หัวเรือใหญ่ของ Disney ย้ำ การทำให้ธุรกิจสตรีมมิง “มีกำไร” คือสิ่งที่สำคัญสุดในตอนนี้
29 พ.ย. 2022
หลังจาก Bob Chapek ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ The Walt Disney
และได้ Robert Iger ผู้ที่เคยเป็น CEO ในช่วงปี 2005 - 2020 กลับขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน
และได้ Robert Iger ผู้ที่เคยเป็น CEO ในช่วงปี 2005 - 2020 กลับขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน
Iger ก็เริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ของ Disney เพื่อขจัดปัญหาที่บริษัทกำลังเผชิญ รวมถึงสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ
แม้ว่าที่ผ่านมา บริษัท Disney จะเติบโตทั้งในด้านรายได้ และจำนวนยอดสมาชิกบริการสตรีมมิง ก็ตาม..
โดยในไตรมาส 3 ของปีนี้
Disney มีรายได้กว่า 20,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.2 แสนล้านบาท) เติบโตขึ้น 9%
Disney มีรายได้กว่า 20,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.2 แสนล้านบาท) เติบโตขึ้น 9%
และมียอดจำนวนผู้สมัครสมาชิกบริการสตรีมมิง ในเครือทั้งหมด ทั้งแพลตฟอร์ม Disney+, Hulu และ ESPN+ รวมกัน 236 ล้านบัญชี ซึ่งเพิ่มขึ้น 14.6 ล้านบัญชี จากไตรมาสก่อนหน้า
แซงหน้า Netflix ที่มียอดสมาชิกที่ประมาณ 223 ล้านบัญชี
แซงหน้า Netflix ที่มียอดสมาชิกที่ประมาณ 223 ล้านบัญชี
ทั้งนี้ เฉพาะแพลตฟอร์ม Disney+ มียอดสมาชิกราว 164.2 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 12.1 ล้านบัญชี
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังตัวเลขการเติบโตของบริการสตรีมมิง ก็มากับผลขาดทุนอันมหาศาล..
เพราะเพียงไตรมาส 3 ไตรมาสเดียว บริษัท Disney ขาดทุนจากการดำเนินงาน ในธุรกิจสตรีมมิง กว่า 1,474 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.2 หมื่นล้านบาท)
และเป็นการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 134% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
และเป็นการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 134% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ดังนั้น Iger จึงต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ และลงมาแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเขาเอง
โดย Iger เผยว่า หนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ สำหรับเขา คือ การทำให้ธุรกิจสตรีมมิงของบริษัท “มีกำไร”
โดย Iger เผยว่า หนึ่งในเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ๆ สำหรับเขา คือ การทำให้ธุรกิจสตรีมมิงของบริษัท “มีกำไร”
และ Iger ยังยอมรับด้วยว่า ตัวชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะตอนนี้นักลงทุน หันไปโฟกัสที่การทำกำไร ไม่ใช่แค่จำนวนยอดสมาชิกเท่านั้น
“แทนที่จะหมกมุ่นกับเพิ่มจำนวนสมาชิก ด้วยการตลาดเชิงรุก และทุ่มเงินจำนวนมากไปกับคอนเทนต์
ตอนนี้เราต้องเริ่มพิจารณาเรื่องความสามารถในการทำกำไร”
ตอนนี้เราต้องเริ่มพิจารณาเรื่องความสามารถในการทำกำไร”
"และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น เราต้องพิจารณาโครงสร้างต้นทุนในธุรกิจของเรา อย่างละเอียดถี่ถ้วน"
ซึ่งเรื่องนี้ก็สอดคล้องกับ ที่เมื่อไม่นานมานี้ Iger ได้ประกาศแผนการระงับการจ้างพนักงานใหม่ของบริษัท รวมถึงความเป็นไปได้ที่อาจต้องปรับลดจำนวนพนักงานลง
นอกจากเรื่องลดต้นทุนของธุรกิจแล้ว อีกตัวอย่างกลยุทธ์ของ Disney หลังจากนี้คือ จะหันมาร่วมมือกับบริษัทสื่อหลาย ๆ แห่ง ที่ต้องการขยายธุรกิจหรือคอนเทนต์ มาสู่บริการสตรีมมิง มากขึ้น
เพื่อเพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม รวมถึงทาง Disney ก็ไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเอง ให้ลงทุนมหาศาลไปกับการสร้างคอนเทนต์เองทั้งหมด
อ้างอิง :
-https://www.reuters.com/business/media-telecom/disney-ceo-bob-iger-calls-drive-make-streaming-profitable-priority-2022-11-28/
-https://thewaltdisneycompany.com/app/uploads/2022/11/q4-fy22-earnings.pdf
-https://www.reuters.com/business/media-telecom/disney-ceo-bob-iger-calls-drive-make-streaming-profitable-priority-2022-11-28/
-https://thewaltdisneycompany.com/app/uploads/2022/11/q4-fy22-earnings.pdf