KABOCHA SUSHI กับ วิธีสร้างซูชิ 1 คำ แห่งความสุข สู่รายได้ 400 ล้านบาท

KABOCHA SUSHI กับ วิธีสร้างซูชิ 1 คำ แห่งความสุข สู่รายได้ 400 ล้านบาท

17 พ.ย. 2022
หากลอง Search Google ค้นหาร้าน ซูชิ อร่อย ๆ ที่มีรสชาติต้นตำรับจากญี่ปุ่น
ชื่อร้าน KABOCHA SUSHI น่าจะพบเจอบ่อยเป็นอันดับต้น ๆ
เมื่อเป็นร้านที่หลายคนหลงใหลถึงสัมผัสแรกของรสชาติซูชิ ที่อร่อยฟุ้งกลมกล่อมอยู่ในปาก
มาพร้อมราคาที่เข้าถึงง่าย และมีถึง 300 เมนูให้เลือกอร่อย ไม่มีเบื่อ
“เรานิยามซูชิ 1 คำที่ดี ต้องสร้างความสุขในการทาน มีรสชาติแบบต้นตำรับญี่ปุ่น พร้อมราคาที่เข้าถึงง่าย เพื่อให้ลูกค้าทานได้บ่อยครั้ง”
คุณพัฒนชัย สุระวัฒนาพงศ์ เจ้าของร้าน KABOCHA SUSHI
เปิดเผยถึงแนวคิดการทำ ซูชิ ให้มีรสชาติอร่อย ที่มาจากแรงบันดาลใจของตัวเอง
แต่.. การจะทำให้รสชาติ ซูชิ อร่อยถูกใจมหาชน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ
เมื่อต้องผสมผสานหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน
แน่นอนว่าอันดับแรกก็ต้องเป็น “วัตถุดิบ” คุณภาพสูง
รู้หรือไม่ ร้านซูชิแห่งนี้ นำเข้าวัตถุดิบจากตลาดปลาที่ติดอันดับต้น ๆ ของโลก
อย่างตลาดปลา Toyosu ที่บรรดาร้านอาหารชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น ต่างเลือกสั่งซื้อปลาจากที่นี่
โดยทางร้านจะสั่งปลาและวัตถุดิบจากตลาดแห่งนี้ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ที่เป็นปลาสด ๆ เพื่อเสิร์ฟให้แก่ลูกค้า มอบประสบการณ์ทานอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ
ซึ่งการจะได้สัมผัสปลาญี่ปุ่นคุณภาพดี ๆ ขนาดนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในร้านโอมากาเสะ
ขณะที่ข้าวที่ใช้ทำซูชิจะเป็นสายพันธุ์ “โคชิฮิคาริ” จากจังหวัดนีงาตะ
ที่เม็ดข้าวมีรสและสัมผัสที่ดี เหมาะกับการทำซูชิ และเป็นข้าวพันธุ์ที่อร่อยที่สุดของญี่ปุ่น
“เราทดลองใช้ข้าวหลาย ๆ แหล่งจากญี่ปุ่น พบว่าข้าวพันธ์ุนี้ เมื่อรวมเข้ากับสูตรน้ำปรุงข้าว ที่เราพัฒนาขึ้นมา ทำให้เราได้ข้าวซูชิที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และลงตัว ถูกใจลูกค้ามากที่สุด”
จะเห็นว่าการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ขายในราคาสมเหตุสมผล
เป็นการให้ความสำคัญกับ Product มากกว่า Pricing
เพราะเชื่อว่าเมื่อคนไทยได้ทานซูชิรสชาติอร่อย ๆ แบบญี่ปุ่น ตกแต่งให้น่าทาน ก็จะมีความสุขทุกครั้งที่เข้าร้าน จากนั้นก็จะเกิดการบอกปากต่อปากของลูกค้าในวงกว้าง
ซึ่ง KABOCHA SUSHI เอง ก็เติบโตมาจากวิธีนี้
แม้เมนูหลักจะเป็น ซูชิ แต่ทางร้านก็ยังมีเมนูอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ
เช่น ซาชิมิ, สลัด, คานิมิโซะยากิ ยากิโมโน ดงบุริ แคชชวลไดน์นิ่ง โดยรวม ๆ กันแล้วมีถึง 300 เมนู
เหตุผลก็เพื่อต้องการเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมสร้างอัตราความถี่ของลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการบ่อยครั้ง
ที่น่าสนใจ เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านทั้ง 11 สาขา ก็จะมีการทำ Research
สอบถามความพึงพอใจของลูกค้า ทั้งเรื่องการบริการ และรสชาติอาหาร
จากนั้นก็นำข้อมูลมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลจากช่องทางอื่น ๆ
เพื่อพัฒนาแบรนด์ และคิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความอร่อย จนถึงการบริการ
ที่จะพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์เข้าร้านให้แก่ลูกค้าให้รู้สึกอบอุ่น สบายใจ ที่ได้มาทาน
ทีนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ทั้ง ๆ ที่ร้าน KABOCHA SUSHI มีรสชาติอาหารที่อร่อยถูกปาก แต่ทำไมในระยะเวลา 8 ปี ถึงมี 11 สาขา
คุณพัฒนชัย ให้เหตุผลว่า การลงทุนเปิดร้านในแต่ละสาขา ใช้เงินทุนของคุณพัฒนชัยเองทั้งหมด ทำให้การเปิดสาขาใหม่แต่ละครั้ง ต้องคิดอย่างรอบด้าน
อีกทั้งด้วยประเภทอาหารหลักคือ ซูชิ ที่มีให้เลือกมากมาย การจะควบคุมคุณภาพอาหารให้อร่อยทุก ๆ เมนู ทุก ๆ สาขา ตอนนี้ถือเป็นเรื่องยาก ทำให้การเปิดสาขาใหม่แต่ละครั้งต้อง Make Sure ว่าคุณภาพอาหารและบริการต้องดี
“ด้วยแนวคิดนี้ ทำให้การเพิ่มสาขาของเราจะค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องมั่นคงและยั่งยืนในใจลูกค้า”
และเมื่อถูกถามว่า ทำไม KABOCHA SUSHI ถึงต้องพิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด
คุณพัฒนชัย บอกว่า เพราะเราต้องการเป็น Professional Brand ในวงการอาหารซูชิเมืองไทย
เพียงแต่ที่ผ่านมา ผู้บริโภค อาจไม่รับรู้เรื่องนี้มากนัก
ล่าสุด KABOCHA SUSHI ตัดสินใจ Rebrand สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ เพื่อเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น
จาก Brand Image เดิมคือเป็นร้านซูชิ มีความสนุกสนาน และมีความครีเอทิฟสูง แต่เมื่อลูกค้าประจำร้านเติบโตขึ้น KABOCHA SUSHI ก็ต้องเติบโตตาม ด้วยการสื่อสาร Brand Image ให้ชัดมากขึ้น เป็นร้านซูชิที่มีความเป็นต้นตำรับญี่ปุ่น พิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด
ทั้งหมดก็เพื่อสร้างประสบการณ์ความสุขในการทานอาหาร
“เรื่องเหล่านี้ เราให้ความสำคัญตั้งแต่เปิดสาขาแรกเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
เพียงแต่ที่ผ่านมา เราอาจไม่ได้หยิบยกมาสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจในวงกว้าง”
จุดพีกที่สุดของเรื่อง มันอยู่ตรงเป้าหมายของ KABOCHA SUSHI ต่างหาก
เมื่อภายในอีก 3 ปีข้างหน้า บริษัทต้องการมีรายได้ 400 ล้านบาทต่อปี จากเดิมอยู่ที่ราว ๆ 300 ล้านบาท
เป็นการตั้งเป้าเติบโต 100% เลยทีเดียว
คำถามคือ แล้วจะไปถึงจุดนั้น ได้อย่างไร ?
คุณพัฒนชัย เล่าว่าการปรับ Brand Image ครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ลูกค้ารู้จัก KABOCHA SUSHI มากขึ้น
อีกเรื่องก็เพื่อขยายสาขาใหม่ ๆ ไปยัง Prime Location ตามศูนย์การค้าชื่อดัง และสถานที่ Traffic สูง ๆ
โดยปัจจุบัน KABOCHA SUSHI ส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลคอมมิวนิตีมอลล์ และเป็นสาขาแบบ Stand Alone จะมีแค่ 1 สาขาที่อยู่ในศูนย์การค้าใหญ่ อย่างเซ็นทรัล พระราม 9
“เราเชื่อว่าในสมรภูมิ Prime Location ที่มีร้านอาหารให้ผู้บริโภคเลือกมากมาย KABOCHA SUSHI สามารถเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับลูกค้าได้ ทั้งรสชาติ, ราคา, บริการ ที่มีคุณภาพ และมาตรฐานที่ดี”
ขณะเดียวกันก็เตรียมที่จะเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นใหม่ ๆ อย่างเช่น ชาบูและปิ้งย่าง
นอกจากเพื่อสร้างรายได้ใหม่ ๆ ก็ยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภค
และเมื่อถามว่าอะไรเป็น กุญแจความสำเร็จ ที่ทำให้ KABOCHA SUSHI เติบโตอย่างมั่นคง
คุณพัฒนชัย บอกว่าแม้มีหลายองค์ประกอบ ทั้งคุณภาพอาหาร, บริการ และโปรโมชันที่โดนใจ
เพียงแต่ทั้งหมดนี้ กลับมีจุดกำเนิดเพียงแค่เหตุผลเดียว คือ “KABOCHA SUSHI ถูกขับเคลื่อนด้วยความเชื่ออย่างเดียว คือเราจะไม่หยุดพัฒนาคุณภาพอาหารและบริการ เพื่อส่งมอบความสุขให้ลูกค้า”
จึงไม่ต้องแปลกใจ หากเราไปทานซูชิร้านนี้ แล้วจะรู้สึกถึง “ซูชิ 1 คำที่อร่อยมีความสุขแบบฟิน ๆ”
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.