ทำไม Chick-fil-A ฟาสต์ฟูดอเมริกัน ถึงยอมปิดทุกสาขาในทุกวันอาทิตย์ ทั้งที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท/วัน
7 ต.ค. 2023
ถ้าพูดถึงเชนฟาสต์ฟูดสัญชาติอเมริกัน ที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย
คนส่วนใหญ่คงนึกถึง McDonald’s, KFC, Burger King หรือ Domino's Pizza
แต่จริง ๆ แล้วในสหรัฐฯ เชนฟาสต์ฟูดที่เป็นที่นิยม และมีชื่อเสียง มีมากกว่านั้น
เช่น แบรนด์ร้านเบอร์เกอร์ Wendy’s, In-N-Out และ Shake Shack
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งร้านฟาสต์ฟูดที่ได้รับความนิยมไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ
นั่นก็คือ Chick-fil-A ร้านฟาสต์ฟูดที่มีแซนด์วิชไก่ทอดเป็นเมนูหลัก โดยเป็นแบรนด์ที่มีรสชาติดี ใช้วัตถุดิบมีคุณภาพ จนมียอดขายดีกว่า KFC และ Burger King ในสหรัฐฯ เสียอีก
ความน่าสนใจของ Chick-fil-A ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น..
เพราะถึงแม้ Chick-fil-A จะมียอดขายมากกว่าหลาย ๆ แบรนด์ในสหรัฐฯ
แต่รู้หรือไม่ว่า ยอดขายเหล่านั้น มาจากการเปิดร้านขายเพียง 6 วัน/สัปดาห์ ต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่เปิดร้าน 7 วัน/สัปดาห์
เพราะ Chick-fil-A มีกลยุทธ์หลักคือ “ปิดหน้าร้านทุกสาขา ทุก ๆ วันอาทิตย์”
เรียกว่า ฉีกกฎการเป็นเชนฟาสต์ฟูด ที่ต้องเข้าถึงง่าย ได้ทุกวัน ทานได้แบบไว ๆ
แตกต่างจากบางร้านฟาสต์ฟูดที่เปิดตลอดทั้งสัปดาห์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
มาถึงตรงนี้ คงสงสัยแล้วว่าทำไม Chick-fil-A ถึงเลือกปิดหน้าร้านทุกวันอาทิตย์ ?
บทความนี้ MarketThink จะพามาหาคำตอบกัน..
Chick-fil-A มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1946 หรือเมื่อ 77 ปีก่อน โดยมีคุณ Truett Cathy เป็นผู้ก่อตั้ง
เดิมทีคุณ Cathy เริ่มต้นจากการเปิดร้านอาหารทั่ว ๆ ไป ที่มีชื่อว่า Dwarf Grill ตั้งอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย, สหรัฐอเมริกา
ธุรกิจร้านอาหารของคุณ Cathy ดำเนินไปได้ด้วยดี เป็นเวลาหลายสิบปี
จนกระทั่งในปี 1964 คุณ Cathy ได้คิดค้นวิธีการทำแซนด์วิชไก่ทอดขึ้นมา ซึ่งใช้เวลาในการทำไม่นาน สามารถเสิร์ฟได้เร็วพอ ๆ กันกับอาหารในร้านฟาสต์ฟูดอื่น ๆ
ด้วยเหตุนี้ คุณ Cathy จึงตัดสินใจรีแบรนด์ร้านอาหารใหม่ เน้นขายอาหารจานด่วน
โดยมีแซนด์วิชไก่ทอดเป็นเมนูหลัก พร้อมกับเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ว่า “Chick-fil-A”
ต้องบอกว่า หลังจากที่คุณ Cathy รีแบรนด์เป็น Chick-fil-A ร้านก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะคุณภาพของอาหารที่ใช้วัตถุดิบมีคุณภาพ มีการค้นคว้าวิจัยเพื่อลดปริมาณไขมันทรานส์ในอาหาร ตอบโจทย์ลูกค้าที่อยากทานฟาสต์ฟูด แต่ก็ยังรักสุขภาพด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน Chick-fil-A มีกว่า 3,000 สาขา ทั่วทั้งสหรัฐฯ
อีกทั้งยังมีแผนที่จะขยายสาขา มายังเอเชียและยุโรปด้วย ภายใน 3 ปีข้างหน้า
มาถึงตรงนี้ คงรู้จัก Chick-fil-A กันมากขึ้นแล้ว
ทีนี้มาตอบคำถามที่ว่า ทำไม Chick-fil-A ถึงเป็นร้านฟาสต์ฟูด ที่ปิดให้บริการทุกสาขาในสหรัฐฯ ในทุกวันอาทิตย์ ?
