กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศส่งเสริมให้ SME สมุนไพรไทยขยายโอกาสทางธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ
21 ก.ย. 2021
เคยสังเกตคนที่อยู่รอบตัวหรือแม้แต่ตัวเราเองบ้างไหม
ว่า ณ วันนี้ ทุกคนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น
เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่กระแสที่เกิดขึ้นรอบตัวเราแต่มันคือ เมกะเทรนด์ ของโลก
ว่า ณ วันนี้ ทุกคนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น
เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่กระแสที่เกิดขึ้นรอบตัวเราแต่มันคือ เมกะเทรนด์ ของโลก
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมกะเทรนด์นี้ก็คือ สมุนไพรไทย กำลังเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ
ด้วย จุดขาย ที่สมุนไพรไทยหลาย ๆ ชนิด สามารถบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้แต่การแปรรูปเป็นสินค้าความงาม
ด้วย จุดขาย ที่สมุนไพรไทยหลาย ๆ ชนิด สามารถบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้แต่การแปรรูปเป็นสินค้าความงาม
พอเป็นแบบนี้ก็เลยทำให้ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศหรือ DITP มีสารพัดไอเดียสนับสนุนการเติบโตผู้ประกอบการธุรกิจสมุนไพรไทย เพื่อก้าวสู่เวทีการค้าระดับโลก
โดยล่าสุดทาง DITP ได้มีโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสู่ตลาดต่างประเทศ
MarketThink มีโอกาสสัมภาษณ์เจ้าของ 3 บริษัทสินค้าจากสมุนไพรไทยประเภท Health & Wellness ที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้
สิ่งที่แปลกใจก็คือทั้ง 3 บริษัท พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการนี้ไม่ได้แค่ช่วยในเรื่องขยายธุรกิจไปต่างประเทศ อย่างเดียว แต่ยังเป็นเทรนเนอร์มาช่วยพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
ขอเริ่มที่ตัวอย่างแรกด้วยเป้าหมายอันยิ่งใหญ่
ที่ต้องการให้อีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทจะมียอดขาย 10 ล้านขวด รวมทุก ๆ ผลิตภัณฑ์
ที่ต้องการให้อีก 10 ปีข้างหน้า บริษัทจะมียอดขาย 10 ล้านขวด รวมทุก ๆ ผลิตภัณฑ์
แบรนด์นั้นมีชื่อว่า เทวดาใจดี โดย คุณวรวิทย์ เกิดสกุล ผู้ก่อตั้ง และคุณพิสิษฐ์ชัย ชยาธรธนวัฒน์ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.ไทย มาสเตอร์ ดัง
เขาเล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจมาจากที่ตัวเองประสบปัญหาเคล็ดขัดยอกและรักษามาหลายรูปแบบ อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย จนวันหนึ่งได้ไปรักษาด้วยวิธีนวดสมุนไพร ผลปรากฏว่า อาการดีขึ้น
จากสถานะผู้ป่วย ก็เริ่มอยากเป็นเจ้าของธุรกิจ เพราะมองเห็นว่าสมุนไพรไทย มีดีกว่าที่คิด
ทำให้คุณวรวิทย์ ขอสูตรน้ำมันนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากคุณหมอที่นวด
พร้อมกับเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านและต่อยอดพัฒนาสินค้าตัวเอง
