CREA และ DHL ร่วมเปิดตัวเทคโนโลยีและโซลูชั่นโลจิสติกส์ระดับโลกให้ธุรกิจออนไลน์
30 ม.ค. 2020
· การร่วมมือครั้งสำคัญที่นำเอาที่สุดของเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซของ CREA มาต่อยอดกับการบริหารจัดการซัพพลายเชนและเครือข่ายประสิทธิภาพเยี่ยมของ DHL เพื่อช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์
· ความมุ่งมั่นจากสองบริษัทที่จะนำเสนอโซลูชั่นที่ทำให้การทำงานร่วมกันระหว่างซัพพลายเชนของ B2B และ B2C รวมไปถึงทำให้การค้าขายบนโลกออนไลน์มีความสะดวกมากยิ่งขึ้นสำหรับแบรนด์
CREA บริษัทผู้นำด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซสำหรับแบรนด์ และ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบรับเหมาชั้นนำของโลก ร่วมประกาศการเป็นพันธมิตรเพื่อเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ล่าสุดสำหรับแบรนด์ในยุคดิจิทัลคอมเมิร์ซ ซึ่งผสานเทคโนโลยีด้านการจัดการคำสั่งซื้อสินค้าของ CREA ที่เชื่อมต่อโดยตรงกับแพลตฟอร์มออนไลน์ของมาร์เก็ตเพลสชั้นนำ เข้ากับระบบการจัดการคลังสินค้าและเครือข่ายของ DHL เพื่อให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบนโลกออนไลน์
การเป็นพันธมิตรระหว่าง CREA และ DHL ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองบริษัทเล็งเห็นโอกาสและการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจดิจิทัลคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ซึ่งการช้อปปิ้งออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค โดยมีการคาดการณ์ว่า ตลาดดิจิทัลคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปี 2561 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และการที่ตลาดดิจิทัลคอมเมิร์ซมีมูลค่าสูงนี้ เกิดจากการที่ผู้บริโภคยุคใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีโทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ซึ่งมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคกลุ่มนี้เข้าอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ ส่งผลให้แบรนด์สินค้าเข้ามาจับตลาดออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ยังมีพฤติกรรมชอบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์โดยตรงจากแบรนด์ ทำให้การสื่อสารระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคเข้ามามีบทบาทและความสำคัญมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
นายไอโมเน ริพา ดิ มีอานา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท CREA และ อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวว่า “ที่ CREA เรามุ่งมั่นในการสร้างโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์ที่มองหาช่องทางในการค้าขายบนโลกออนไลน์ได้อย่างเฉพาะเจาะจง เพื่อสร้างความต้องการต่อสินค้าของแบรนด์นั้น ๆ จากผู้บริโภค ทั้งยังให้บริการด้านการสร้างคอนเท้นท์และเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก อย่างไรก็ตาม เราพบว่า ความท้าทายที่ตามมาเมื่อแบรนด์เติบโตมากขึ้นในธุรกิจออนไลน์ คือ การจัดการด้านคลังสินค้า (fulfillment) เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามาจากหลายแพลตฟอร์ม การสั่งซื้อสินค้าจำนวนมากในช่วงการจัดแคมเปญหรือช่วงเปิดตัวสินค้า ไปจนถึงการจัดโปรโมชั่นทางการตลาดที่ทำให้เกิดความซับซ้อน ดังนั้น เราจึงได้ต่อยอดเทคโนโลยีของเราเข้ากับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ DHL ในฐานะผู้นำด้านการให้บริการโซลูชั่นซัพพลายเชนที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพเยี่ยมเพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ และเราเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะมอบโซลูชั่นที่ให้บริการได้อย่างครอบคลุมเพื่อให้การจัดการด้านของแบรนด์มีประสิทธิภาพสูงสุด”
“การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจดิจิทัลคอมเมิร์ซ ทำให้ DHL Supply Chain มองเห็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้
แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ผ่านโลจิสติกส์โซลูชั่นของเรา ซึ่งสามารถปรับได้ตามโจทย์ความต้องการของสินค้า และมีการจัดการระบบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การใช้โรบอทช่วยส่งสินค้าในคลัง (goods to man) การใช้โรบอททำงานร่วมกันกับพนักงาน และระบบปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับเพื่อให้โซลูชั่นนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด”นาย เควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย (ประเทศไทย เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา) กล่าว “ความร่วมมือของเรากับ CREA ในครั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโซลูชั่นครบวงจรที่ตรงกับทุกความต้องการของลูกค้าในด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซ โดยเป็นผนึกกำลังด้านโลจิสติกส์โซลูชั่นของเราเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีการจัดการระบบหน้าบ้านของ CREA ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในแง่ของการทำธุรกิจออนไลน์ ไปจนถึงให้ความรวดเร็วและปลอดภัยในการจัดการระบบคลังสินค้า”
แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ผ่านโลจิสติกส์โซลูชั่นของเรา ซึ่งสามารถปรับได้ตามโจทย์ความต้องการของสินค้า และมีการจัดการระบบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การใช้โรบอทช่วยส่งสินค้าในคลัง (goods to man) การใช้โรบอททำงานร่วมกันกับพนักงาน และระบบปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยมเหนือระดับเพื่อให้โซลูชั่นนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด”นาย เควิน เบอร์เรล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย (ประเทศไทย เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา) กล่าว “ความร่วมมือของเรากับ CREA ในครั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างโซลูชั่นครบวงจรที่ตรงกับทุกความต้องการของลูกค้าในด้านดิจิทัลคอมเมิร์ซ โดยเป็นผนึกกำลังด้านโลจิสติกส์โซลูชั่นของเราเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีการจัดการระบบหน้าบ้านของ CREA ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างตรงจุด ทั้งในแง่ของการทำธุรกิจออนไลน์ ไปจนถึงให้ความรวดเร็วและปลอดภัยในการจัดการระบบคลังสินค้า”
การเป็นพันธมิตรในครั้งนี้ ทั้งสองบริษัท ได้ร่วมมือเพื่อสร้างโซลูชั่นที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถลดอุปสรรคที่เกิดขึ้นจากการบริหารซัพพลายเชนของ B2B และ B2C โดยลูกค้าของ CREA ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์สินค้าผู้บริโภคชั้นนำระดับโลก จะสามารถเข้าถึงบริการและโซลูชั่นการจัดการซัพพลายเชนประสิทธิภาพเยี่ยมของ DHL ได้อย่างไร้รอยต่อ และลูกค้าของ DHL เองยังสามารถใช้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีของ CREA เพื่อสร้างการรับรู้และความต้องการต่อสินค้าในกลุ่มลูกค้าได้อย่างเฉพาะเจาะจง ทั้งยังสามารถใช้บริการคอนเท้นท์และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้อีกด้วย นอกจากนี้ CREA และ DHL ยังมุ่งมั่นที่จะให้บริการโซลูชั่นใหม่ล่าสุดนี้แก่ลูกค้าปัจจุบันของ DHL ที่ยังคงค้าขายสินค้าในช่องทางออฟไลน์ แต่ต้องการขยับขยายธุรกิจไปยังแพลตฟอร์มของดิจิทัลคอมเมิร์ซด้วย