กรณีศึกษา อนันดาฯ กับเงินลงทุน 28,000 ล้านบาท เพื่อย้ำภาพเบอร์หนึ่งตลาดคอนโดติดรถไฟฟ้า
24 พ.ย. 2021
หากพูดถึงคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า IDEO น่าจะเป็นชื่อแรกที่หลายคนจะนึกถึง
เพราะนี่คือแบรนด์ที่ทุกโครงการจะอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 300 เมตร
เพราะนี่คือแบรนด์ที่ทุกโครงการจะอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าไม่เกิน 300 เมตร
โดยเจ้าของแบรนด์นี้ก็คือบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
ที่มีแนวคิดตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจคือ ทุกแบรนด์ที่อยู่ในมือตัวเอง
ต้องเป็นโครงการที่ติดรถไฟฟ้า
ที่มีแนวคิดตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจคือ ทุกแบรนด์ที่อยู่ในมือตัวเอง
ต้องเป็นโครงการที่ติดรถไฟฟ้า
ก็เลยทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัท อนันดาฯ
เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า หลักฐานที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุด
ก็คือ ยอดขายสะสมของบริษัท ในกลุ่มคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าตลอดเวลา 14 ปี
มียอดขายสะสมรวมกัน 153,617 ล้านบาท และมีจำนวน 40,335 ยูนิต
เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้า หลักฐานที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุด
ก็คือ ยอดขายสะสมของบริษัท ในกลุ่มคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าตลอดเวลา 14 ปี
มียอดขายสะสมรวมกัน 153,617 ล้านบาท และมีจำนวน 40,335 ยูนิต
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดคอนโดมิเนียมเมืองไทย
เผชิญกับความท้าทายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการระบาดของโควิด 19
ที่ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายคอนโดมิเนียมในเมืองไทย ลดลงอย่างน่าใจหาย
เผชิญกับความท้าทายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จากการระบาดของโควิด 19
ที่ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายคอนโดมิเนียมในเมืองไทย ลดลงอย่างน่าใจหาย
ปี 2019 ยอดขายตลาดคอนโดมิเนียม 193,076 ล้านบาท
ปี 2020 ยอดขายตลาดคอนโดมิเนียม 115,674 ล้านบาท
ปี 2020 ยอดขายตลาดคอนโดมิเนียม 115,674 ล้านบาท
มีการวิเคราะห์ว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้
มันคือจุดต่ำสุดของตลาดคอนโดมิเนียมเมืองไทยแล้ว
แน่นอนสเต็ปต่อมาก็คือการค่อย ๆ ทะยานกลับมาฟื้นตัวสู่จุดที่ควรจะเป็น
มันคือจุดต่ำสุดของตลาดคอนโดมิเนียมเมืองไทยแล้ว
แน่นอนสเต็ปต่อมาก็คือการค่อย ๆ ทะยานกลับมาฟื้นตัวสู่จุดที่ควรจะเป็น
เมื่อต่อจากนี้ไป จนถึงอนาคต แนวโน้มหลายอย่างกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประเทศ จำนวนการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรในเมืองไทย
มันคือสัญญาณบ่งบอกว่า ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองกำลังจะกลับคืนมา
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประเทศ จำนวนการฉีดวัคซีนที่ครอบคลุมประชากรในเมืองไทย
มันคือสัญญาณบ่งบอกว่า ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองกำลังจะกลับคืนมา
แต่อาจต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้อยู่ร่วมกับโควิด 19
ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ก็จะกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า
ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ก็จะกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า
ตรงนี้เองที่บริษัท อนันดาฯ ตัดสินใจเตรียมเงินลงทุนสูงถึง 28,000 ล้านบาท
เพื่อเตรียมเปิด 7 โครงการใหม่ในปี พ.ศ. 2565 ด้วยเม็ดเงินลงทุนจากกระแสเงินสด 5,000 ล้านบาท
พร้อมกับเตรียมเปิดขายหุ้นกู้ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีพันธมิตรหลายรายที่พร้อมสนับสนุน
เพื่อเตรียมเปิด 7 โครงการใหม่ในปี พ.ศ. 2565 ด้วยเม็ดเงินลงทุนจากกระแสเงินสด 5,000 ล้านบาท
พร้อมกับเตรียมเปิดขายหุ้นกู้ 5,000 ล้านบาท อีกทั้งยังมีพันธมิตรหลายรายที่พร้อมสนับสนุน
ที่น่าสนใจก็คือ ใน 7 โครงการใหม่ของบริษัท อนันดาฯ จะอยู่ภายใต้แนวคิด NEW BLUE
ที่จะเป็นการนำไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคนเมืองหลังโควิด 19 มาเป็นโจทย์ตั้งต้น
เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม
ที่จะเป็นการนำไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคนเมืองหลังโควิด 19 มาเป็นโจทย์ตั้งต้น
เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยให้เหมาะกับลูกค้าทุกกลุ่ม
โดยใน 7 โครงการที่จะเปิดตัว จะมีคอนโดมิเนียมถึง 5 โครงการที่ติดรถไฟฟ้า
เหตุผลก็เพราะ อนันดาฯ ต้องการย้ำภาพที่ตัวเองแข็งแกร่งตั้งแต่ในอดีตจนถึงวันนี้
คือการเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่ทรงอิทธิพลในทำเลติดรถไฟฟ้า
เหตุผลก็เพราะ อนันดาฯ ต้องการย้ำภาพที่ตัวเองแข็งแกร่งตั้งแต่ในอดีตจนถึงวันนี้
คือการเป็นบริษัทอสังหาฯ ที่ทรงอิทธิพลในทำเลติดรถไฟฟ้า
แน่นอนว่าสูตรสำเร็จคงไม่ใช่แค่เรื่องทำเลอย่างเดียว
แต่ใน 5 โครงการใหม่ของบริษัทจะคำนึงถึง ความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์
การสร้างคอนโดมิเนียม ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง เทคโนโลยีที่ต้องทันสมัย
และต้องเป็นคอนโดมิเนียมที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายในความรู้สึกของลูกค้า
แต่ใน 5 โครงการใหม่ของบริษัทจะคำนึงถึง ความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์
การสร้างคอนโดมิเนียม ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง เทคโนโลยีที่ต้องทันสมัย
และต้องเป็นคอนโดมิเนียมที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายในความรู้สึกของลูกค้า
เพื่อย้ำภาพความแข็งแกร่งที่ว่า หากคิดถึงการใช้ชีวิตในคอนโดฯ ใจกลางเมือง
จะต้องนึกถึงบริษัท อนันดาฯ เป็นเจ้าแรก
จะต้องนึกถึงบริษัท อนันดาฯ เป็นเจ้าแรก
โครงการแรก โคโค่ พาร์ค คอนโดฯ ระดับไฮเอนด์มูลค่าโครงการ 4,622 ล้านบาท
ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของบริษัทที่จับมือกับโรงแรมดุสิตธานี
โดยใช้จุดขายคือบริการ Exclusive ระดับโรงแรม 5 ดาว
ที่จะมอบให้แก่ผู้อยู่อาศัยที่มีเพียง 486 ยูนิตเท่านั้น
โดยจะตั้งอยู่ทำเลระดับ Rare Item ใกล้สวนลุมพินี และสวนป่าเบญจกิติ
ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ของบริษัทที่จับมือกับโรงแรมดุสิตธานี
โดยใช้จุดขายคือบริการ Exclusive ระดับโรงแรม 5 ดาว
ที่จะมอบให้แก่ผู้อยู่อาศัยที่มีเพียง 486 ยูนิตเท่านั้น
โดยจะตั้งอยู่ทำเลระดับ Rare Item ใกล้สวนลุมพินี และสวนป่าเบญจกิติ
2. คัลเจอร์ ทองหล่อ ที่อยู่ห่างจาก BTS ทองหล่อ แค่ 230 เมตร
มูลค่าโครงการ 3,383 ล้านบาท โดยจุดขายของโครงการนี้
นอกจากบริการสุดพิเศษแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว
การดีไซน์ทั้งหมดในตัวโครงการ ก็จะทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เพื่อทำให้เวลาพักผ่อนมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด
มูลค่าโครงการ 3,383 ล้านบาท โดยจุดขายของโครงการนี้
นอกจากบริการสุดพิเศษแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว
การดีไซน์ทั้งหมดในตัวโครงการ ก็จะทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
เพื่อทำให้เวลาพักผ่อนมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด
3. คัลเจอร์ จุฬา มูลค่าโครงการ 6,031 ล้านบาท
ที่อยู่ห่าง MRT สามย่าน แค่ 350 เมตร และห่างจาก BTS ศาลาแดง แค่ 240 เมตร
ซึ่งนอกจากจะตั้งอยู่ใกล้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว
ในพื้นที่สามย่านยังเต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดังเก่าแก่ ส่วนในตัวโครงการก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น CO-WORKING SPACE บริการ 24 ชม.
ที่อยู่ห่าง MRT สามย่าน แค่ 350 เมตร และห่างจาก BTS ศาลาแดง แค่ 240 เมตร
ซึ่งนอกจากจะตั้งอยู่ใกล้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว
ในพื้นที่สามย่านยังเต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดังเก่าแก่ ส่วนในตัวโครงการก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น CO-WORKING SPACE บริการ 24 ชม.
