ทั้ง ๆ ที่ตลาดกาแฟในเมืองไทยนั้น เต็มไปด้วยผู้เล่นที่แข็งแกร่ง
และพร้อมงัดทุกกลยุทธ์ มาฟาดฟันกันอยู่ตลอดเวลา..
และพร้อมงัดทุกกลยุทธ์ มาฟาดฟันกันอยู่ตลอดเวลา..
โดยในบทความนี้ MarketThink ได้มีโอกาสไปร่วมสัมภาษณ์แบบ Exclusive
กับคุณเจ-ปริญญา กิตติการุญจิต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด (BCR) ผู้บริหารร้านกาแฟอินทนิล ในประเทศไทย
กับคุณเจ-ปริญญา กิตติการุญจิต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด (BCR) ผู้บริหารร้านกาแฟอินทนิล ในประเทศไทย
ว่าที่ผ่านมา อินทนิลทำยังไง ให้สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างอยู่หมัด
และในปี 2024 นี้ แนวทางการตลาดของร้านอินทนิล จะเป็นอย่างไร ?
และในปี 2024 นี้ แนวทางการตลาดของร้านอินทนิล จะเป็นอย่างไร ?
คุณเจบอกว่า เคล็ดลับที่ทำให้อินทนิล สามารถครองใจลูกค้าชาวไทยนั่นก็คือ “การส่งมอบประสบการณ์ที่ดี” ให้กับลูกค้า
เริ่มตั้งแต่ตัว “เครื่องดื่ม” ที่ทุกแก้วจะชงโดยพนักงานที่ได้รับการเทรนด์มาด้วยมาตรฐานเดียวกัน
ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่า เครื่องดื่มของอินทนิล จะมีคุณภาพเท่ากันทุกแก้ว
ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้เลยว่า เครื่องดื่มของอินทนิล จะมีคุณภาพเท่ากันทุกแก้ว
โดย อเมริกาโน, โกโก้, ชาไทย, เอสเพรสโซ่ และชาเขียว
คือเมนูที่ขายดีที่สุดของอินทนิล ในปีที่แล้ว
คือเมนูที่ขายดีที่สุดของอินทนิล ในปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ร้านกาแฟอินทนิล ยังให้บริการภายใต้คอนเซปต์ “โฮมมี” คือตั้งใจให้ร้านอินทนิล กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 ของลูกค้า
เริ่มตั้งแต่การตกแต่งร้าน ที่จะให้ความรู้สึกอบอุ่น
พนักงานมี Service Mind ในการให้บริการ
รวมไปถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้คอยให้บริการลูกค้า
พนักงานมี Service Mind ในการให้บริการ
รวมไปถึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไว้คอยให้บริการลูกค้า
ทั้งหมดที่ว่ามา ล้วนเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้อินทนิล กลายเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าและคู่ค้าให้ความไว้วางใจ
จนกลายเป็นเชนร้านกาแฟ ที่มีจำนวนสาขาทะลุ 1,000 แห่งได้สำเร็จ
ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นสาขาเฟรนไชส์มากถึง 75% เลยทีเดียว
ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นสาขาเฟรนไชส์มากถึง 75% เลยทีเดียว
ทีนี้ แล้วกลยุทธ์ในปีหน้าของกาแฟอินทนิล จะเป็นยังไงบ้าง ?
คุณเจบอกว่า ปีหน้าอินทนิล จะเพิ่มงบการตลาดอีกประมาณ 30%
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) เป็น “คนรุ่นใหม่ และวัยทำงาน” (New Gen & Young Working Age)
คุณเจบอกว่า ปีหน้าอินทนิล จะเพิ่มงบการตลาดอีกประมาณ 30%
โดยมีกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) เป็น “คนรุ่นใหม่ และวัยทำงาน” (New Gen & Young Working Age)
พอกลุ่มเป้าหมายเป็นแบบนี้แล้ว ทำให้อินทนิล ต้องโฟกัสไปที่ “ช่องทางออนไลน์” โดยเฉพาะบน Instagram และ TikTok มากขี้น
ซึ่งคอนเซปต์ที่อินทนิลเลือกใช้สื่อสารก็คือ “Happy Marketing” ที่จะเน้นไปที่การส่งมอบกิจกรรมสนุก ๆ ผ่านแคมเปญ และสินค้าใหม่ ๆ ที่ใกล้เคียงกับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ เริ่มตั้งแต่
การร่วมมือกับคุณน้อยหน่า-สุริยา อุทัยรัศมี ศิลปินชื่อดัง มาช่วยออกแบบ 5 คาแรกเตอร์ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Top 5 เมนูขายดีของอินทนิล ได้แก่
น้องอายะ (Aya) สาวน้อย ผู้ร่าเริง รักสัตว์ พร้อมเหล่าผองเพื่อน
น้องอามิ (Ami) น้องอาริ (Ari) กับแก๊งค์เหมียว-โฮ่ง
น้องแมวโคโค่ (Cocoa)
น้องหมาจิงเจ้อ (Ginger)
และน้องแมวสามสีฮาเซล (Hazel)
น้องอามิ (Ami) น้องอาริ (Ari) กับแก๊งค์เหมียว-โฮ่ง
น้องแมวโคโค่ (Cocoa)
น้องหมาจิงเจ้อ (Ginger)
และน้องแมวสามสีฮาเซล (Hazel)
โดยคาแรกเตอร์เหล่านี้ จะถูกนำมาใช้สร้างสีสันในทุก ๆ Touch Point ของอินทนิล
และถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของการทำแคมเปญต่าง ๆ ในอนาคต
และถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของการทำแคมเปญต่าง ๆ ในอนาคต
ซึ่งเร็ว ๆ นี้ อินทนิล จะมีการจัดแคมเปญแจกแก้ว Reusable Cup 5 สี 5 ลายจากคาแรกเตอร์ดังกล่าวด้วย
ตัดมาที่ฝั่งผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ภายใต้คอนเซปต์ Happy Marketing ของอินทนิลในปีหน้ากันบ้าง..