ด้วยส่วนผสมสมุนไพรนานาชนิดจนมาเป็น น้ำมันนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ทำให้คุณวรวิทย์ ขอสูตรน้ำมันนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากคุณหมอที่นวด
พร้อมกับเรียนรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านและต่อยอดพัฒนาสินค้าตัวเอง
ด้วยส่วนผสมสมุนไพรนานาชนิดจนมาเป็น น้ำมันนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
เริ่มต้นจากการเป็นสินค้า OTOP ในชุมชนบางกอกน้อยและขายในตลาดที่มีทัวร์ต่างชาติมาลง
ผลปรากฏว่าขายดี แถมนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนก็กลับมาซื้อซ้ำ ๆ ทั้งใช้เองและเป็นของฝาก
ผลปรากฏว่าขายดี แถมนักท่องเที่ยวต่างชาติหลายคนก็กลับมาซื้อซ้ำ ๆ ทั้งใช้เองและเป็นของฝาก
แล้วก็ยังคิดต่อไปว่า.. จะทำอย่างไรให้สินค้าตัวเองไปสู่ตลาดต่างประเทศ
เมื่อเห็นโครงการดังกล่าวของ DITP ที่มีเป้าหมายผลักดันเจ้าของบริษัทสมุนไพรไทย ไปสู่ตลาดต่างประเทศ จึงทำให้คุณวรวิทย์ ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการทันที
สิ่งที่สร้างความประทับใจคุณวรวิทย์ มากที่สุด
นอกจากการที่สินค้าแบรนด์ เทวดาใจดี จะปรากฏตัวในงานนิทรรศการเพื่อให้หน่วยงาน หรือองค์กรเห็นแล้วตัดสินใจว่าจะมีการสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ แล้วนั้น
นอกจากการที่สินค้าแบรนด์ เทวดาใจดี จะปรากฏตัวในงานนิทรรศการเพื่อให้หน่วยงาน หรือองค์กรเห็นแล้วตัดสินใจว่าจะมีการสั่งซื้อสินค้าหรือไม่ แล้วนั้น
รู้หรือไม่ว่าทางผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบของโครงการนี้ยังได้ช่วยปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิง
จากที่ดูเป็นสินค้าท้องถิ่น ยกระดับให้แพ็กเกจจิงดูมีความทันสมัยสวยงาม และแฝงไปด้วยความเป็น Inter Brand มากขึ้นกว่าเดิม
อีกทั้งทางผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดยังช่วยให้คำปรึกษาในการทำการตลาด
จากที่ดูเป็นสินค้าท้องถิ่น ยกระดับให้แพ็กเกจจิงดูมีความทันสมัยสวยงาม และแฝงไปด้วยความเป็น Inter Brand มากขึ้นกว่าเดิม
อีกทั้งทางผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดยังช่วยให้คำปรึกษาในการทำการตลาด
“ตัวเราเก่งในการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ แต่ไม่เก่งด้านการส่งออก ด้านการตลาด
โครงการนี้ นอกจากทำให้สินค้าเรามีโอกาสไปขายในต่างประเทศ
ธุรกิจเรายังแข็งแกร่งกว่าเดิมและแบรนด์ก็ดูดีขึ้นมาก”
โครงการนี้ นอกจากทำให้สินค้าเรามีโอกาสไปขายในต่างประเทศ
ธุรกิจเรายังแข็งแกร่งกว่าเดิมและแบรนด์ก็ดูดีขึ้นมาก”
“ทำให้ความฝันที่ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมียอดขาย 10 ล้านขวดใกล้ความจริงมากขึ้น”
บริษัทต่อมาที่อยากจะพูดถึงก็คือบริษัท นาลินนา จำกัด เจ้าของแบรนด์ นาโรเซ่
โดยคุณณัฐวรินทร์ จงมนรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า..
โดยคุณณัฐวรินทร์ จงมนรุ่งโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นว่า..
