เอส โคล่า ปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ใช้พรีเซนเตอร์เจาะกลุ่มคน Gen Z สู้ศึกตลาดน้ำอัดลม 57,000 ล้านบาท
13 มี.ค. 2023
ปีนี้ เป็นปีที่แบรนด์ “เอส โคล่า” มีอายุครบ 10 ปี หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ในปี 2012
ในฐานะ “น้องใหม่” ในตลาดน้ำอัดลมของไทย
ในฐานะ “น้องใหม่” ในตลาดน้ำอัดลมของไทย
ล่าสุด ในปีนี้ เอส โคล่า ตัดสินใจ “ปรับแบรนด์” ครั้งใหญ่ ในรอบ 10 ปี
โดยการดึง ชาอึนอู, โบกี้ไลออน, Yes Indeed และ 3 นักวอลเลย์บอลหญิงนิวเจน มาเป็นพรีเซนเตอร์กลุ่มใหม่
โดยการดึง ชาอึนอู, โบกี้ไลออน, Yes Indeed และ 3 นักวอลเลย์บอลหญิงนิวเจน มาเป็นพรีเซนเตอร์กลุ่มใหม่
ตั้งเป้าหมายเป็นแบรนด์น้ำอัดลม ที่โดนใจกลุ่มคน Gen Z พร้อมขยายฐานลูกค้า ทั้งในไทย และเอเชีย
คุณสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลว่า
การปรับเปลี่ยนแบรนด์ในครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 10 ปี
การปรับเปลี่ยนแบรนด์ในครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 10 ปี
ตั้งเป้าเป็นแบรนด์น้ำอัดลมสัญชาติเอเชีย ที่จะสู้ในตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทย ด้วยการเป็น เอเชี่ยนโคล่า ที่สนับสนุนแพสชันของคน Gen Z
ซึ่งสาเหตุที่ เอส โคล่า เน้นย้ำไปที่ความเป็น “วัยรุ่นเอเชีย” ก็เป็นเพราะ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวเอเชียที่มีความคิดสร้างสรรค์ ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทในเวทีระดับโลก จนได้รับการยอมรับ และได้ความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในด้านความบันเทิง ดนตรี กีฬา แฟชั่น และอาหาร
โดยกลยุทธ์ที่ เอส โคล่า ทำ นอกจากจะเปิดตัวพรีเซนเตอร์ใหม่แล้ว
เอส โคล่า ยังมีการปรับสูตรใหม่ ตามคำแนะนำของผู้บริโภค โดยได้คัดเลือกเครื่องเทศยอดนิยมของชาวเอเชีย ทั้งซินนามอน กานพลู และเมล็ดโคล่า มาผสมผสานกัน เพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้น
เอส โคล่า ยังมีการปรับสูตรใหม่ ตามคำแนะนำของผู้บริโภค โดยได้คัดเลือกเครื่องเทศยอดนิยมของชาวเอเชีย ทั้งซินนามอน กานพลู และเมล็ดโคล่า มาผสมผสานกัน เพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้น
โดยการปรับสูตรใหม่ในครั้งนี้ เป็นการปรับวัตถุดิบใหม่ จากที่เคยมีการปรับปรุงสูตรเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ มาโดยตลอด
รวมถึงยังมีการปรับการออกแบบของ “โลโก” ใหม่ ทั้งลายเส้น และสีสัน ที่สะท้อนกลิ่นอายความเป็น “โมเดิร์น” แบบเอเชีย โดยใช้การออกแบบใหม่นี้ กับบรรจุภัณฑ์ทั้งน้ำโคล่า และน้ำอัดลมสี
นอกจากนี้ คุณสุภรณ์ ยังได้ให้ข้อมูลของตลาดน้ำอัดลม ในประเทศไทยด้วยว่า มีมูลค่าราวอยู่ที่ราว 57,000 ล้านบาท มีการเติบโต 2.2%
ซึ่งเอส โคล่า อยู่ในอันดับ 3 ของตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาดราว 8% และมีการเติบโต 9.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา
โดยน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล มีส่วนแบ่งตลาดราว ๆ 10% แม้จะดูเหมือนน้อย แต่ก็นับว่าเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่สูงถึง 36% เลยทีเดียว..
ส่วน “คู่แข่ง” รายอื่น ๆ ของเอส โคล่า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ต่างชาติ มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 51% และ 37% ตามลำดับ
แม้ว่าในวันนี้ เอส โคล่า จะยังมีส่วนแบ่งตลาดที่ไม่มากนัก แต่หลังจากสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย เอส โคล่า ก็คาดการณ์ว่า ตลาดน้ำอัดลม จะได้รับประโยชน์จากการที่ร้านอาหารต่าง ๆ กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ
และเอส โคล่า ก็เป็นแบรนด์ที่มี “ร้านอาหาร” เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายสำคัญ
ทำให้น่าจับตามองว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งพลังของพรีเซนเตอร์ ที่เข้ามาช่วยในการเจาะตลาดกลุ่มคน Gen Z รวมถึงปัจจัยบวก ที่ส่งผลต่อตลาดน้ำอัดลม จะช่วยให้ เอส โคล่า สามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม จากแบรนด์ในระดับโลก ได้หรือไม่..