อินทนิล ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ “สลัชชี่” เครื่องดื่มเกล็ดน้ำแข็ง ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้
โดยจุดเด่นของเครื่องดื่มสลัชชี่ ก็คือ จะไม่ผสมน้ำแข็งเลย
แต่จะใช้เครื่องทำสลัชชี่จากเกาหลี มาปั่นเครื่องดื่มด้วยความเย็นจัด ให้กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เพื่อรสชาติที่เข้มข้นกว่าเครื่องดื่มปั่นทั่ว ๆ ไป
แต่จะใช้เครื่องทำสลัชชี่จากเกาหลี มาปั่นเครื่องดื่มด้วยความเย็นจัด ให้กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เพื่อรสชาติที่เข้มข้นกว่าเครื่องดื่มปั่นทั่ว ๆ ไป
ซึ่งตอนนี้ แม้สลัชชี่ จะมีแค่ 2 รสชาติ คือ ชาไทยและโกโก้
และมีจำหน่ายแค่ในไม่กี่สาขาเท่านั้น แต่ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ จากลูกค้า
และมีจำหน่ายแค่ในไม่กี่สาขาเท่านั้น แต่ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ จากลูกค้า
จนอินทนิล มีแผนจะขยายเครื่องสลัชชี่ ไปยังผู้ประกอบการรายย่อยให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย ในปีหน้า
คุณเจยังบอกอีกว่า ตอนนี้ อินทนิลกำลังซุ่มพัฒนาเมนูใหม่อยู่ ก็คือ ไอศกรีม “ซอฟต์เสิร์ฟ”
โดยซอฟต์เสิร์ฟ ของอินทนิล จะเป็นการนำเครื่องดื่มยอดนิยม มาพัฒนาเป็นไอศกรีม
มี 4 รสชาติ ได้แก่ โยเกิร์ต, ชาไทย, โกโก้ และชาเขียว
มี 4 รสชาติ ได้แก่ โยเกิร์ต, ชาไทย, โกโก้ และชาเขียว
ที่ลูกค้าสามารถเพิ่มท็อปปิง และมิกซ์รสชาติของไอศกรีมได้เองตามใจชอบ
และพิเศษกว่านั้นคือ ลูกค้าจะสามารถนำเมนูสลัชชี่ และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ มาผสมกันกลายเป็น “ซอฟต์โฟลต” ได้อีกต่อหนึ่ง
โดยตอนนี้เมนูซอฟต์เสิร์ฟ เริ่มมีให้เห็นในอินทนิลบางสาขาแล้ว และจะเห็นได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปีหน้า
ในส่วนของ Seasonal Product คุณเจ ก็ได้บอกว่า
ในปีหน้า อินทนิลจะยังคงออก Seasonal Product ในทุก ๆ ไตรมาสอยู่เหมือนเดิม เพื่อเพิ่มมิติให้กับเมนูของอินทนิล
โดยเร็ว ๆ นี้ อินทนิลกำลังจะเปิดตัว “ท็อฟฟีนัต” ที่จะเป็นการนำ 3 เมนูมหาชน ได้แก่ อเมริกาโนเย็น, โกโกเย็น และชาไทยลาเต้เย็น
มาท็อปด้วยฟองครีมท็อฟฟีนัต ที่เนียน นุ่ม ละมุน ปิดท้ายด้วยการโรยด้วยอัลมอนด์
เพื่อเพิ่มเท็กซ์เชอร์เพิ่มความลงตัว ให้เข้ากับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองตอนสิ้นปี
เพื่อเพิ่มเท็กซ์เชอร์เพิ่มความลงตัว ให้เข้ากับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองตอนสิ้นปี
สุดท้ายนี้ แม้อินทนิลจะบอกว่ามี Target Group เป็นคนรุ่นใหม่ก็จริง
แต่ทางร้าน ก็ยังยืนยันว่า จะมุ่งพัฒนา เครื่องดื่ม เบเกอรี และขนม
ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้า ทุกเพศ และทุกวัย อย่างต่อเนื่อง
แต่ทางร้าน ก็ยังยืนยันว่า จะมุ่งพัฒนา เครื่องดื่ม เบเกอรี และขนม
ให้เข้ากับกลุ่มลูกค้า ทุกเพศ และทุกวัย อย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ร้านอินทนิล เป็นมากกว่าร้านกาแฟ
และสามารถเป็นที่ที่สร้างความสุขได้ในทุกวันนั่นเอง..
และสามารถเป็นที่ที่สร้างความสุขได้ในทุกวันนั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้หรือไม่ว่า แก้วกาแฟของอินทนิล ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
หากนำไปฝังกลบในดิน จะสามารถย่อยสลายได้ใน 180 วัน
หากนำไปฝังกลบในดิน จะสามารถย่อยสลายได้ใน 180 วัน
ซึ่งคุณเจบอกว่า ตัวแก้วนั้น มีต้นทุนสูงกว่าของแบรนด์คู่แข่ง 2-3 เท่าเลยทีเดียว..
—-------------------------
อ้างอิง : สัมภาษณ์พิเศษ คุณปริญญา กิตติการุญจิต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด (BCR)
อ้างอิง : สัมภาษณ์พิเศษ คุณปริญญา กิตติการุญจิต กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด (BCR)
Tag:อินทนิล