ตลาดฟูดดิลิเวอรี หดตัว แต่ LINE MAN Wongnai โต 33% ตั้งเป้าหมาย IPO ภายใน 2 ปี

ตลาดฟูดดิลิเวอรี หดตัว แต่ LINE MAN Wongnai โต 33% ตั้งเป้าหมาย IPO ภายใน 2 ปี

14 มิ.ย. 2023
หลังจาก LINE MAN Wongnai ประกาศระดมทุนรอบ Series B มูลค่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,200 ล้านบาท) เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา 
ทำให้บริษัทมีมูลค่าหลังการระดมทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34,500 ล้านบาท) ขึ้นแท่นสตาร์ตอัปยูนิคอร์น เป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ จากการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดฟูดดิลิเวอรีในปี 2566 จะมีมูลค่าประมาณ 8.1-8.6 หมื่นล้านบาท หรือลดลงราว 0.8-6.5%
สอดคล้องกับพฤติกรรมที่ผู้คนเริ่มมองว่าโรคระบาด คือโรคประจำถิ่น ทำให้คนออกไปทานข้าวนอกบ้าน  สังสรรค์ และลดการสั่งฟูดดิลิเวอรีกันมากขึ้น
ถึงแม้ตลาดฟูดดิลิเวอรีจะหดตัว แต่ภาพรวมธุรกิจฟูดดิลิเวอรีของ LINE MAN ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2565 จนถึงเดือนเมษายน ปี 2566 กลับมีมูลค่าธุรกรรมรวม (GMV) เติบโตขึ้น 33% ซึ่งเป็นการเติบโตสวนตลาด
จากตัวเลขดังกล่าว นับว่าเป็นความสำเร็จที่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี (นับตั้งแต่ LINE MAN ควบรวมกิจการกับ Wongnai) 
แล้วเป้าหมายต่อไปของ LINE MAN Wongnai คืออะไร ?
1) เตรียมเข้าตลาดหุ้น หรือ IPO 
สำหรับธุรกิจสตาร์ตอัป โจทย์สำคัญคือ “ธุรกิจจะถึงจุดคุ้มทุน (Break Even Point) เมื่อไร ?”
คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า 
ณ ปัจจุบัน ผลประกอบการของ LINE MAN Wongnai นั้น ไม่ได้ไกลจากจุดคุ้มทุนมากนัก และคาดว่าจะสามารถทำให้ธุรกิจถึงจุดคุ้มทุนได้ ภายในปี 2566 นี้ 
ส่วนในเรื่องของการเข้าตลาดหุ้น หรือ IPO มองไว้ 2 ตลาด คือ ตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นสิงคโปร์
แต่ด้วยความที่ LINE MAN Wongnai มีความคุ้นชินกับตลาดเมืองไทย และรู้จักตลาด Retail ในไทยค่อนข้างดี
เมื่อเทียบระหว่างตลาดหุ้นไทยกับสิงคโปร์ จึงให้ Value กับตลาดหุ้นไทยมากกว่า 
โดยระยะเวลาที่คุณยอดมองว่าเหมาะสม ที่จะเข้าตลาดหุ้น คือภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น Wongnai ก่อตั้งมา 13 ปี
หลังจาก LINE MAN ควบรวมกิจการกับ Wongnai ได้ 3 ปี ก็ทำให้รายได้เติบโตขึ้นถึง 10 เท่า
คุณยอดมองว่า การแข่งขันของตลาดฟูดดิลิเวอรีในไทยคลี่คลาย 100% และผ่านการแข่งขันในจุดที่สูงที่สุดแล้ว 
ทำให้หลังจากนี้ LINE MAN Wongnai จะไม่ได้โฟกัสไปที่การเผาเงิน แต่จะมุ่งเรื่องการทำกำไรมากขึ้น
ซึ่งภาพรวมตลาดฟูดดิลิเวอรีในช่วงกลางปีที่แล้ว ถือว่าพีกที่สุด แต่ปีนี้ตกลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม LINE MAN Wongnai ไม่ได้พึ่งพาการเติบโตจากตลาดเพียงอย่างเดียว..  
