Uniqlo เผยเป้าด้านความยั่งยืนปี 2030 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ใช้วัสดุรีไซเคิล, เพิ่มผู้บริหารผู้หญิงเป็น 50%
2 ธ.ค. 2021
Fast Retailing ผู้ดำเนินธุรกิจเชนร้านเสื้อผ้า Uniqlo, GU และอื่น ๆ กำลังพัฒนาแนวคิดไลฟ์แวร์ (LifeWear) เพื่อเป้าหมายการเป็นเสื้อผ้าในชีวิตประจำวัน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น
เพื่อสร้างเครื่องแต่งกายที่ไม่เพียงแต่เน้นคุณภาพ การออกแบบ และราคา แต่ยังตรงตามคำจำกัดความของ “เสื้อผ้าที่ดี” จากมุมมองของสิ่งแวดล้อม ผู้คน และสังคม
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญานี้ Fast Retailing ได้กำหนดเป้าหมายภายในปีงบประมาณ 2030 และแผนปฏิบัติการสำหรับพัฒนาความยั่งยืนหลากหลายรูปแบบ
เร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ ที่ครอบคลุมทั้งความยั่งยืนและการเติบโตของธุรกิจ
เร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบธุรกิจใหม่ ที่ครอบคลุมทั้งความยั่งยืนและการเติบโตของธุรกิจ
ร่วมกับวัตถุประสงค์ของโครงการ Ariake เพื่อผลิตและขายเฉพาะเครื่องแต่งกายที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง
Fast Retailing เน้นย้ำถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการขาย การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและของเสียอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง
Fast Retailing เน้นย้ำถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการขาย การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและของเสียอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง
ในขณะเดียวกัน บริษัทจะปกป้องสิทธิมนุษยชนในทุกกระบวนการ สร้างห่วงโซ่อุปทานที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าด้วยความไว้วางใจ
นอกจากนี้ Fast Retailing จะพัฒนาบริการ เพื่อการนำเสื้อผ้ากลับมาใช้ใหม่ และการรีไซเคิล เพื่อยืดอาย ตลอดจนเทคโลยีในการยืดอายุการใช้งานและอรรถประโยชน์ของ LifeWear หลังการซื้อ
โคจิ ยาไน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสของ Fast Retailing กล่าวถึงแผนดังกล่าวว่า
“การจัดหาเสื้อผ้าที่ลูกค้าสามารถใช้ได้เป็นเวลานาน เป็นเป้าหมายของธุรกิจของเรามาหลายปี
เมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มปรากฏชัดขึ้น
“การจัดหาเสื้อผ้าที่ลูกค้าสามารถใช้ได้เป็นเวลานาน เป็นเป้าหมายของธุรกิจของเรามาหลายปี
เมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ ทั่วโลกเริ่มปรากฏชัดขึ้น
เราจึงได้พัฒนาปรัชญาของเราต่อไป และกำลังดำเนินมาตรการเพื่อแสดงให้โลกเห็นถึงอนาคตของเสิ้อ
ในขณะที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดสังคมที่ยั่งยืน ด้วยการก้าวไปข้างหน้าผ่านการสนับสนุนและความร่วมมือในวงกว้างจากลูกค้าและบริษัทพันธมิตร
ในขณะที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดสังคมที่ยั่งยืน ด้วยการก้าวไปข้างหน้าผ่านการสนับสนุนและความร่วมมือในวงกว้างจากลูกค้าและบริษัทพันธมิตร
Fast Retailing จะสร้าง "อุตสาหกรรมใหม่" ของ LifeWear ให้พร้อมให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น เราตั้งเป้าที่จะดำเนินธุรกิจในลักษณะที่จะสามารถปรับปรุงชีวิตของผู้คนและสังคมทั่วโลกได้”
1) เป้าหมายและแผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืน ในปีงบประมาณ 2030
-โครงการสำคัญ : ผลิตเสื้อผ้าที่ดี ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน Fast Retailing ได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่นำสมัย เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา
ในการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน Fast Retailing ได้กำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่นำสมัย เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา
ภายใต้นโยบายดังกล่าว Fast Retailing ถือเอาประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศเป็นหนึ่งในประเด็นปัญหาที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมนำเป้าหมายจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) มาใช้ในการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2050
ในเดือนกันยายนของปีนี้ ทางบริษัทได้ทำการประกาศเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปีงบประมาณ 2030 ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้ได้รับการอนุมติโดย Science-Based Targets by the SBT initiative (SBTi)
2) เป้าหมายและแนวปฏิบัติเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ Fast Retailing (สำหรับหน้าร้านและสำนักงาน) : ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 90% ภายในปีงบประมาณ 2030 (เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 2019)
-ลดการใช้ไฟฟ้าที่หน้าร้านผ่านโครงการประหยัดพลังงานต่าง ๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะประหยัดได้ประมาณ 40% ที่หน้าร้านโรดไซด์ และลดลง 20% สำหรับร้านค้าในห้าง
-ภายในปีงบประมาณ 2021 ร้าน Uniqlo จำนวน 8 ร้านในญี่ปุ่น ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) Gold Level Certification ซึ่งเป็นระบบการประเมินอาคารสีเขียวที่ใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในโลก
-พัฒนารูปแบบร้านค้าแบบใหม่ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดตัวร้านค้ารูปแบบนี้ในช่วงปี 2023
-เปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้าในร้านค้าของ Fast Retailing และสำนักงานใหญ่ทั่วโลก มาใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ภายในปีงบประมาณ 2030
ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2021 ร้าน Uniqlo จำนวน 64 แห่งใน 9 ประเทศในยุโรป ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนแล้ว และภายในสิ้นปี 2021 ทุก ๆ ร้านในอเมริกาเหนือและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเปลี่ยนเช่นกัน
ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2021 ร้าน Uniqlo จำนวน 64 แห่งใน 9 ประเทศในยุโรป ได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนแล้ว และภายในสิ้นปี 2021 ทุก ๆ ร้านในอเมริกาเหนือและบางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเปลี่ยนเช่นกัน
เป้าหมายสำหรับกระบวนการผลิตและจำหน่าย : ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20% ภายในปี 2030 (เมื่อเทียบกับปี 2019)
-ด้วยความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับโรงงานคู่ค้าของบริษัท ทำให้ Fast Retailing สามารถวางแผนกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดกระบวนการผลิตของบริษัท ซึ่งนับเป็นการปล่อยก๊าซมากถึง 90% ของการประกอบธุรกิจของบริษัท
-ภายในเดือนพฤศจิกายน 2021 บริษัทได้ระบุเงื่อนไขและประเด็นของโรงงานคู่ค้ารายใหญ่ ๆ ที่ผลิตสินค้าของ Uniqlo และ GU มากถึง 90%
รวมถึงการวางแผนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ การรกำจัดคาร์บอน และการใช้พลังงานหมุนเวียน
รวมถึงการวางแผนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ การรกำจัดคาร์บอน และการใช้พลังงานหมุนเวียน
-จัดตั้งกระบวนการและโครงสร้างสำหรับพนักงานจากส่วนงานผลิตและความยั่งยืนถึง 150 คน เพื่อดูแลและบริหารโครงการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
เป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์ : เพิ่มสัดส่วนประมาณ 50% ของวัสดุที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของ Uniqlo เป็นวัสดุรีไซเคิล ภายในปีงบประมาณ 2030
-นับตั้งแต่ปี 2019 Uniqlo ได้เริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล และคอลเลกชัน Spring/Summer 2022 จะมีเส้นใยโพลีเอสเตอร์ที่ถูกรีไซเคิลจากขวดพลาสติก PET ประมาณ 15%
เช่น ผลิตภัณฑ์เสื้อโปโล DRY-EX ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล, ผลิตภัณฑ์ Fluffy Yarn Fleece ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 30%, กระเป๋าคาดเอวใช้ไนลอนรีไซเคิลถึง 30%
เช่น ผลิตภัณฑ์เสื้อโปโล DRY-EX ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล, ผลิตภัณฑ์ Fluffy Yarn Fleece ใช้โพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 30%, กระเป๋าคาดเอวใช้ไนลอนรีไซเคิลถึง 30%
-Uniqlo ยังเดินหน้านำเสนอวัสดุอื่น ๆ ที่เป็นภาระต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง อาทิ เส้นใยสังเคราะห์อย่างเรยอนและไนลอน
3) โครงการด้านการลดขยะ
หันมาใช้แนวคิด “ขยะเป็นศูนย์” (Zero Waste) ตั้งแต่ต้นกระบวนการด้วยการลดการใช้งาน การเปลี่ยนวัสดุ การนำมาใช้ใหม่ และการใช้วัสดุรีไซเคิลในกระบวนการส่งมอบเสื้อผ้าให้แก่ลูกค้า
-ในเดือนกรกฎาคม 2019 Fast Retailing กำหนดนโยบายสำหรับบริษัทในเครือทั้งหมด ให้เลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวโดยไม่จำเป็น
-ตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 ถุงช็อปปิงพลาสติกได้ถูกเปลี่ยนเป็นถุงกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในเดือนกันยายน 2020 Uniqlo และ GU เริ่มคิดค่าใช้จ่ายสำหรับถุงกระดาษที่ร้านในญี่ปุ่น โดยลูกค้ากว่า 70% ปฏิเสธไม่รับถุงช็อปปิง
-ตั้งแต่ปี 2019 GU ริเริ่มโครงการในการเก็บราวแขนเสื้อผ้าจากร้านและนำกลับไปให้โรงงานเพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่
-ตั้งแต่ปี 2020 บริษัทเริ่มใช้วัสดุชนิดเดียวสำหรับบรรจุภัณฑ์ในการขนส่งสินค้า เพื่อให้ง่ายต่อการรีไซเคิลต่อไป
-จาก 2021 สำหรับการรีไซเคิล บรรจุภัณฑ์ บริษัทยังเปิดตัวพื้นที่เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ (proof-of-concept) สำหรับการแยก เก็บ และดำเนินการรีไซเคิลในร้าน Uniqlo และ GU บางแห่ง
4) เพื่อสร้างความโปร่งใสและการติดตามกลับในกระบวนการผลิต
เสริมความโปร่งใสและการตรวจสอบวัตถุดิบ ประเมินและแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อมในการทำงาน และสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต
-ตั้งแต่ปี 2017 Fast Retailing ตีพิมพ์รายชื่อโรงงานคู่ค้าสำคัญในการผลิต และตั้งแต่ปี 2018 รายชื่อดังกล่าวได้รวมถึงโรงงานทอผ้า
นอกจากนี้ ภายในเดือนมีนาคม 2022 บริษัทวางแผนที่จะตีพิมพ์รายชื่อโรงงานคู่ค้าทั้งหมดของบริษัท
นอกจากนี้ ภายในเดือนมีนาคม 2022 บริษัทวางแผนที่จะตีพิมพ์รายชื่อโรงงานคู่ค้าทั้งหมดของบริษัท
-นอกจากการตรวจสอบที่โรงงานผลิตและโรงงานทอผ้า บริษัทยังมุ่งสร้างการติดตามได้ตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่การทอผ้าและวัตถุดิบ ผ่านการเยี่ยมชม ตรวจสอบโดยองค์กรในฐานะบุคคลที่สาม และการรับรองมาตรฐานจากบุคคลที่สาม
โดยบริษัทได้ประเมินและแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในการทำงานต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มมีปัญหา
โดยบริษัทได้ประเมินและแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในการทำงานต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มมีปัญหา
-ในเดือนกรกฎาคม 2021 บริษัทได้สร้างทีมระดับโลก ซึ่งประกอบด้วยพนักงาน 100 คน ในการเริ่มดำเนินการต่าง ๆ นับตั้งแต่การเฟ้นหาวัสดุ บริษัทดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงต่าง ๆ ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
5) การจัดซื้อวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ
Fast Retailing ส่งเสริมการจัดซื้อวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ จึงจัดทำนโยบายการจัดซื้อสำหรับวัสดุที่ทำจากพืชและสัตว์ต่าง ๆ
6) ส่งเสริมโครงการด้านสังคมทั่วโลก
ดำเนินงานด้านความปลอดภัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคม ผ่านการขยายกิจกรรมด้านสังคมระดับโลกผ่านการประกอบธุรกิจเสื้อผ้า
-บริษัทร่วมมือกับ Fast Retailing Foundation และ Yanai Tadashi Foundation ในการขยายกิจกรรมเพื่อสังคมระดับโลก ผ่านธุรกิจเสื้อผ้า
-ภายในปี 2025 Fast Retailing จะสนับสนุบงบประมาณด้านกิจกรรมเพื่อสังคมเพิ่มกว่า 10 พันล้านเยน
โดยจะดำเนินงานผ่านกิจกรรมระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนผู้คนกว่า 10 ล้านคน รวมถึงผู้ลี้ภัยและกลุ่มที่มีความเปราะบาง บริษัทยังต้องการบริจาคเสื้อผ้าเป็นจำนวน 10 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2025
โดยจะดำเนินงานผ่านกิจกรรมระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนผู้คนกว่า 10 ล้านคน รวมถึงผู้ลี้ภัยและกลุ่มที่มีความเปราะบาง บริษัทยังต้องการบริจาคเสื้อผ้าเป็นจำนวน 10 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2025
7) เร่งดำเนินนการด้านความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง
เคารพความแตกต่างและหลากหลายของพนักงาน สร้างที่ทำงานที่พนักงานสามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพ
-เพิ่มให้มีผู้บริหารผู้หญิงสูงถึง 50% ของจำนวนผู้บริหารทั้งหมด ภายในปีงบประมาณ 2030
-เน้นการสร้างความสามารถให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อบ่มเพาะผู้นำและผู้บริหารรุ่นใหม่
-นอกจากการจ้างงานคนพิการด้านต่าง ๆ แล้ว ยังออกแบบร้านค้าให้เหมาะสมกับความหลากหลายและขยายผลิตภัณฑ์และบริการ ที่ส่งเสริมความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม
-เสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในหมู่พนักงานและลูกค้า