‘อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์’ กางแผน INDEX NEXTPERIENCE 2022 ชูกลยุทธ์ Collaboration Marketing ประเดิมจับมือ ‘วู้ดดี้’ ปั้นแบรนด์ ‘DREAMIA’ หมอน 7 สัมผัสนวัตกรรมใหม่
15 มี.ค. 2022
บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) กางแผน INDEX NEXTPERIENCE 2022 (อินเด็กซ์ เน็กซ์พีเรียนซ์ 2022) สร้างประสบการณ์ช้อปใหม่ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุค Next Normal ชูกลยุทธ์ Collaboration Marketing ผนึกกำลังพันธมิตรทางธุรกิจ เปิดไตรมาสแรก ประเดิมจับมือ ‘วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา’ ปั้นแบรนด์ ‘DREAMIA’ หมอนไฮบริด 7 นวัตกรรมจากอเมริกา รองรับความต้องการตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ คาดผลักดันยอดขายกลุ่มสินค้าที่นอนและเครื่องนอนเติบโต 20% พร้อมเผยแผนขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ รุกสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ต่อยอดความเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และของตกแต่งบ้านแบบครบวงจร เดินหน้าสร้างความยั่งยืนทุกมิติด้วยแนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’ ตั้งเป้าปี 2022 ยอดขายเติบโต 10% กวาดรายได้ 8,200 ล้านบาท
นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2022 ยังคงเป็นปีที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยการระบาดของโรคโควิด-19 ถึงแม้สถานการณ์จะไม่รุนแรงเหมือนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ตาม เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว รวมถึงเพื่อตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภค อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในฐานะของผู้นำตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และของตกแต่งบ้าน จึงได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2022 ภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 ที่มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าในทุกมิติตอบรับกับอินไซต์ของผู้บริโภคยุค Next Normal ทั้งช่องทางออฟไลน์&ออนไลน์ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI และ Big Data มารวบรวม วิเคราะห์ตัวตน ความชอบ พฤติกรรมการช้อปของลูกค้า เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Personalization ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการ สร้างสรรค์ New Store Format เพื่อประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีของลูกค้า ทั้งการจัดดิสเพลย์สินค้าแต่ละแคทติกอรี่ให้แตกต่างและโดดเด่น ผสานความร่วมมือจากร้านค้าผู้เช่าพื้นที่ด้วยสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการ รวมถึงเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าภายในสาขาต่างๆ มากขึ้น
ชูกลยุทธ์ www.indexlivingmall.com Line / Facebook และ IG : Dreamia Official รวมทั้งช่องทางแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าออนไลน์ชั้นนำ
แม้ว่าตลาดกลุ่มเครื่องนอนและหมอนเพื่อสุขภาพจะมีจำนวนผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่หลากหลาย แต่เรามองว่ายังมีโอกาสและช่องว่างในการทำตลาด โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่ม Premium Segment และกลุ่ม Health Conscious ที่มีกำลังซื้อสูง ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งคาดว่าจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้วางแผนงานด้านการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ DREAMIA โดยนอกจากการได้ร่วม Collaboration กับคุณวู้ดดี้เพื่อทำการตลาดร่วมกันแล้ว ยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกใช้หมอนที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพการนอน ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดย คาดว่า แบรนด์ DREAMIA จะช่วยผลักดันยอดขายในกลุ่มสินค้าเครื่องนอนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายวุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังและพันธมิตรทางการตลาดแบรนด์ DREAMIA กล่าวว่า “ความร่วมมือเพื่อสร้างแบรนด์ DREAMIA กับ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ครั้งนี้ มาจากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ เพราะร่างกายควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งการทำงาน การเดินทาง การมีหมอนที่นอนสบายเพิ่มประสิทธิภาพการนอน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น จากประสบการณ์ตรงของตัวเองและคนรอบข้าง ที่ต่างเจอปัญหาการนอนที่เกิดจากหมอนแตกต่างกันออกไป ทั้งปวดคอบ่าไหล่เรื้อรัง หลับไม่สนิท ซึ่งจากผลสำรวจยังมีคนไทยอีก 19 ล้านคน ที่มีปัญหาเรื่องการนอนซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง เพราะการนอนที่มีคุณภาพเป็นจุดเริ่มต้นของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี การมาร่วมเฟ้นหาหมอนไฮบริด ภายใต้แบรนด์ DREAMIA ที่ผสมผสาน 7 นวัตกรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราได้ทดลองใช้ และพบว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจทำให้หลับลึก หลับสนิท ทั้งวู้ดดี้และคนรอบตัวที่มีลักษณะการนอนต่างกันไปได้ลอง ซึ่งทุกคนก็ชอบหมด เพราะนอนสบายที่สำคัญสามารถเลือกนอนได้ตามสไตล์ความชอบของแต่ละคน เพราะมีรวมทุกคุณสมบัติไว้ในหมอนใบเดียว ทำให้หลับสบายทุกท่วงท่า จากความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกซื้อหมอนที่ดีช่วยยกระดับการนอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น”
กางแผนรุกขยายสาขาในไทย-ต่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดความเป็นผู้นำ ปั้นโมเดลธุรกิจใหม่
แม้ว่าตลาดกลุ่มเครื่องนอนและหมอนเพื่อสุขภาพจะมีจำนวนผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่หลากหลาย แต่เรามองว่ายังมีโอกาสและช่องว่างในการทำตลาด โดยเฉพาะผู้บริโภคกลุ่ม Premium Segment และกลุ่ม Health Conscious ที่มีกำลังซื้อสูง ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งคาดว่าจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ได้วางแผนงานด้านการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ DREAMIA โดยนอกจากการได้ร่วม Collaboration กับคุณวู้ดดี้เพื่อทำการตลาดร่วมกันแล้ว ยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 20 ล้านบาท เพื่อสื่อสารให้ผู้บริโภคได้เห็นถึงความสำคัญของการเลือกใช้หมอนที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพการนอน ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดย คาดว่า แบรนด์ DREAMIA จะช่วยผลักดันยอดขายในกลุ่มสินค้าเครื่องนอนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายวุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดังและพันธมิตรทางการตลาดแบรนด์ DREAMIA กล่าวว่า “ความร่วมมือเพื่อสร้างแบรนด์ DREAMIA กับ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ครั้งนี้ มาจากการเล็งเห็นถึงความสำคัญของการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ เพราะร่างกายควรได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการใช้ชีวิตประจำวันทั้งการทำงาน การเดินทาง การมีหมอนที่นอนสบายเพิ่มประสิทธิภาพการนอน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น จากประสบการณ์ตรงของตัวเองและคนรอบข้าง ที่ต่างเจอปัญหาการนอนที่เกิดจากหมอนแตกต่างกันออกไป ทั้งปวดคอบ่าไหล่เรื้อรัง หลับไม่สนิท ซึ่งจากผลสำรวจยังมีคนไทยอีก 19 ล้านคน ที่มีปัญหาเรื่องการนอนซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง เพราะการนอนที่มีคุณภาพเป็นจุดเริ่มต้นของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี การมาร่วมเฟ้นหาหมอนไฮบริด ภายใต้แบรนด์ DREAMIA ที่ผสมผสาน 7 นวัตกรรมจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราได้ทดลองใช้ และพบว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจทำให้หลับลึก หลับสนิท ทั้งวู้ดดี้และคนรอบตัวที่มีลักษณะการนอนต่างกันไปได้ลอง ซึ่งทุกคนก็ชอบหมด เพราะนอนสบายที่สำคัญสามารถเลือกนอนได้ตามสไตล์ความชอบของแต่ละคน เพราะมีรวมทุกคุณสมบัติไว้ในหมอนใบเดียว ทำให้หลับสบายทุกท่วงท่า จากความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกซื้อหมอนที่ดีช่วยยกระดับการนอนให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น”