1. ให้พนักงานได้พักผ่อน
จุดเริ่มต้นของการปิดร้านทุกวันอาทิตย์ เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นร้าน Dwarf Grill
คุณ Cathy มองว่า การปิดร้านอย่างน้อย 1 วัน/สัปดาห์ ก็เพื่อให้ตัวเขาเอง รวมถึงพนักงานที่ร้านทั้งหมดกว่า 80,000 คน ได้มีวันหยุดสำหรับพักผ่อน
ไม่ว่าจะหยุดไปเพื่อหาความรู้เพิ่มเติม ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว หรือออกไปทำกิจกรรม สร้างแรงบันดาลใจต่าง ๆ ในชีวิตก็ตาม
ซึ่งสุดท้ายแล้ว การพักผ่อนที่เหมาะสม ก็จะนำมาสู่ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ที่ดีขึ้นด้วย
2. เป็นไปตามปณิธานของผู้ก่อตั้ง
นอกจากเรื่องที่ให้พนักงานไปพักผ่อน ต้องบอกว่าผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Cathy นับถือศาสนาคริสต์
ตามหลักศาสนาคริสต์แล้ว กำหนดให้วันอาทิตย์เป็นวันสำคัญ โดยเป็นวันแห่งการพักผ่อน เราจึงจะเห็นชาวคริสต์เข้าโบสถ์กันทุกวันอาทิตย์
จึงเป็นที่มาที่ว่า ทำไมคุณ Cathy ถึงมีปณิธานที่อยากจะปิดร้านทุกวันอาทิตย์
นั่นก็เพื่อเดินทางไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่โบสถ์ นั่นเอง
3. กลยุทธ์ Scarcity สร้างความขาดแคลน ให้คนคิดถึง
ของอะไรที่ยิ่งได้มายาก ก็ยิ่งทำให้เกิดความต้องการ หรือทำให้ลูกค้าคิดถึง ตั้งตารอคอย
การที่ Chick-fil-A เลือกปิดหน้าร้านทุกวันอาทิตย์ นับเป็นหนึ่งใน Scarcity Marketing หรือการตลาดแบบขาดแคลน ที่ทำให้ลูกค้าคิดถึง และเห็นความสำคัญ
เช่น ถ้าอยากทาน Chick-fil-A วันเสาร์ ก็ต้องรีบออกไปทานทันที
ถ้าอยากทาน Chick-fil-A วันอาทิตย์ ก็ต้องอดใจรอจนกว่าจะถึงวันจันทร์ที่ร้านเปิด
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ Chick-fil-A เป็นร้านฟาสต์ฟูดที่ฉีกกฎร้านฟาสต์ฟูดอื่น ๆ ด้วยการปิดวันอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม แม้ Chick-fil-A จะปิดร้านทุกวันอาทิตย์
แต่ในแต่ละปีก็กวาดยอดขายในสหรัฐฯ ไปได้ไม่น้อย และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
ปี 2020 มียอดขายราว 5.0 แสนล้านบาท
ปี 2021 มียอดขายราว 6.2 แสนล้านบาท
ปี 2022 มียอดขายราว 6.9 แสนล้านบาท
โดยเฉลี่ยแล้ว Chick-fil-A ในสหรัฐฯ สร้างยอดขายได้กว่า 2,200 ล้านบาท/วัน เลยทีเดียว..
และการที่ Chick-fil-A ปิดทุกวันอาทิตย์ ก็หมายความว่า Chick-fil-A มียอดขายหายไปวันละกว่า 2,200 ล้านบาทเช่นกัน
และถึงแม้ Chick-fil-A จะหยุดทุกวันอาทิตย์
แต่อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า Chick-fil-A กลับมียอดขายมากกว่าหลาย ๆ ร้านฟาสต์ฟูดชื่อดังในสหรัฐฯ เสียอีก
ตัวอย่างเช่น ในปี 2021
- Taco Bell มียอดขาย 4.7 แสนล้านบาท
- Wendy’s มียอดขาย 4.0 แสนล้านบาท
- Burger King มียอดขาย 3.7 แสนล้านบาท
- Domino's Pizza มียอดขาย 3.2 แสนล้านบาท
- KFC มียอดขาย 1.9 แสนล้านบาท
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ..
ชื่อแบรนด์ Chick-fil-A ดัดแปลงมาจากคำว่า Chicken Fillet หรือเนื้อไก่
ผสมกับ A ที่หมายถึง การเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพเกรด A ในการประกอบอาหาร
เลยออกมาเป็น Chick-fil-A ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน..
----------------------------
อ้างอิง: