ทำไม Tesla “ขายรถยนต์ 1 คัน” ถึงได้กำไรเท่ากับ Toyota “ขายรถยนต์ 8 คัน”
8 พ.ย. 2022
ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา Toyota สามารถขายรถยนต์ได้ทั้งหมด 2.6 ล้านคัน
บริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 3,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 117,400 ล้านบาท)
บริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 3,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 117,400 ล้านบาท)
หมายความว่าเฉลี่ยแล้ว รถยนต์ Toyota 1 คัน สามารถทำกำไรได้ราว 1,211 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 45,100 บาท)
ในขณะที่ไตรมาสเดียวกัน Tesla สามารถขายรถยนต์ได้เพียง 344,000 คัน
แต่ Tesla สามารถทำกำไรได้ถึง 3,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 122,700 ล้านบาท)
แต่ Tesla สามารถทำกำไรได้ถึง 3,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 122,700 ล้านบาท)
หมายความว่า รถยนต์ Tesla 1 คัน เฉลี่ยแล้วสามารถทำกำไรได้ 9,563 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 356,500 บาท)
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ถ้า Tesla ขายรถได้ 1 คัน
และ Toyota อยากจะได้กำไรเท่า Tesla บ้าง
Toyota จะต้องขายรถยนต์ให้ได้ถึง 8 คันเลยทีเดียว..
และ Toyota อยากจะได้กำไรเท่า Tesla บ้าง
Toyota จะต้องขายรถยนต์ให้ได้ถึง 8 คันเลยทีเดียว..
และนอกจาก Tesla จะมีอัตรากำไรต่อคัน ที่เหนือกว่า Toyota แล้ว
Tesla ยังสามารถทำอัตรากำไรจากรถยนต์ต่อคัน แซงหน้ารถยนต์แบรนด์ยุโรปอย่าง Mercedes-Benz, BMW และ Volkswagen ได้อีกด้วย
แล้วเรื่องนี้เป็นอย่างไร ทำไมแบรนด์รถยนต์ที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน ถึงมีอัตรากำไรแซงหน้าผู้ผลิตรถยนต์อันดับอย่าง Toyota ได้ขาดลอยขนาดนี้ ?
ในบทความนี้ MarketThink จะขออาสารวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ มาสรุปให้ทุกคนเข้าใจกัน..
- อย่างแรก Tesla มีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าแบรนด์อื่น
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะในกระบวนการผลิตของ Tesla นั้น มีการติดตั้งเครื่องจักรที่เรียกว่า “Giga Press casting machines” หรือเครื่องจักรที่จะช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากต่าง ๆ ในการผลิต
ให้ใช้ทั้งแรงงงาน และขั้นตอนที่น้อยลง แต่จะแลกมาด้วยคุณภาพที่อาจจะด้อยกว่ากระบวนการผลิตแบบดั้งเดิมเล็กน้อย..
จุดนี้เองที่ทำให้ Tesla มีต้นทุนที่ “ถูกกว่า” แบรนด์รถยนต์อื่น ๆ ในตลาด
แถมในปัจจุบัน Tesla ยังมีรถยนต์ทำตลาดอยู่แค่ 4 รุ่นเท่านั้น ประกอบด้วย Model S, Model 3, Model X และ Model Y
ที่ทั้งหมดเป็นรถยนต์ EV ที่มีโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตและขั้นตอนการประกอบไม่ต่างกันนมาก ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด และควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า
ผิดกับแบรนด์คู่แข่งอย่าง Toyota ที่มีจำนวนรุ่นรถยนต์ที่ทำตลาดเยอะ
ตั้งแต่รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทั้งรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่ รวมไปถึงรถยนต์พลังงานไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตต่างกันโดยสิ้นเชิงอีกด้วย
ตั้งแต่รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทั้งรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่ รวมไปถึงรถยนต์พลังงานไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า ที่มีโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตต่างกันโดยสิ้นเชิงอีกด้วย
- Tesla ทำการโฆษณาโดยใช้งบเพียง 0 บาท
นอกจากจะมีต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าแล้ว..