กางแผนรุกขยายสาขาในไทย-ต่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดความเป็นผู้นำ ปั้นโมเดลธุรกิจใหม่
นางสาวกฤษชนก ได้เปิดเผยเพิ่มเติมถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจของอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในปี 2022 ว่า จากแนวโน้มสัญญาณการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์และมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะมีดีมานด์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความต้องการเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน เราจึงได้มีแผนงานขยายสาขาในประเทศ 1 สาขา บนทำเลย่านลาดกระบัง ในรูปแบบ Mixed-use ที่มีส่วนพื้นที่ขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และพื้นที่เช่า ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ได้เตรียมขยายสาขาในรูปแบบการให้สิทธิ์แฟรนไชส์กับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ บรูไน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ราว 5 สาขา ซึ่งอยู่ในระหว่างการหารือความร่วมมือและมองโอกาสในการทำตลาดร่วมกัน นอกจากนี้ยังวางแผน Diversify ไปยังธุรกิจที่มีความ Synergy กับธุรกิจหลัก เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ หรือขยายธุรกิจที่มองว่ายังมีช่องทางการทำตลาด เพื่อต่อยอดสร้างรายได้เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรอีกด้วย โดยปัจจุบันได้ลุยเปิด Korean Supermarket ภายใต้ชื่อ SEOUL U MART รวม 2 สาขาตั้งแต่ปลายปี 2564 ทั้งนี้จากการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในปี 2022 ภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 รวมถึงการนำกลยุทธ์ในด้านต่างๆ มาขับเคลื่อนการดำเนินงาน จะสามารถผลักดันยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยตั้งเป้าการเติบโตในปี 2022 ไว้ที่ 10% คาดการณ์ยอดขายรวม 8,200 ล้านบาท
เดินหน้าสร้างความยั่งยืน ด้วยแนวคิด ‘Sustainable Living for Future Lifestyle’
นอกจากแผนงานเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในด้านต่างๆ แล้ว อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้วยแนวคิด “Sustainable Living for Future Lifestyle” ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ร่วมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการใช้พลังงานทดแทนจากการติดตั้ง Solar Rooftop ของสาขาต่างๆ โดยมีแผนติดตั้ง ครบทุกสาขา (ภายในปี 2570), การนำเทคโนโลยี Customize เฟอร์นิเจอร์ตอบโจทย์ดีไซน์เฉพาะบุคคล และผลิตสินค้าด้วยเทคโนโลยีคำนวณการใช้วัสดุไม้เพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า, เพิ่มสัดส่วนการดีไซน์สินค้าและเลือกใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติหรือวัสดุรีไซเคิล เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภค รวมทั้งการจัดการขยะและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste Management) ด้วยนโยบาย 3Rs Reduce, Reuse and Recycle เช่น การรีไซเคิลโดยนำเศษไม้ปาร์ติเกิ้ล กล่องกระดาษ ฯลฯ (จำหน่ายให้กับบริษัทคู่ค้า) เพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่อีกครั้ง, การเข้าร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC), สนับสนุนสินค้าหัตถกรรมจากวิสาหกิจชุมชนเข้ามาจำหน่าย, การเปิดบริการสถานีประจุไฟฟ้ารองรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station ), สนับสนุนให้เกิดการจ้างงานผู้สูงอายุ-คนพิการและนักศึกษาจบใหม่ เป็นต้น ซึ่งเราจะคงเดินหน้าสานต่อโครงการต่างๆ และสร้างสรรค์โครงการใหม่ เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
#จากแผน INDEX NEXTPERIENCE คาดหวังให้เราเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นเบอร์ 1 ธุรกิจ Home Furnishing รวมเรื่องบ้านและการตกแต่งบ้าน ครบ จบในที่เดียว จะช่วยสร้างการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ข้างหน้าได้อย่างแน่นอน” คุณกฤษชนก กล่าว