Hungry Hub สตาร์ตอัปที่เปลี่ยนร้านอาหารจานเดียว ให้กลายเป็น “บุฟเฟต์”
5 พ.ย. 2021
เมื่อพูดถึงบุฟเฟต์พรีเมียม หลายคนคงคุ้นชื่อกับ Hungry Hub
แอปพลิเคชันจองอาหาร สัญชาติไทย ที่ก่อตั้งโดยคุณสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ชายวัย 32 ปี
แอปพลิเคชันจองอาหาร สัญชาติไทย ที่ก่อตั้งโดยคุณสุรสิทธิ์ สัจจะเดว์ ชายวัย 32 ปี
ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่เปลี่ยนร้านอาหารจานเดียว ให้กลายเป็นบุฟเฟต์หรือเซตอาหารราคาพิเศษ
โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจองโต๊ะผ่านแอปพลิเคชัน กว่า 1.1 ล้านที่นั่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการจองโต๊ะผ่านแอปพลิเคชัน กว่า 1.1 ล้านที่นั่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่รู้หรือไม่ว่า กว่าจะเป็น Hungry Hub ที่มียอดจองโต๊ะแตะหลักล้าน
แอปพลิเคชันนี้ เคยประสบปัญหาที่แทบไม่มีใครใช้บริการเลย..
แอปพลิเคชันนี้ เคยประสบปัญหาที่แทบไม่มีใครใช้บริการเลย..
Hungry Hub มีเรื่องราวอย่างไร ?
และอะไรเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้ธุรกิจพลิกผัน จนมาถึงได้ขนาดนี้ ?
และอะไรเป็นจุดเปลี่ยน ที่ทำให้ธุรกิจพลิกผัน จนมาถึงได้ขนาดนี้ ?
จุดเริ่มต้นเกิดจากวันหนึ่ง คุณสิทธิ์ ต้องการทำสตาร์ตอัปขึ้นมา
จึงเล็งหาธุรกิจที่ตนสนใจ และได้คำตอบว่า อยากทำระบบจองโรงแรม เพราะครอบครัวทำธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว
จึงเล็งหาธุรกิจที่ตนสนใจ และได้คำตอบว่า อยากทำระบบจองโรงแรม เพราะครอบครัวทำธุรกิจโรงแรมอยู่แล้ว
แต่หลังจากเขาศึกษาอยู่สักพัก ก็ต้องยอมแพ้ เมื่อพบว่า ระบบจองโรงแรมมีการแข่งขันสูง
แพลตฟอร์มใหญ่ ๆ สามารถทุ่มเงินโฆษณาได้ไม่อั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะแข่งขันได้ยาก
แพลตฟอร์มใหญ่ ๆ สามารถทุ่มเงินโฆษณาได้ไม่อั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับตัวเองแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะแข่งขันได้ยาก
อย่างไรก็ตาม คุณสิทธิ์ได้มองหาโอกาสใหม่ จนเจอว่าร้านอาหารในไทย ยังไม่มีแพลตฟอร์มสำหรับจองร้านอาหาร เลยคิดว่าน่าจะนำโมเดลที่มีอยู่แล้วในต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ได้
Hungry Hub จึงถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557
Hungry Hub จึงถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557
แต่ต่อมาธุรกิจประสบกับความล้มเหลว เนื่องจากการสร้างระบบจองนี้ อำนวยความสะดวกให้แค่เพียงฝั่งร้านอาหารเท่านั้น โดยผู้คนส่วนใหญ่ในไทย ไม่ได้มีพฤติกรรมจองร้านล่วงหน้า
ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้ Hungry Hub แทบไม่มีคนใช้งานเป็นเวลาถึง 2 ปี..
