ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ในไทย โตไม่หยุด กินส่วนแบ่งตลาดรถยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ
12 ต.ค. 2023
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินยอดขายรถยนต์ BEV ในไทย
ปี 2565
มียอดขายรถยนต์รวม 849,388 คัน
เป็นรถยนต์ BEV 13,454 คัน (+589%)
คิดเป็นสัดส่วน 1.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
มียอดขายรถยนต์รวม 849,388 คัน
เป็นรถยนต์ BEV 13,454 คัน (+589%)
คิดเป็นสัดส่วน 1.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
ปี 2566
คาดมียอดขายรถยนต์รวม 795,000 คัน
เป็นรถยนต์ BEV 68,000 คัน (+405%)
คิดเป็นสัดส่วน 8.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
คาดมียอดขายรถยนต์รวม 795,000 คัน
เป็นรถยนต์ BEV 68,000 คัน (+405%)
คิดเป็นสัดส่วน 8.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
ปี 2567
คาดมียอดขายรถยนต์รวม 810,000 คัน
เป็นรถยนต์ BEV 85,000 คัน (+25%)
คิดเป็นสัดส่วน 10.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
คาดมียอดขายรถยนต์รวม 810,000 คัน
เป็นรถยนต์ BEV 85,000 คัน (+25%)
คิดเป็นสัดส่วน 10.5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
การเติบโตของตลาดรถยนต์ BEV มาจากแรงหนุนมาตรการ EV 3.0 ที่ให้ส่วนลด 70,000 - 150,000 บาท กับรถยนต์ที่เข้ามาตรการจนถึงสิ้นปี 2568
และการทยอยเข้ามาเพิ่มเติมของรถยนต์ BEV ค่ายใหม่ ๆ ทั้งจากจีน เกาหลี และการลุยตลาด BEV ของค่ายญี่ปุ่นบางราย ส่งผลให้ตลาดยิ่งจะมีความคึกคักขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขยอดขายรถยนต์ BEV จะเติบโตได้จากหลายแรงกระตุ้นด้านการตลาด ทั้งราคาที่น่าสนใจ จากความช่วยเหลือของรัฐ รวมถึงคุณสมบัติตัวรถที่โดดเด่น
แต่ก็ยังมีประเด็นคือ ปัญหาจำนวนจุดชาร์จสาธารณะ ที่อาจเติบโตตามไม่ทันยอดขายรถยนต์ BEV ซึ่งจะกลายมาเป็นข้อจำกัด ที่ทำให้การขยับเพิ่มยอดขายไปสู่ตลาดผู้บริโภคทั่วไป (Mass market) ในอนาคตทำได้ยาก
เพราะผู้ซื้อจะถูกจำกัดวงภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ที่พักอาศัย ต้องพร้อมสำหรับการติดเครื่องชาร์จไฟฟ้าส่วนตัว
การที่ต้องใช้รถยนต์ BEV อยู่แต่ภายในเมือง และการต้องมีรถใช้น้ำมันอีกคันในบ้านเพื่อไปต่างจังหวัดได้ เป็นต้น
การที่ต้องใช้รถยนต์ BEV อยู่แต่ภายในเมือง และการต้องมีรถใช้น้ำมันอีกคันในบ้านเพื่อไปต่างจังหวัดได้ เป็นต้น
โดยในช่วง 1-2 ปีนี้ รถยนต์นั่ง BEV ที่มีระดับราคา 1 ล้านบาทขึ้นไป จะเป็นกลุ่มที่ได้รับการตอบรับดีด้านยอดขายต่อเนื่อง มากกว่ารถยนต์นั่งกลุ่มอื่น สะท้อนจากราว 60% ของรถยนต์นั่ง BEV ที่ขายได้ในปัจจุบันอยู่ในกลุ่มระดับราคานี้
แต่ในระยะข้างหน้า กลุ่มรถยนต์นั่ง BEV ระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนแบ่งราว 40% ของรถยนต์นั่ง BEV ที่ขายได้ในปัจจุบัน น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มส่วนแบ่งได้มากขึ้น
เมื่อการพัฒนา Ecosystem ในประเทศ มีความก้าวหน้า จนผู้บริโภคกลุ่มทั่วไปมีความเชื่อมั่น และหันมาเลือกซื้อรถ BEV เป็นรถคันแรก เป็นจำนวนที่มากขึ้น
ประกอบกับตลาดอาจได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการแข่งขันด้านราคาในตลาดรถยนต์นั่ง BEV ที่สอดรับกับไปกระแสของตลาดโลกด้วยเช่นกัน
—————————
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย