ยอดสั่งซื้อ iPhone 13 ชะลอตัว จากความกังวลไวรัสโอไมครอน และปัจจัยอื่น ๆ

จากช่วงที่ผ่านมา Apple ได้บอกว่า ทางบริษัทมีปัญหาในเรื่องชิปขาดแคลน และการขนส่งที่ล่าช้า
ส่งผลให้ไม่สามารถผลิต iPhone 13 ได้ทันตามความต้องการของลูกค้า

แต่มาถึงตอนนี้ Apple กำลังเจอปัญหาใหม่ นั้นคือ ความต้องการสินค้าเริ่ม “ลดลง”..

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เรื่องนี้สาเหตุก็มาจากหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาการขาดแคลนชิป และการขนส่งที่ล่าช้า ที่อาจทำให้ลูกค้าหลายคนถอดใจ ไม่อยากรอสินค้านาน จนเกิดการยกเลิกคำสั่งซื้อไปบ้าง

และอีกส่วนหนึ่งก็มาจากความกังวลของสถานการณ์โลก ทั้งปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก และที่สำคัญคือ ความกังวลจากไวรัส “โอไมครอน” สายพันธุ์ใหม่ ที่มีแนวโน้มจะระบาดเป็นระลอกใหม่
ซึ่งก็ทำให้ลูกค้ารายใหม่ หรือลูกค้าที่ต้องการอัปเกรดรุ่น iPhone ชะลอการสั่งซื้อออกไป

ทั้งนี้ ทาง Apple ได้ลดการผลิต iPhone 13 ของปีนี้ไปมากถึง 10 ล้านเครื่อง จากเป้าหมายเดิมที่ 90 ล้านเครื่อง เนื่องจากขาดชิ้นส่วน โดยเดิมทีซัปพลายเออร์ก็คิดว่าจะสามารถทดแทนส่วนที่หายไปนี้ในปีหน้าได้

แต่พอเรื่องเป็นแบบนี้ ก็ทำให้ทาง Apple ต้องออกมาบอกกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ที่เดิมทีคิดว่าคำสั่งซื้อของ Apple จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการ iPhone 13 ที่มากจนผลิตไม่ทัน แต่ตอนนี้กลับจำต้องบอกว่า คำสั่งซื้ออาจจะไม่มีเท่าเดิมแล้ว

อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงเดินหน้าทำสถิติยอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุด
โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไตรมาสสุดท้ายของปี Appe จะสามารถทำยอดขายได้กว่า 4 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แต่ถึงจะอย่างนั้น ก็ยังไม่ได้นับว่าดีเท่าที่ Apple และนักวิเคราะห์ของ Wall Street คิดไว้ตอนแรก..

หลังจากที่สำนักข่าว Bloomberg ออกรายงานเรื่องนี้ ก็ทำให้ราคาหุ้นของซัปพลายเออร์ Apple ต่างร่วงลงไปตาม ๆ กัน ได้แก่

-หุ้นบริษัท LG Innotek ของเกาหลีใต้ ลดลง 8.4%
-บริษัท TDK Corp. ประเทศญี่ปุ่น ลดลง 3.6%
-บริษัท STMicroelectronics NV ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ลดลง 3.9%
-บริษัท Infineon Technologies AG ประเทศเยอรมนี ลดลง 3.1%

อ้างอิง :
-https://reut.rs/3lsqPgU
-https://bloom.bg/3ohGkKx