คุณสิทธิ์และทีมงาน จึงจำเป็นต้องหาโมเดลธุรกิจใหม่
คุณสิทธิ์และทีมงาน จึงจำเป็นต้องหาโมเดลธุรกิจใหม่
ซึ่งวันหนึ่งระหว่างที่พวกเขาไปรับประทานอาหารด้วยกัน
ได้เกิดปัญหาหนึ่งอย่างขึ้นมา นั่นคือ ค่าใช้จ่ายอาหารจริงมากกว่างบที่ตั้งไว้
ได้เกิดปัญหาหนึ่งอย่างขึ้นมา นั่นคือ ค่าใช้จ่ายอาหารจริงมากกว่างบที่ตั้งไว้
จากเรื่องนี้ส่งผลให้คุณสิทธิ์เกิดไอเดียโมเดลธุรกิจใหม่
ด้วยการเปลี่ยนร้านอาหาร A La Carte หรืออาหารจานเดียว ให้สามารถทานแบบบุฟเฟต์ได้
โดยต้องจองผ่าน Hungry Hub เท่านั้น
ด้วยการเปลี่ยนร้านอาหาร A La Carte หรืออาหารจานเดียว ให้สามารถทานแบบบุฟเฟต์ได้
โดยต้องจองผ่าน Hungry Hub เท่านั้น
แล้วอะไรคือสาเหตุ ที่ทำให้ร้านอาหารต่าง ๆ ยอมจัดโปรโมชันให้ทานแบบบุฟเฟต์ และเป็นพาร์ตเนอร์กับ Hungry Hub ?
ก็เพราะว่าร้านอาหารแต่ละแห่ง มักจะมีปัญหาที่บางช่วงเวลาลูกค้าเข้ามาทานน้อย
เช่น ช่วง 10.00-11.00 น. หรือ 14.00-16.00 น.
แม้ว่าลูกค้าจะน้อย แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจบางอย่างกลับไม่ได้ลดลง
อย่างเช่น ค่าพนักงาน, ค่าเช่าที่, ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ที่ทางร้านยังคงต้องจ่ายอยู่
เช่น ช่วง 10.00-11.00 น. หรือ 14.00-16.00 น.
แม้ว่าลูกค้าจะน้อย แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจบางอย่างกลับไม่ได้ลดลง
อย่างเช่น ค่าพนักงาน, ค่าเช่าที่, ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ที่ทางร้านยังคงต้องจ่ายอยู่
ดังนั้นการจัดโปรโมชันแบบบุฟเฟต์ ถึงจะส่งผลให้มีอัตรากำไรลดลงบ้าง เมื่อเทียบกับการขายแบบปกติ
แต่ก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หลายร้านจึงยอมเลือกวิธีดังกล่าวกัน
แต่ก็สามารถสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาได้มากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หลายร้านจึงยอมเลือกวิธีดังกล่าวกัน
พออ่านถึงตรงนี้ หลายคนอาจถามแล้วว่า ทำไมร้านอาหารไม่จัดโปรโมชันโดยตรงเอง
คำตอบคือ แม้จะจัดโปรโมชันเองได้ แต่การประชาสัมพันธ์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะต้องใช้ทักษะในการทำการตลาด ที่มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
รวมถึงต้องสละเวลามาวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งลำพังการบริหารวัตถุดิบและการจัดการร้าน ก็ยุ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เพราะต้องใช้ทักษะในการทำการตลาด ที่มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
รวมถึงต้องสละเวลามาวางแผนกลยุทธ์ ซึ่งลำพังการบริหารวัตถุดิบและการจัดการร้าน ก็ยุ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
การร่วมกับ Hungry Hub ที่มีฐานลูกค้าปี 2563 กว่า 450,000 ราย ภายในมือ
รวมถึงทำหน้าที่ในการโปรโมตร้านอาหารโดยเฉพาะอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
รวมถึงทำหน้าที่ในการโปรโมตร้านอาหารโดยเฉพาะอยู่แล้ว ก็ดูเหมือนว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า
อีกทั้ง Hungry Hub เก็บค่าคอมมิชชันเพียง 10% ของราคาอาหารโปรโมชันนั้น ๆ
และไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งค่าแรกเข้า
และไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งค่าแรกเข้า
นั่นเลยเป็นที่มาว่าทำไมร้านอาหารหลายราย ยอมเข้าร่วมอยู่บนแพลตฟอร์ม Hungry Hub นั่นเอง
ซึ่งหลังจาก Hungry Hub เปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ ผลตอบรับก็ดีขึ้น
เพราะตอนนี้บริษัทได้เพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ทุกฝ่ายแล้ว
