แบงก์ชาติ และ ก.ล.ต. เล็งออกกฎคุม การชำระสินค้าด้วยคริปโทฯ พร้อมเตือนธนาคารที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้
8 ธ.ค. 2021
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) ได้รายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังหารือกับ ก.ล.ต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกแนวนโยบายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ที่นำมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ
เนื่องจากจากที่ผ่านมา มีสถาบันการเงินบางแห่ง ร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจใช้สินทรัพย์ดิจิทัล ในการแลกเปลี่ยนชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งมีแนวโน้มแพร่หลายมากขึ้น อันอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน และเสถียรภาพระบบชำระเงินของประเทศ
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธปท. กล่าวว่า
กรณีที่มีธนาคารพาณิชย์บางราย เข้าไปถือหุ้น หรือ ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรในบริษัทธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านบริษัทในเครือนั้น ไม่ได้ถือว่าผิดกฎหมาย
กรณีที่มีธนาคารพาณิชย์บางราย เข้าไปถือหุ้น หรือ ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรในบริษัทธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านบริษัทในเครือนั้น ไม่ได้ถือว่าผิดกฎหมาย
แต่ผู้ที่ใช้บริการต้องรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้ง ธปท. ยังไม่อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์เกี่ยวข้องกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา กลุ่ม SCBX ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Bitkub Online ผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ในสัดส่วน 51% ด้วยมูลค่า 17,850 ล้านบาท
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า
ธปท. มีความกังวลในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีสินทรัพย์อื่นหนุนหลัง (Blank Coin) เพราะราคามีความผันผวนสูง มูลค่าไม่คงที่
ธปท. มีความกังวลในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีสินทรัพย์อื่นหนุนหลัง (Blank Coin) เพราะราคามีความผันผวนสูง มูลค่าไม่คงที่
ส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อื่นหนุนหลัง (Stable Coin) ลักษณะธุรกิจอีมันนี ซึ่ง ธปท.กำกับดูแลอยู่นั้น
ธปท. จะดูทั้งโครงสร้างชำระเงิน เรื่องความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เข้า 7-Eleven เซ็นทรัล หรือเดอะมอลล์ แล้วใช้เหรียญดิจิทัลหนึ่ง
แล้วธุรกิจจะลงบัญชีอย่างไร ต้นทุนทางบัญชีจะคิดอย่างไร
ทำให้ระบบเศรษฐกิจจะไม่มีประสิทธิภาพ และประชาชนจะต้องมีกี่กระเป๋าเงินดิจิทัลในการใช้จ่าย เป็นต้น
ธปท. จะดูทั้งโครงสร้างชำระเงิน เรื่องความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น เข้า 7-Eleven เซ็นทรัล หรือเดอะมอลล์ แล้วใช้เหรียญดิจิทัลหนึ่ง
แล้วธุรกิจจะลงบัญชีอย่างไร ต้นทุนทางบัญชีจะคิดอย่างไร
ทำให้ระบบเศรษฐกิจจะไม่มีประสิทธิภาพ และประชาชนจะต้องมีกี่กระเป๋าเงินดิจิทัลในการใช้จ่าย เป็นต้น
พร้อมยืนยันว่า บทบาทของ ธปท. ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ยังคงดำเนินการใน 3 มิติ คือ
1.ทำเงินให้เป็นเงิน คือ ต้องการดูแลมูลค่าเงินในกระเป๋า เงินฝากในธนาคาร ซึ่งเชื่อมกับอัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อ
1.ทำเงินให้เป็นเงิน คือ ต้องการดูแลมูลค่าเงินในกระเป๋า เงินฝากในธนาคาร ซึ่งเชื่อมกับอัตราแลกเปลี่ยนและเงินเฟ้อ
2.ดูแลระบบเศรษฐกิจให้โตอย่างยั่งยืนเต็มประสิทธิภาพ ดูแลภาวะการเงิน ดูแลอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน โดย ธปท. ดูแลเมื่อเวลาเศรษฐกิจชะลอกว่าที่ควรจะเป็น
3.ธปท. ดูแลกำกับธนาคารและสถาบันการเงิน ซึ่ง ธปท.เป็นแหล่งกู้ยืมแหล่งสุดท้าย ป้องกันวิกฤติธนาคาร
นายสักกะภพ กล่าวว่า ถ้าคนมาถือเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น การควบคุมจะน้อยลง เพราะคนใช้เงินบาทน้อย กิจกรรมต่าง ๆ เปลี่ยนไป ทำให้ความสามารถ ธปท. ควบคุมดูแลภาวะการเงินสอดคล้องภาวะเศรษฐกิจลดน้อยลง และการดูแลเคลื่อนย้ายเงินทุน ไม่ให้ผันผวนทำได้ยากขึ้น และเมื่อเกิดวิกฤติจะไม่สามารถป้องกันได้
นายกษิดิศ ตันสงวน รองผู้อำนวยการ กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธปท. กล่าวว่า
ลักษณะความหมายของการชำระเงินที่ดี คือ การใช้ชำระต้องเข้าถึงได้ง่าย เช่น เงินสด ไม่ต้องมีอุปกรณ์ไฮเทคก็สามารถจ่ายได้ และต้องมีมูลค่าคงที่ ไม่ผันผวน เช่น เงิน หรือเบี้ย โลหะมีค่าที่ใช้กันในอดีต
รวมทั้งต้องมีความปลอดภัย และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้และผู้รับ
ลักษณะความหมายของการชำระเงินที่ดี คือ การใช้ชำระต้องเข้าถึงได้ง่าย เช่น เงินสด ไม่ต้องมีอุปกรณ์ไฮเทคก็สามารถจ่ายได้ และต้องมีมูลค่าคงที่ ไม่ผันผวน เช่น เงิน หรือเบี้ย โลหะมีค่าที่ใช้กันในอดีต
รวมทั้งต้องมีความปลอดภัย และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้และผู้รับ
ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัล แบ่งเป็น สินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) รูปแบบการออกคล้ายกับการพิมพ์ธนบัตร
ส่วนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยเอกชน ถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Stable Coin มีสินทรัพย์หนุนหลัง หรือมีกลไลรักษามูลค่า มีราคาไม่ผันผวน มีสกุลเงินมาหนุนหลัง อย่างเช่นเงินบาท
ส่วน Blank Coin ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน ราคาผันผวน เช่น บิตคอยน์
ส่วน Blank Coin ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน ราคาผันผวน เช่น บิตคอยน์
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งอาจไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้จะเกิดความเสี่ยงสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค ทั้งความผันผวนด้านราคา, มาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการใช้ชำระ เช่น ภัยทางไซเบอร์ อาจถูกแฮกเจาะระบบ เกิดการสูญหายของสินทรัพย์ หรือเหรียญได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับเอง
หากนำมาใช้อย่างแพร่หลาย อาจกระทบต่อเสถียรภาพระบบการชำระเงิน และเสถียรภาพด้านการเงิน