ด้วยบุคลิกเฉพาะตัวของ อีลอน มัสก์ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้พื้นที่สื่อไปฟรี ๆ อยู่เสมอ
ด้วยบุคลิกเฉพาะตัวของ อีลอน มัสก์ ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ได้พื้นที่สื่อไปฟรี ๆ อยู่เสมอ
รวมถึง Tesla ยังถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ที่มากับนวัตกรรมมากมาย เลยดึงดูดให้เหล่าครีเอเตอร์ มักนำรถ Tesla ไปรีวิวเองอยู่เสมอ
จึงมักทำให้ Tesla ที่เป็นธุรกิจของ มัสก์ ได้มีโอกาสสร้างการรับรู้แบบฟรี ๆ ไปด้วยเช่นกัน
จึงมักทำให้ Tesla ที่เป็นธุรกิจของ มัสก์ ได้มีโอกาสสร้างการรับรู้แบบฟรี ๆ ไปด้วยเช่นกัน
และที่สำคัญเลยก็คือ “ช่องทางการจัดจำหน่าย” ของ Tesla ที่เน้นไปที่ช่องทางออนไลน์ โดยไม่ผ่านดีลเลอร์
จึงทำให้รายได้จากการขายรถยนต์ Tesla แต่ละคัน สามารถเข้าสู่บริษัทได้แบบเต็ม ๆ ไม่ต้องหัก % ให้ดีลเลอร์เหมือนกับหลายแบรนด์นั่นเอง
จึงทำให้รายได้จากการขายรถยนต์ Tesla แต่ละคัน สามารถเข้าสู่บริษัทได้แบบเต็ม ๆ ไม่ต้องหัก % ให้ดีลเลอร์เหมือนกับหลายแบรนด์นั่นเอง
- ซื้อรถยนต์ของ Tesla ไม่พอ.. ต้องซื้อซอฟต์แวร์เพิ่มด้วย
จุดเด่นที่แบรนด์คู่แข่งในตลาดแทบสู้ Tesla ไม่ได้เลยในตอนนี้ ก็คือระบบการขับขี่อัตโนมัติ
โดย Tesla ก็ไม่ได้ให้ระบบนี้มาตั้งแต่แรก แต่จะเสนอขายเป็นบริการเสริม โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบรายเดือนหรือซื้อถาวร
ยกตัวอย่างเช่นระบบ Full Self-Driving ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ Tesla เปิดให้ผู้ใช้สามารถจ่ายแบบรายเดือนเพื่อรับบริการดังกล่าวที่ราคาราว ๆ 199 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (7,400 บาท)
และเมื่อนำเหตุผลทั้งหมดนี้มาประกอบกับแบรนด์ที่แข็งแกร่งมากของ Tesla จึงทำให้แม้จะตั้งราคาสูงกว่ารถทั่วไป ก็มีคนยอมซื้อ
ทั้งที่ปัจจุบันก็เริ่มมีหลายแบรนด์ที่ทำรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกกว่า Tesla ออกมาวางจำหน่ายบ้างแล้ว แต่ยอดขายของ Tesla ก็ดูจะไม่ลดลงเลย
สะท้อนให้เห็นจากรถรุ่น Model Y และ Model 3 ที่ราคาเริ่มต้นก็ไม่ได้ถูกกว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในตลาด
(เริ่มต้น 1.7 ล้าน) แต่กลับสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 90% ในรอบ 2 ปีได้สำเร็จนั่นเอง..
(เริ่มต้น 1.7 ล้าน) แต่กลับสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 90% ในรอบ 2 ปีได้สำเร็จนั่นเอง..
—----------------------------------------
อ้างอิง :
-https://asia.nikkei.com/.../Tesla-earns-8-times-more...