อ่านเกม BYD แตกแบรนด์รถ EV หรู Yangwang หนีการแข่งขันอันดุเดือด ของการตลาดรถยนต์ EV ราคาย่อมเยา
20 ก.พ. 2023
BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้น ๆ สัญชาติจีน ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา
ด้วยจุดเด่นการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคา “จับต้องได้” ในช่วงราคาราว 1 ล้านบาท จนกวาดยอดจองไปได้อย่างมหาศาล
แถมยังมีการรายงานจากสื่อสายรถยนต์อีกหลายสำนักอีกด้วยว่า BYD กำลังพิจารณาในการนำ BYD Dolphin รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีราคาตำ่กว่า 1 ล้านบาท เข้ามาเปิดตัวในไทย ภายในปี 2023 นี้
อย่างไรก็ตาม การเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาจับต้องได้ เป็นเพียงกลยุทธ์ในด้านเดียวของ BYD เท่านั้น
เพราะในความจริงแล้ว BYD กำลังคิดไปไกลกว่านั้น ด้วยการบุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรู ที่มีราคาแพง กว่ารถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ BYD ในปัจจุบัน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ในช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา BYD ได้ประกาศเปิดตัว Yangwang ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหรู ในราคาประมาณ 8 แสนหยวน - 1.5 ล้านหยวน (ราว 4 - 7.5 ล้านบาท)
หลังจากที่ BYD ประสบความสำเร็จ กับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระดับราคาต่ำ ไปจนถึงปานกลาง ไปก่อนหน้านี้
สำนักข่าว Nikkei Asia ได้อ่านเกม ถึงสาเหตุที่ทำให้ BYD ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรู ภายใต้แบรนด์ Yangwang
ว่าเป็นเพราะ สภาพตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระดับราคาต่ำ ถึงปานกลางนั้น มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด..
เนื่องจากในขณะนี้ มีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิม ๆ เริ่มเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
รวมถึง Tesla เอง ซึ่งเคยขายรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่สูงกว่า BYD ก็เริ่มลดราคาลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกันแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tesla Model 3 ในประเทศจีน มีราคาเริ่มต้น 229,000 หยวน (ราว 1.1 ล้านบาท) ซึ่งมีราคาอยู่ในระดับเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในปัจจุบัน
นั่นทำให้ BYD ต้องเจอศึกรอบด้าน เพราะในตลาดมี “คู่แข่ง” จำนวนมาก ทำให้แข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด
นอกจากนี้ Nikkei Asia ยังระบุด้วยว่า รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD นั้น มี “อัตรากำไร” ที่ต่ำ อีกด้วย
โดยในปัจจุบัน อัตรากำไร ของ BYD อยู่ที่ราว 5% เท่านั้น ในขณะที่ Tesla มีอัตรากำไร ที่สูงถึง 25%
โดยสาเหตุหลัก ๆ ก็มาจาก ต้นทุนการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงสูง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าทุกคัน
แต่เนื่องจาก BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าในระดับราคาต่ำ ถึงปานกลาง จึงทำให้ BYD ได้กำไรไม่มากนัก
แถมล่าสุด รัฐบาลจีน ยังได้ประกาศ “ยกเลิก” การให้เงินสนับสนุนกับรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ Plug-in Hybird ในช่วงสิ้นปี 2022
ทำให้ในที่สุดแล้ว BYD ต้อง “ขึ้นราคา” รถยนต์ไฟฟ้า ที่ขายในประเทศจีน
แต่นั่น ก็ทำให้ยอดขายของ BYD ภายในประเทศจีน ลดลงมากเช่นเดียวกัน
แต่นั่น ก็ทำให้ยอดขายของ BYD ภายในประเทศจีน ลดลงมากเช่นเดียวกัน
ซึ่งก็หมายความว่า Yangwang ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าหรู ของ BYD จะช่วยให้ BYD หลีกเลี่ยงการแข่งขันอันดุเดือด ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาจับต้องได้นั่นเอง
แถม BYD ยังจะได้ประโยชน์ จากโครงสร้างของรถยนต์ไฟฟ้าหรู ซึ่งมีราคาแพงกว่า และนั่น ก็อาจทำให้ BYD หนีออกจากปัญหารถยนต์ไฟฟ้า ที่มีต้นทุนสูง จากแบตเตอรี่ได้
สิ่งที่น่าจับตามองอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ ภาพลักษณ์ของ BYD เอง
แม้ในปัจจุบัน BYD จะมีความต้องการบุกตลาดภายนอกประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น อินเดีย ยุโรป รวมถึงไทย ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
แต่ Nikkei Asia ก็มองด้วยว่า แม้ยุโรป จะเป็นตลาดสำคัญ ที่รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน จะเข้าไปตีตลาด
แต่สหรัฐอเมริกา ก็เป็นตลาดสำคัญอีกแห่ง ที่ BYD ควรบุกเข้าไป
เพราะการเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา จะช่วยให้ BYD ได้ประโยชน์จาก “Economy of Scale” ที่ยิ่งมีการผลิตจำนวนมาก ก็จะยิ่งทำให้ต้นทุนต่าง ๆ ลดลง
ซึ่งแบรนด์ Yangwang จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ให้กับ BYD รวมถึงช่วยให้การเจาะตลาดในสหรัฐฯ ทำได้ราบรื่นขึ้น
โดยในปีนี้ BYD ตั้งเป้าไว้ว่า จะต้องขายรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งนับรวมรถยนต์ Plug-in Hybrid ให้ได้ 2 ล้านคัน ทั่วโลก..