กรณีศึกษา เมื่อ กฟผ. นำความเชี่ยวชาญ มาต่อยอดธุรกิจ EV จับเทรนด์อนาคต พร้อมดันไทยเป็น Hub ยานยนต์ไฟฟ้า
4 ต.ค. 2022
อะไรจะทำให้ “ประเทศไทย” สามารถกลายเป็น Hub ยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้ ?
นี่คือคำถามสำคัญ ที่ต้องตอบให้ได้ เมื่อโลกถึงเวลาเปลี่ยนผ่าน และมุ่งสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
โดยอุตสาหกรรมนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจ การจ้างงาน และผู้บริโภคเป็นวงกว้าง
ดังนั้น บริษัทหรือประเทศไหน สามารถปรับตัวตามเทรนด์ได้ทัน ก็จะคว้าโอกาสต่าง ๆ อันมหาศาลมาได้
รวมถึงมีจุดยืนบนเวทีโลก..
รวมถึงมีจุดยืนบนเวทีโลก..
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็น Hub ยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้ ต้องอาศัยหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น
- การที่รัฐให้เงินอุดหนุน รวมถึงมาตรการลดภาษียานยนต์ไฟฟ้า
- ราคารถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าถึงได้ และมีตัวเลือกที่หลากหลาย
- ค่ายรถยนต์ มาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
- ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และแบตเตอรี่
- ราคารถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าถึงได้ และมีตัวเลือกที่หลากหลาย
- ค่ายรถยนต์ มาตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
- ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และแบตเตอรี่
ซึ่งทุกเรื่องล้วนมีความสำคัญ และช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
แต่ตัวแปรสำคัญ ที่จะทำให้อุตสาหกรรมนี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน คงหนีไม่พ้น “โครงสร้างพื้นฐาน” เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและระบบแจกจ่ายพลังงานไฟฟ้า ที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ทั่วถึง นั่นเอง
เพราะถ้าขาด “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ดีรองรับ ก็คงเป็นเรื่องยาก ที่จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศเดินหน้าต่อไปได้
ลองนึกภาพง่าย ๆ ถึงราคารถยนต์ไฟฟ้าจะถูกพอ ๆ กับรถยนต์สันดาป
แต่ถ้าติดข้อกำจัดที่ว่า ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ก็ไม่มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเลย ก็คงยากที่คนไทยจะมีแรงจูงใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาขับ..
แต่ถ้าติดข้อกำจัดที่ว่า ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ก็ไม่มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเลย ก็คงยากที่คนไทยจะมีแรงจูงใจในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาขับ..
นี่จึงนับเป็น “ปัญหาคอขวด” ที่ประเทศไทยต้องจัดการให้ได้ก่อน
ซึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ EGAT เล็งเห็นความสำคัญที่มีความท้าทายตรงนี้ดี
ซึ่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ EGAT เล็งเห็นความสำคัญที่มีความท้าทายตรงนี้ดี
และมองว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะเข้าไปช่วยปลดล็อกศักยภาพของประเทศไทย และข้อจำกัดที่ผู้บริโภคชาวไทยกำลังเผชิญ โดยนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านการผลิตไฟฟ้าที่มีอยู่ เข้าไปช่วยแก้ Pain Point
หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ดำเนินงานเพื่อคนไทยและประเทศ
โดยทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้า และรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตโดยโรงไฟฟ้าจากเอกชน แล้วส่งพลังงานไฟฟ้าไปยัง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าไปยังบ้านเรือน และบริษัทต่าง ๆ ต่อไป
โดยทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้า และรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตโดยโรงไฟฟ้าจากเอกชน แล้วส่งพลังงานไฟฟ้าไปยัง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าไปยังบ้านเรือน และบริษัทต่าง ๆ ต่อไป
ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่ทำมากว่า 53 ปี..
แต่เมื่อไม่นานมานี้ กฟผ. เลือกที่จะดิสรัปต์ตัวเอง และเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังเป็นเทรนด์อนาคต ภายใต้ธุรกิจที่ชื่อว่า “EGAT EV Business Solutions”
ซึ่งจะทำให้ กฟผ. ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญ ในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าของไทย..
โดย EGAT EV Business Solutions มีเป้าหมายหลัก ๆ คือ
ยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทาง ช่วยคนไทยสบายใจที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าไว้ขับ
หรือคนที่อยากจะลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า ก็ไม่พลาดโอกาสใหม่ ๆ
ยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทาง ช่วยคนไทยสบายใจที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าไว้ขับ
หรือคนที่อยากจะลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า ก็ไม่พลาดโอกาสใหม่ ๆ
พร้อมกับเป็นฟันเฟือง ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ให้เติบโตและแข็งแกร่ง
รวมถึงสนับสนุนนโยบายสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อย CO2 พร้อมมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050
รวมถึงสนับสนุนนโยบายสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อย CO2 พร้อมมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050
แล้ว กฟผ. มีแนวทางในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไร ?