4. IDEO พหล-สะพานควาย ที่ติดบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้า 0 เมตร
มูลค่าโครงการ 7,521 ล้านบาท โดยทำเลนี้รายล้อมไปด้วยทั้งศูนย์การค้า, ร้านอาหารอร่อย, โรงพยาบาล และร้านค้ามากมาย
มูลค่าโครงการ 7,521 ล้านบาท โดยทำเลนี้รายล้อมไปด้วยทั้งศูนย์การค้า, ร้านอาหารอร่อย, โรงพยาบาล และร้านค้ามากมาย
5. IDEO รามคำแหง-ลำสาลี สเตชั่น มูลค่าโครงการ 2,085 ล้านบาท
โดยทำเลของโครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าถึง 3 สาย
และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในโครงการ
โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดขายจากแนวคิดใหม่เพื่อทุกโหมดของการใช้ชีวิตที่ดี
โดยทำเลของโครงการ ใกล้จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าถึง 3 สาย
และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในโครงการ
โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดขายจากแนวคิดใหม่เพื่อทุกโหมดของการใช้ชีวิตที่ดี
ที่น่าสนใจคือ เมื่อมีโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อย้ำถึงการเป็นเจ้าตลาดในทำเลติดรถไฟฟ้าแล้วนั้น
อนันดาฯ เองก็มองไปที่ตลาดแนวราบ ที่กำลังเติบโต
อนันดาฯ เองก็มองไปที่ตลาดแนวราบ ที่กำลังเติบโต
อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัทเองก็ประสบความสำเร็จในเรื่องยอดขายมาแล้วกับแบรนด์ อาร์เทล
ถึง 2 โครงการ 2 ทำเลคือ พัฒนาการ และเอกมัย-รามอินทรา
ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างสวยงาม
ถึง 2 โครงการ 2 ทำเลคือ พัฒนาการ และเอกมัย-รามอินทรา
ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างสวยงาม
ทำให้การลงทุนครั้งใหม่ จึงเลือกใช้แบรนด์ อาร์เทล มาต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัว
โครงการ อาร์เทล พระราม 9 มูลค่า 3,538 ล้านบาท
ที่เป็นบ้านเดี่ยวระดับ Hi-End สไตล์ POOL VILLA หรูหราทำเลใจกลางเมือง
โครงการ อาร์เทล พระราม 9 มูลค่า 3,538 ล้านบาท
ที่เป็นบ้านเดี่ยวระดับ Hi-End สไตล์ POOL VILLA หรูหราทำเลใจกลางเมือง
ส่วนอีกหนึ่งโครงการแนวราบจะเป็นแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ
โดยจะอยู่ในทำเล ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ โดยจะเป็นบ้านแฝดในราคาเริ่มเพียง 2 ล้านต้น
และด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายบวกกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร
อนันดาฯ จึงมั่นใจว่า โครงการนี้จะขายหมดในเวลารวดเร็ว
โดยจะอยู่ในทำเล ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ โดยจะเป็นบ้านแฝดในราคาเริ่มเพียง 2 ล้านต้น
และด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายบวกกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร
อนันดาฯ จึงมั่นใจว่า โครงการนี้จะขายหมดในเวลารวดเร็ว
ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า บริษัท อนันดาฯ รู้จักจังหวะในการทำธุรกิจอสังหาฯ
หากช่วงไหนสถานการณ์ไม่เป็นใจ บริษัท ก็เลือกจะชะลอการลงทุน
หากช่วงไหนสถานการณ์ไม่เป็นใจ บริษัท ก็เลือกจะชะลอการลงทุน
จนเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย บริษัทก็รีบฉกฉวยโอกาสนี้อย่างรวดเร็ว
ด้วยการลงทุนสร้างคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าถึง 5 โครงการ
เพื่อสอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตคนเมืองที่กำลังกลับมา และย้ำภาพการเป็นผู้นำในตลาดนี้ จนถึงการรุกตลาดแนวราบ ที่กำลังเติบโต
ด้วยการลงทุนสร้างคอนโดฯ ติดรถไฟฟ้าถึง 5 โครงการ
เพื่อสอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตคนเมืองที่กำลังกลับมา และย้ำภาพการเป็นผู้นำในตลาดนี้ จนถึงการรุกตลาดแนวราบ ที่กำลังเติบโต
สรุปก็คือแผนธุรกิจของ อนันดาฯ ในปีหน้าจะเป็นไปแบบเข้มข้นที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร
ที่สะท้อนมาจากโฆษณาล่าสุด ที่สื่อสารว่า อนันดาฯ จะทำลายทุกข้อจำกัดต่างๆ
เพื่อไปสู่เป้าหมายบริษัทอสังหาฯ ที่ยืนอยู่แถวหน้าในเมืองไทย
เพื่อไปสู่เป้าหมายบริษัทอสังหาฯ ที่ยืนอยู่แถวหน้าในเมืองไทย
ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้ ก็คือต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า
อนันดาฯ กลมกลืนไปกับไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันและเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคน
พร้อมกับกล้าที่จะแตกต่างจากบริษัทอสังหาฯ รายอื่นๆ
อนันดาฯ กลมกลืนไปกับไลฟ์สไตล์ชีวิตประจำวันและเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคน
พร้อมกับกล้าที่จะแตกต่างจากบริษัทอสังหาฯ รายอื่นๆ
และสิ่งที่จะสื่อสารเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือการสร้าง “ที่อยู่อาศัย”
เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสถึงเรื่องนี้ผ่าน 7 โครงการใหม่ของ อนันดาฯ
ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ทั้งในแง่ยอดขายและ Image ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสถึงเรื่องนี้ผ่าน 7 โครงการใหม่ของ อนันดาฯ
ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ทั้งในแง่ยอดขายและ Image ของแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://anan.ly/2YHe2Py
Reference
-งานแถลงข่าว บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
-งานแถลงข่าว บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)