กรณีศึกษา “คาเฟอีน” การกลับมาของ หญิงลี กับเพลงฮิตติดหู ที่ คิดสิคิดสิ ทำไมแบรนด์กาแฟต้องเข้า

กรณีศึกษา “คาเฟอีน” การกลับมาของ หญิงลี กับเพลงฮิตติดหู ที่ คิดสิคิดสิ ทำไมแบรนด์กาแฟต้องเข้า

12 ต.ค. 2022
“คิดสิ คิดสิ คาปูชิโน่ เอสเปรสโซ่ อาราบิก้า โรบัสต้า
อะไรดีนะ มอคค่า ซุปเปอร์ริช อย่าคิดนาน
หรือปาท่องโก๋ปากซอยบ้าน เฮ้ ลาเต้ ลาเต้..”
ท่อนฮุกของเพลง ที่ตอนนี้หลาย ๆ คนเอาออกจากหัวไม่ได้
พอนึกถึงทีไร ก็ต้องฮัมเพลงในใจตาม..
เพลงนี้ชื่อว่า “คาเฟอีน” ร้องโดย หญิงลี ศรีจุมพล
นักร้องเพลงลูกทุ่งซูเปอร์สตาร์ ที่เคยมีผลงานสร้างชื่อมากมาย เช่น ขอใจเธอแลกเบอร์โทร และหญิงลั้ลลา
ที่สนใจคือ เพลงคาเฟอีนนี้ ถือเป็นการกลับมาเฉิดฉายในวงการอีกครั้งของ หญิงลี ในรอบหลายปี..
ซึ่งก็สร้างปรากฏการณ์ความร้อนแรง บนโลกออนไลน์ทันที
สะท้อนจากยอดวิวของ MV เพลงบน YouTube ที่พุ่งทะลุ 3.3 ล้านวิว ภายใน 2 สัปดาห์
และเป็นไวรัลบน TikTok เพราะมีชาวเน็ตจำนวนมาก เอาเพลงนี้ไปต่อยอดทำ Cover ร้อง เล่น เต้นตาม รวมถึงสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์ต่าง ๆ
แม้แต่ดาราดังอย่าง มิน-พีชญา ก็เอาเพลงนี้ไปทำคอนเทนต์ร้องและเต้น ในขณะที่กำลังสั่งกาแฟกับพนักงาน ซึ่งคลิปนั้นก็ได้ผลตอบรับดีมาก จนมีคนกดไลก์แล้วมากกว่า 9 แสนราย
(https://www.tiktok.com/@minpecha…/video/7149143355958529306…)
รวมถึงเหล่าคนดังที่ทยอยปล่อยคอนเทนต์เพลง คาเฟอีน กันออกมาเต็มโซเชียล ณ ตอนนี้
จนมีคำพูดว่า นับจากนี้ การสั่งกาแฟของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
สำหรับเพลง คาเฟอีน จุดเด่นคือ มีการนำเอาชื่อกาแฟยอดนิยมต่าง ๆ มาใช้
และเอาเรื่องของ “กาแฟ (คาเฟอีน)” มาเชื่อมโยงกับเรื่องของ “ความรัก” ว่า คาเฟอีนทำให้ตาสว่าง
บวกกับทำนองของดนตรีที่ติดหู มาแต่งเป็นเพลง
ทำให้ได้ออกมาเป็นเพลงที่แปลกใหม่ แต่สามารถเข้าถึงได้กับทุกคน เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวเรา
และปฏิเสธไม่ได้ว่า เพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และเป็นกระแสของผู้คนในวงกว้างแบบนี้
ย่อมมีบางแบรนด์ ที่เห็นเป็นโอกาสทางการตลาด และกระโจนเข้ามาร่วมวงด้วย
ซึ่งตอนแรก ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า แบรนด์กาแฟแบรนด์ไหน จะเล็งเห็นและคว้าโอกาสได้ก่อน
แต่ล่าสุดก็เฉลยออกมาแล้วว่า แบรนด์นั้นคือ “อินทนิล”
โดยแบรนด์อินทนิล และหญิงลี ได้ประกาศว่า จะมีการทำแคมเปญร่วมกัน ภายใต้ธีมเพลงคาเฟอีน
สำหรับแคมเปญ อินทนิล X หญิงลี
อินทนิล จะแจกกาแฟฟรี 10,000 แก้ว วันที่ 14 - 16 ต.ค. นี้
ให้กับคนที่ทำคลิปเต้นเพลง “คาเฟอีน” ที่ร้านกาแฟอินทนิลทั่วประเทศ (1 คลิป ต่อ 1 แก้ว) พร้อมติดแฮชแท็ก #อินทนิลหญิงลี #คาเฟอีนchallenge โพสต์บน TikTok, IG หรือ Facebook
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม “อินทนิล” ถึงสนใจเพลงคาเฟอีน และจับมือกับหญิงลี ?
จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกของอินทนิล
เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อปลายปี 2019 อินทนิล ก็เคยทำเพลง “คาเฟอีน” มาก่อน แต่เป็นผลงานที่ทำร่วมกับ ว่าน ธนกฤต
ซึ่งเนื้อเพลงก็เกี่ยวกับ การโยงเรื่องความรัก เข้ากับเรื่องของ คาเฟอีน เช่นเดียวกัน
ว่า ทำไมไม่รู้อยากเจอทุกวัน ทั้งที่ทำให้ใจสั่น แต่ก็ขาดไม่ได้
และใน MV ก็มีการ Tie-in กาแฟและร้านอินทนิล เข้าไปด้วย..
โดยการกลับมาอีกครั้งของอินทนิล กับเพลงคาเฟอีน เวอร์ชันหญิงลี ที่มีความมหาชนนี้
ถ้าลองให้วิเคราะห์ จะพบว่า แคมเปญนี้อาจจะช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดต่าง ๆ
ผ่านกลยุทธ์ Music Marketing และการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม TikTok
- ช่วยสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) และการจดจำของแบรนด์มากขึ้น
รู้หรือไม่ว่า “เสียงเพลง” เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และเป็นที่จดจำได้มากขึ้น นอกเหนือจากชื่อแบรนด์ โลโกแบรนด์
และมีงานวิจัยที่พบว่า “เสียงเพลง” เป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้ลูกค้ารับรู้และจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น การที่อินทนิลใช้กลยุทธ์ “Music Marketing” นำเพลงคาเฟอีน เข้ามาส่งเสริมแบรนด์ หรือส่งเสริมแคมเปญทางการตลาด ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ และสอดคล้องกับลักษณะของธุรกิจ
แถมเวลาที่ผู้บริโภคฟังเพลงคาเฟอีน หรือจู่ ๆ ก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมา
ก็อาจจะนึกเชื่อมโยงไปถึงแบรนด์อินทนิล แบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ด้วยพลังของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok และ YouTube
โดยเฉพาะคอนเทนต์ที่เป็นไวรัลอย่าง คาเฟอีน ของหญิงลี
บวกกับแรงช่วยจากชาวโซเชียลที่ทำคลิปเต้นเพลงคาเฟอีน ที่ร้านกาแฟอินทนิล แล้ว
ก็ยิ่งจะช่วยให้เกิดการกระจายการรับรู้ในแบรนด์ และมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ได้แบบทวีคูณตามไปด้วยนั่นเอง
- เสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ ที่ปรับตัวอยู่ตลอดเวลา
นอกจากเพลงคาเฟอีน จะช่วยเชื่อมโยงไปสู่ภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อตอกย้ำว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านกาแฟแล้ว
การนำปรากฏการณ์ที่กำลังเป็นกระแส มาต่อยอดสร้างสรรค์เป็นแคมเปญการตลาด ยังสะท้อนว่า
เป็นแบรนด์ที่ทันสมัย ซึ่งเห็นโอกาสในสถานการณ์ต่าง ๆ และพร้อมปรับตัวตามเทรนด์ อยู่ตลอดเวลา
- เพิ่มโอกาสในการเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
เมื่อคนไทยมีพฤติกรรมหันมาดื่มกาแฟสดกันมากขึ้น และตลาดกาแฟกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
คงไม่มีเวลาไหนเหมาะที่จะรุกตลาด เพื่อขยายฐานลูกค้า เท่าเวลานี้
โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยขยายฐานลูกค้า ก็คือ การ Collaboration ระหว่างแบรนด์
ซึ่งการนำนักร้อง มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำ Music Marketing ก็เหมือนกับการที่แบรนด์ 2 แบรนด์ มาจับมือ Collaboration เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ซึ่งกันและกัน นั่นเอง
อย่างกรณีของอินทนิล ก็อาจช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และได้มาซึ่งฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มแฟนคลับของหญิงลี นั่นเอง
สรุปแล้ว แบรนด์ “อินทนิล” กำลังจะแพร่กระจายการรับรู้ (Awareness) ด้วยการเกาะกระแสความฮอตฮิตของเพลงคาเฟอีน บนโลกโซเชียล
สร้างความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์ กับเสียงเพลง ให้ผู้คนนึกถึงแบรนด์อยู่บ่อย ๆ
สร้าง Engagement ระหว่างผู้บริโภค กับแบรนด์
รวมถึงพยายามเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตของแบรนด์ต่อไป
ถึงแม้ตอนนี้ แคมเปญ อินทนิล X หญิงลี จะยังไม่รู้ว่าผลตอบรับจะออกมาเป็นอย่างไร หรือ สร้างปรากฏการณ์ให้กับแบรนด์มากแค่ไหน
ซึ่งเราคงต้องรอติดตามดูกระแสบนโลกโซเชียลกันต่อไป
แต่ที่แน่ชัดแน่ ๆ ณ ตอนนี้คือ อินทนิล กลายเป็นแบรนด์กาแฟ เจ้าของเพลงคาเฟอีนเวอร์ชั่นหญิงลี
ที่สร้างปรากฏการณ์ อยู่ในขณะนี้ ซึ่งทำนองเพลง
“คิดสิ คิดสิ คาปูชิโน่ เอสเปรสโซ่ อาราบิก้า โรบัสต้า
อะไรดีนะ มอคค่า ซุปเปอร์ริช อย่าคิดนาน..”
ได้เข้าไปอยู่ในหัวของเราเรียบร้อยแล้ว..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.