เพราะตอนนี้บริษัทได้เพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ทุกฝ่ายแล้ว
ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม ได้เลือกทานอาหารในราคาพิเศษ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายล่วงหน้าได้
และไม่ต้องกังวลว่า อาหารที่เลือกไว้จะหมด
และไม่ต้องกังวลว่า อาหารที่เลือกไว้จะหมด
ขณะที่ร้านอาหาร สามารถดึงดูดให้คนเข้ามาทานอาหารในช่วงเวลาที่ลูกค้าน้อย
ส่งผลมาสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริหารวัตถุดิบได้ดีกว่าเดิม
ส่งผลมาสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริหารวัตถุดิบได้ดีกว่าเดิม
ดังนั้น ผลประกอบการและจำนวนผู้ใช้งานของ Hungry Hub จึงค่อย ๆ เติบโตขึ้น
แต่ Hungry Hub ก็พอรู้ว่า การเปลี่ยนร้านอาหารจานเดียวให้กลายเป็นบุฟเฟต์อย่างเดียว คงตอบโจทย์ได้ไม่ครบทุกร้าน จึงได้เพิ่มทางเลือกใหม่ โดยการแตกอีก 1 แพ็กเกจ
คือ Party Pack เซตอาหารราคาพิเศษ ที่จ่ายเพียงเงินจำนวนหนึ่ง และสามารถเลือกว่าทานอะไรได้บ้าง
คือ Party Pack เซตอาหารราคาพิเศษ ที่จ่ายเพียงเงินจำนวนหนึ่ง และสามารถเลือกว่าทานอะไรได้บ้าง
ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด Hungry Hub ได้จัด Hungry@Home สำหรับเสิร์ฟเซตอาหารส่งตรงถึงบ้านด้วย
ทำให้ผลประกอบการที่ผ่านมา ของบริษัท แอปป์เซอร์เวชั่น จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Hungry Hub เติบโตต่อเนื่อง
ปี 2561 รายได้ 6 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 15 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 27 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 15 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 27 ล้านบาท
จะเห็นว่า แม้ผลประกอบการของบริษัท จะเติบโตอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ เมื่อเทียบกับมูลค่าของอุตสาหกรรมร้านอาหารโดยรวมที่ 3.8 แสนล้านบาท
จึงยังมีช่องว่างและส่วนแบ่งเค้กให้ Hungry Hub เข้าไปไขว่คว้าได้อีกมาก
แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ เมื่อเทียบกับมูลค่าของอุตสาหกรรมร้านอาหารโดยรวมที่ 3.8 แสนล้านบาท
จึงยังมีช่องว่างและส่วนแบ่งเค้กให้ Hungry Hub เข้าไปไขว่คว้าได้อีกมาก
แต่ก็ต้องมาดูว่า หนทางข้างหน้าของ Hungry Hub จะราบรื่นหรือไม่
และจะต้องเจอกับโอกาสหรืออุปสรรคอะไรอีกบ้างในอนาคต..
และจะต้องเจอกับโอกาสหรืออุปสรรคอะไรอีกบ้างในอนาคต..
อ้างอิง:
-https://blog.hungryhub.com/hungry-hub-2020/
-https://www.sentangsedtee.com/career-channel/article_168693
-https://hungryhub.zendesk.com/hc/en-us/articles/360005672054-1-1-Hungry-Hub-
-https://www.disruptignite.com/blog/hungry-hub
-https://brandinside.asia/hungry-hub/
-https://mgronline.com/smes/detail/9640000073736
-https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=dkR4QTFUNERjM2c9
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
-https://blog.hungryhub.com/hungry-hub-2020/
-https://www.sentangsedtee.com/career-channel/article_168693
-https://hungryhub.zendesk.com/hc/en-us/articles/360005672054-1-1-Hungry-Hub-
-https://www.disruptignite.com/blog/hungry-hub
-https://brandinside.asia/hungry-hub/
-https://mgronline.com/smes/detail/9640000073736
-https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=dkR4QTFUNERjM2c9
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
Tag:Hungry Hub