ทุกวันนี้ประเทศไทยนำเข้าเทคโนโลยี และใช้บริการแพลตฟอร์มจากต่างชาติกันเป็นส่วนใหญ่ เช่น โซเชียลมีเดีย, สตรีมมิง, อีคอมเมิร์ซ รวมถึงในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า
ทั้งหัวชาร์จเจอร์ ตู้อัดประจุไฟฟ้า จนถึงแพลตฟอร์มบริหารจัดการสถานีชาร์จไฟฟ้า
ทั้งหัวชาร์จเจอร์ ตู้อัดประจุไฟฟ้า จนถึงแพลตฟอร์มบริหารจัดการสถานีชาร์จไฟฟ้า
ประเทศไทยก็นำเข้าจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด..
กฟผ. จึงตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทย ลดการพึ่งพาต่างชาติ แล้วหันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
เพราะการนำเข้า มีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้นทุนทางธุรกิจสูงไปด้วย จึงสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
อีกทั้งไทยจะไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ เป็นของตัวเอง..
เพราะการนำเข้า มีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้นทุนทางธุรกิจสูงไปด้วย จึงสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
อีกทั้งไทยจะไม่มีเทคโนโลยีใด ๆ เป็นของตัวเอง..
โดย กฟผ. จะทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิต และเป็นพันธมิตรกับบริษัททั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ (Local Content) ให้มากที่สุด
เพื่อทำให้หัวชาร์จเจอร์, ตู้อัดประจุไฟฟ้า และการวางระบบบริหารจัดการ มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีในราคาที่ถูกลง และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พร้อมตั้งเป้าให้อนาคต มีสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมทุกพื้นที่
แล้ว EGAT EV Business Solutions มีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง ?
1. สถานีอัดประจุไฟฟ้า “EleX by EGAT”
สถานีชาร์จไฟฟ้าแห่งใหม่ของไทย ซึ่งบริหารงานโดย กฟผ.
ปัจจุบันให้บริการทั้งหมด กว่า 68 สถานี และมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เป็น 120 สถานีภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นของประเทศไทย
ปัจจุบันให้บริการทั้งหมด กว่า 68 สถานี และมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เป็น 120 สถานีภายในสิ้นปีนี้ เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นของประเทศไทย
ซึ่ง กฟผ. เปิดรับบริษัทเอกชนและพาร์ตเนอร์ มาร่วมลงทุนทำธุรกิจสถานีชาร์จไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยตอนนี้มีกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล, สถานีบริการน้ำมัน, ร้านอาหาร ฯลฯ เข้าร่วม
เหมาะสำหรับพาร์ตเนอร์ที่ต้องการดึงดูด และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ เช่น ร้านค้าต่าง ๆ
รวมถึงมองหาแหล่งรายได้ใหม่ในระยะยาว ที่มีศักยภาพ เช่น ค่าบริการชาร์จไฟฟ้า, รายได้จากการโฆษณา
เพราะในอนาคต จำนวนคนใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
รวมถึงมองหาแหล่งรายได้ใหม่ในระยะยาว ที่มีศักยภาพ เช่น ค่าบริการชาร์จไฟฟ้า, รายได้จากการโฆษณา
เพราะในอนาคต จำนวนคนใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ที่น่าสนใจคือ EleX by EGAT ยังมีโมเดลธุรกิจหลากหลายรูปแบบ สำหรับการลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า ในแต่ละพื้นที่
จึงสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้อย่างหลากหลาย ให้สอดคล้องและตอบโจทย์กับงบประมาณของพาร์ตเนอร์แต่ละราย
จึงสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจได้อย่างหลากหลาย ให้สอดคล้องและตอบโจทย์กับงบประมาณของพาร์ตเนอร์แต่ละราย
2. แพลตฟอร์มดิจิทัล “EleXA”
แพลตฟอร์มที่ให้ดาวน์โหลดบน App Store และ Play Store ซึ่งจะทำให้ผู้ขับรถยนต์ไฟฟ้า สะดวกสบายยิ่งขึ้น เสมือนมีผู้ช่วยในทุกการเดินทาง ตั้งแต่ช่วยค้นหาสถานีชาร์จไฟฟ้า, วางแผนการเดินทาง, จองเวลาชาร์จล่วงหน้า, มอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้รถ
รวมถึงมีฟีเชอร์เด่นอื่น ๆ เช่น การบูรณาการข้อมูลการชาร์จจากสถานีชาร์จไฟฟ้าในพื้นที่ต่าง ๆ, สถิติการใช้งาน, ระบบการจ่ายเงินที่หลากหลาย
เปิดรับการเชื่อมต่อ EleXA กับแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการรายอื่น ๆ รวมถึงสร้างความร่วมมือทางการตลาดกับธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน
เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจดูแลรถยนต์ ฯลฯ เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน
เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจดูแลรถยนต์ ฯลฯ เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน
3. EGAT Wallbox
ตู้ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานสากล ปลอดภัย และมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย
โดย กฟผ. เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายของตู้ชาร์จไฟฟ้าจากบริษัท Wallbox (Wallbox Charger SL.) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตตู้ชาร์จไฟฟ้า จากประเทศสเปน
โดย กฟผ. เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายของตู้ชาร์จไฟฟ้าจากบริษัท Wallbox (Wallbox Charger SL.) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตตู้ชาร์จไฟฟ้า จากประเทศสเปน
นอกจากนี้ ยังมีตู้ชาร์จไฟฟ้าความเร็วสูง “EGAT DC Quick Charger” ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยฝ่ายบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าของ กฟผ. เอง
ซึ่ง กฟผ. เปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เช่น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์, เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม, ห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหารและกาแฟ เข้ามาลงทุนเป็นพันธมิตร เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจตู้ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมกัน โดย กฟผ. มีบริการติดตั้งตู้ชาร์จไฟฟ้าแบบครบวงจร พร้อมกับบำรุงรักษาและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
4. ระบบบริหารจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า BackEN
ระบบที่เชื่อมต่อทั้งผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า, สถานีชาร์จไฟฟ้า จนถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ารวมกัน สำหรับภาคธุรกิจ
เพื่อให้ภาพรวมของการทำงานและการจัดการในระบบมีประสิทธิภาพ และมีความเสถียรสูง
เพื่อให้ภาพรวมของการทำงานและการจัดการในระบบมีประสิทธิภาพ และมีความเสถียรสูง
โดยมีฟีเชอร์เด่น ๆ เช่น การติดตามสถานะแบบเรียลไทม์, การควบคุมระบบแบบออนไลน์, ระบบการจัดการราคา, ระบบวิเคราะห์สถิติการใช้งานสถานีชาร์จไฟฟ้า, ระบบตรวจสอบความผิดปกติของตู้ชาร์จไฟฟ้า, ระบบการจัดการพลังงาน
ทั้งหมดนี้คือผลิตภัณฑ์ของ EGAT EV Business Solutions ในปัจจุบัน
คำถามสุดท้ายคือ ทำไม กฟผ. ต้องลงมาเล่นในอุตสาหกรรมนี้ ?
ทำไมผู้ประกอบการต่าง ๆ เลือกเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจด้วย ?
ทำไมผู้ประกอบการต่าง ๆ เลือกเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจด้วย ?
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าพูดถึงองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านพลังงานไฟฟ้ามากสุดของประเทศ คือใคร ?
คำตอบก็คือ “กฟผ.”
คำตอบก็คือ “กฟผ.”
ซึ่ง กฟผ. มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ที่สามารถต่อยอด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า และผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
รวมถึงมีพลังและความแข็งแกร่งมากพอ ที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยได้..
สรุปแล้ว กฟผ. กำลังพยายามทลายกำแพงด้านโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศ
ส่งเสริม EV Ecosystem ให้แข็งแกร่ง ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Hub ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ได้เต็มศักยภาพ
ส่งเสริม EV Ecosystem ให้แข็งแกร่ง ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น Hub ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ได้เต็มศักยภาพ
ซึ่งในอนาคต คนไทยอาจได้เห็นภาพ รถยนต์ไฟฟ้ากำลังแล่นเต็มท้องถนน
โดยถนนเมืองไทย จะไร้ควันพิษ และเสียงดังจากเครื่องยนต์มากวนใจ.. เป็นสังคมไร้คาร์บอนอย่างแท้จริงที่เป็นไปได้
โดยถนนเมืองไทย จะไร้ควันพิษ และเสียงดังจากเครื่องยนต์มากวนใจ.. เป็นสังคมไร้คาร์บอนอย่างแท้จริงที่เป็นไปได้
แม้ว่า กฟผ. จะไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
แต่ กฟผ. เลือกที่จะสร้างถนนเส้นใหญ่ ที่รถยนต์ไฟฟ้าทุกค่าย ทุกคันของคนไทย สามารถวิ่งผ่าน และใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ นั่นเอง
แต่ กฟผ. เลือกที่จะสร้างถนนเส้นใหญ่ ที่รถยนต์ไฟฟ้าทุกค่าย ทุกคันของคนไทย สามารถวิ่งผ่าน และใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ นั่นเอง
พร้อมกับชวนพันธมิตรทางธุรกิจ มาร่วมสร้างถนนสายนี้ของประเทศ ร่วมกัน..