พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าแบรนด์ Givenchy, Longchamp, Casetify, Gentle Monster โชว์พอร์ตโตต่อเนื่อง พร้อมกลยุทธ์รุกตลาด

พีพี กรุ๊ป ผู้นำเข้าแบรนด์ Givenchy, Longchamp, Casetify, Gentle Monster โชว์พอร์ตโตต่อเนื่อง พร้อมกลยุทธ์รุกตลาด

20 ก.ย. 2023
พีพี กรุ๊ป (PP GROUP) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ทั้ง Tory Burch, Givenchy, Longchamp, Roger Vivier, MCM, Off-White™, Maison Kitsuné, Palm Angels, Casetify
รวมถึงล่าสุด ได้ร่วมทุนนำเข้าแบรนด์ Gentle Monster แบรนด์แว่นตาสัญชาติเกาหลี มาตีตลาดเมืองไทย กับแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์
โดย พีพี กรุ๊ป ได้ประกาศฉลองครบรอบ 20 ปี แห่งการเติบโต
พร้อมเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก สร้างการเติบโตขึ้นอีกระดับ
คุณสุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป กล่าวว่า
พีพี กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้นในปี 2003 และได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจกลุ่มสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ให้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการในการจัดจำหน่าย ดำเนินธุรกิจ และดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
และด้วยประสบการณ์การบริหารแบรนด์แฟชั่นลักชัวรีชั้นนำจากทั่วโลก
เราจึงมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจให้เติบโตจากเทรนด์อุตสาหกรรมแฟชั่น
โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พีพี กรุ๊ป มีการพัฒนาทางธุรกิจอย่างก้าวกระโดด
และในปี 2023 คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 2,000 ล้านบาท
หรือโตขึ้นจาก 5 ปีก่อน ถึงเกือบเท่าตัว
ซึ่งการเติบโตมาจากการลงทุน ด้วยมูลค่ามากกว่า 200 ล้านบาท ภายในปีนี้
เพื่อเพิ่มจุดขายในทุกพื้นที่ในจุดยุทธศาสตร์ จากเดิม 20 ร้านค้า (2,254 ตารางเมตร) เป็น 40 ร้านค้า (4,342 ตารางเมตร)
ด้าน คุณโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ พีพี กรุ๊ป กล่าวว่า
พีพี กรุ๊ป มีกลยุทธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง คือ มีแบรนด์ที่หลากหลายทั้งแบรนด์ในกลุ่มแฟชั่น, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม, กลุ่มไลฟ์สไตล์ และยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายของตัวเอง
อีกทั้งความหลากหลายของแบรนด์และช่วงราคา ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในวงกว้าง
สำหรับภาพรวมตลาดแฟชั่นรีเทลในประเทศไทย มีมูลค่ารวมเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มลักชัวรี
ทำให้ยอดขายของแบรนด์ที่บริหารโดยกลุ่ม พีพี กรุ๊ป สามารถทำยอดขายได้เป็นเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก หรือของภูมิภาคมาโดยตลอด
โดยปีนี้ เรายังคงเดินหน้าในการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่ต้องการ และเป็นกระแสในวงการแฟชั่นระดับโลก ให้กับตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง
ในอนาคต พีพี กรุ๊ป ตั้งเป้าที่จะเป็น Connector หรือตัวแปรสำคัญในการเชื่อมโยงเมืองไทย กับสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ทั่วโลก
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนขยายโครงสร้างธุรกิจให้มีความหลากหลาย เพื่อรองรับรูปแบบธุรกิจของแฟชั่นลักชัวรีที่เปลี่ยนไป ซึ่งประกอบไปด้วย
● Fashion Distributor การเป็นผู้นำเข้าแบรนด์แฟชั่น
● International Business Joint Venture การร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติ เช่นแบรนด์ Gentle Monster
● Retail Operation Service เป็นผู้ให้บริการด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในตลาดไทยของ พีพี กรุ๊ป ตลอด 20 ปีที่ผ่าน สร้างความเชื่อมั่น
● Marketing & Brand Building Consultancy ให้บริการเป็นที่ปรึกษาในการทำ Brand Building ในเมืองไทย ด้วยคอนเนกชันที่แข็งแรง ทั้งสื่อและเซเลบริตี้
นอกจากนี้ บริษัทวางกลยุทธ์ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการในการเลือกซื้อสินค้าและบริการของผู้บริโภคในทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดเป็นประสบการณ์การช็อปปิงไร้รอยต่อ
และมีกลยุทธ์ในการเพิ่มพื้นที่และจุดขายเพื่อตอบรับความต้องการและแนวโน้มของตลาดในปี 2023 ทั้งในส่วนของทั้งในส่วนของ Permanent Store และ Pop-Up Store
และยังเน้นการให้บริการด้าน OMNI Channel เช่นที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า Casetify สามารถออกแบบสินค้าทั้งที่ร้านหรือผ่านออนไลน์ และสามารถรับหรือชำระสินค้าได้ในทุกช่องทาง
การ Upgrade New E-Commerce ให้เกิดประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่ประทับใจ ง่ายต่อการใช้งานในทุก ๆ แพลตฟอร์ม
และการ Upgrade Loyalty Program ทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์ของการเป็นสมาชิก และการเพิ่มรูปแบบการเช็กคะแนน หรือยอดสะสมแบบ Real Time ผ่านแอปพลิเคชัน “PP CLUB”
ด้วยความพร้อมของตลาดและกำลังซื้อของลูกค้า พีพี กรุ๊ป มองว่า ประเทศไทยพร้อมรองรับการเติบโตของแบรนด์ใหม่ ๆ โดยล่าสุดเพิ่งเปิดตัวแบรนด์ Gentle Monster กับแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในเมืองไทย ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์
ซึ่งได้กระแสการตอบรับที่ดีมาก จนสินค้ารุ่นลิมิเต็ดจำหน่ายหมดภายในวันแรกที่เปิดตัว
และภายในต้นปี 2024 ยังมีแผนที่จะขยายตลาดในกลุ่มเซกเมนต์ใหม่ โดยโฟกัสในการนำเข้าแบรนด์ใหม่มาแรงเพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจแฟชั่นรีเทลในเมืองไทย กับกลุ่มดิไซเนอร์แบรนด์
โดยเตรียมนำแบรนด์ AMI แบรนด์ดังจากฝรั่งเศส มาเปิดร้านแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คาดว่าจะสามารถเปิดได้ในช่วงต้นปี 2024
จากกลยุทธ์ที่วางแผนไว้ บริษัทมีเป้าหมายคือ สร้างความเติบโตอย่างเก้ากระโดด
เติบโตขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่า ภายใน 3 ปีข้างหน้า
หรือขยายธุรกิจให้มียอดขายแตะ 4,000 ล้านบาท.. ภายในปี 2026
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.