2) ขยายการเติบโตของธุรกิจ Non-Food 
ได้แก่ บริการส่งสินค้า เมสเซนเจอร์ และแท็กซี่ หรือพูดง่าย ๆ ว่า LINE MAN Wongnai กำลังโฟกัสให้แพลตฟอร์มของตัวเองกลายเป็น “ซูเปอร์แอป” ที่ทุกบริการ สามารถทำกำไรได้ด้วยตัวเอง
เพราะจริง ๆ แล้ว รายได้หลัก ๆ ของบริษัท จะอยู่ในกลุ่มฟูดมากที่สุดถึง 80% (ฟูดดิลิเวอรี และ Wongnai POS) 
ส่วนบริการขนส่งสินค้า เมสเซนเจอร์ และแท็กซี่ คิดเป็นรายได้รวมกันประมาณ 20%
โดยปี 2565 ที่ผ่านมา พบการเติบโตที่น่าสนใจ ได้แก่ 
- LINE MAN MESSENGER 
บริการส่งของ เอกสาร และวางบิลด่วนรายแรก ที่ให้บริการครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย 
และยังพบว่า ยอดการใช้งานรวมเติบโตขึ้น 2 เท่า แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเติบโตขึ้น 4 เท่า 
โดยพื้นที่ที่มีการใช้งานสูงที่สุดอยู่ในพื้นที่เมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล พัทยา และเชียงใหม่ 
ล่าสุดได้เพิ่มเติมฟีเชอร์ใหม่ Pin For Me ให้ผู้รับสามารถปักหมุดโลเคชันได้เอง 
รวมถึงเพิ่มตัวเลือกมอบหมายงานให้ไรเดอร์ช่วยวางบิล ส่งเอกสาร ขอลายเซ็น หรือเดินขึ้นอาคาร เพิ่มจากการส่งเอกสารอย่างเดียว โดยค่าบริการจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 
- LINE MAN MART 
บริการสั่งของสด-ของใช้ด่วน มีจำนวนร้านค้าบนแพลตฟอร์มกว่า 50,000 ร้าน และมียอดออร์เดอร์เติบโต 1.6 เท่า ในปี 2566 
จึงเร่งขยายจำนวนร้านค้ากับแบรนด์ชั้นนำ 11 แบรนด์ ครอบคลุมกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ ได้แก่ B2S, Betagro, Big C, Boots, FamilyMart, Fascino, Gourmet Market, Matsumoto Kiyoshi, OfficeMate, Pure และ Tops 
- LINE MAN TAXI 
บริการเรียกแท็กซี่ พบความต้องการของผู้ใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2565 มีการเติบโตถึง 2 เท่า ชูจุดแข็งบริการเรียกแท็กซี่ที่ใช้งานง่าย ได้มาตรฐาน จ่ายค่าบริการตามมิเตอร์ และมีค่าธรรมเนียมเรียกเริ่มต้นที่คุ้มค่า 
นอกจากนี้ LINE MAN ยังได้ใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงการรับงานของคนขับแท็กซี่ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสามารถเพิ่มการรับงานแท็กซี่ต่อวันได้เฉลี่ย 21%
ด้านธุรกิจ Merchant Solutions ที่จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจฟูดของ LINE MAN Wongnai ชู Wongnai POS ระบบจัดการร้านอาหารและการขายผ่านดิลิเวอรี ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหารใช้งานมากกว่า 50,000 ร้าน และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่การทานอาหารนอกบ้านกลับมาคึกคัก 
ตั้งเป้าขยายสัดส่วนการใช้งาน POS ในร้านอาหารแบบ Dine-in เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ เพื่อผลักดันให้ร้านอาหารนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการร้าน
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.