สมัยเด็ก ๆ คุณแม่ชอบให้เธอบำรุงเส้นผมและผิวพรรณ ด้วยสมุนไพรไทยนานาชนิด
ปรากฏว่า นอกจากจะได้กลิ่นที่หอมแล้วนั้น ยังทำให้ผิวและเส้นผมของเธอดูสวยขึ้น
ปรากฏว่า นอกจากจะได้กลิ่นที่หอมแล้วนั้น ยังทำให้ผิวและเส้นผมของเธอดูสวยขึ้น
ความชื่นชอบในสมุนไพรไทยในวันนั้น ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ตัวเธอ ที่ต้องการสร้างสินค้าความงามที่มาจากธรรมชาติ
ทำให้แบรนด์ นาโรเซ่ ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผมจะมีส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด
ทำให้แบรนด์ นาโรเซ่ ที่มีทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผมจะมีส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด
ส่วนสินค้าที่ใช้สมุนไพรไทยเป็นวัตถุดิบนั้นก็คือ แชมพูและครีมนวดผม
โดยเธอวางตำแหน่งสินค้าให้เป็น Premium วางขายตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป
ส่วนในต่างประเทศเริ่มต้นก็จะเป็นการออกบูทและร่วมงานกับโครงการต่าง ๆ
โดยเธอวางตำแหน่งสินค้าให้เป็น Premium วางขายตามศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป
ส่วนในต่างประเทศเริ่มต้นก็จะเป็นการออกบูทและร่วมงานกับโครงการต่าง ๆ
แน่นอนว่า เมื่อเธอได้เห็นโครงการ DITP ที่สนับสนุนให้สินค้าสมุนไพรไทยไปเติบโตในตลาดต่างประเทศ ทำให้เธอตัดสินใจเข้าร่วมทันที
ซึ่งเธอมองว่าเป็นโอกาสดีที่หาไม่ได้ง่าย ๆ ในการหาพันธมิตรเพื่อนำสินค้าไปขายยังต่างประเทศ
แต่ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ การเข้าร่วมโครงการนี้
ทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิดหลายอย่าง
แต่ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ การเข้าร่วมโครงการนี้
ทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิดหลายอย่าง
“ที่ผ่านมา ใคร ๆ ก็ชมว่าสินค้าเราดี เราเป็นเจ้าของแบรนด์ ก็มองไม่เห็นจุดอ่อน
แต่พอเข้าร่วมโครงการนี้ ก็มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวิเคราะห์จุดอ่อน ทำให้ นาโรเซ่ เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงขึ้น”
แต่พอเข้าร่วมโครงการนี้ ก็มีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยวิเคราะห์จุดอ่อน ทำให้ นาโรเซ่ เป็นแบรนด์ที่แข็งแรงขึ้น”
โดยเธอบอกว่าข้อดีของโครงการนี้คือ แพ็กเกจจิงของสินค้าได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับ นาโรเซ่ ที่เป็นแบรนด์ Premium พร้อมกับมีลุกของความเป็น Inter Brand มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อีกเรื่องคือการเพิ่มไลน์อัปราคาสินค้า เพื่อให้เข้าถึงผู้ซื้อง่ายขึ้น
จากเดิมสินค้าในกลุ่มเส้นผมจะมีขนาดเดียวคือ 250 มิลลิลิตร ราคา 750-1,390 บาท
ก็จะมีไซซ์เล็กเพิ่มมา 50 มิลลิลิตร ขายราคา 490 บาท
จากเดิมสินค้าในกลุ่มเส้นผมจะมีขนาดเดียวคือ 250 มิลลิลิตร ราคา 750-1,390 บาท
ก็จะมีไซซ์เล็กเพิ่มมา 50 มิลลิลิตร ขายราคา 490 บาท
และเมื่อแพ็กเกจจิงสวยหรูเหมาะสมกับแบรนด์มากขึ้น
พร้อมกับการมีไลน์อัปราคาสินค้าที่จับกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ทำให้เธอมั่นใจว่า แม้การระบาดของโควิด 19 จะทำให้เกิดอุปสรรคในเรื่องยอดขาย
พร้อมกับการมีไลน์อัปราคาสินค้าที่จับกลุ่มลูกค้าได้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ทำให้เธอมั่นใจว่า แม้การระบาดของโควิด 19 จะทำให้เกิดอุปสรรคในเรื่องยอดขาย
แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการนี้ ทำให้เธอมั่นใจในความแข็งแรงของแบรนด์ ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นในเมืองไทยมากขึ้น
และยังน่าจะทำให้ นาโรเซ่ มีโอกาสขยายไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
และยังน่าจะทำให้ นาโรเซ่ มีโอกาสขยายไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
“ฝันไว้ว่าในอนาคตอยากมี 1 ประเทศ 1 ตัวแทนจำหน่ายขายสินค้าเราทั่วโลก
โดยโครงการนี้ก็เหมือนก้าวแรกที่จะทำให้ฝันเป็นจริง”
โดยโครงการนี้ก็เหมือนก้าวแรกที่จะทำให้ฝันเป็นจริง”
มาถึงบริษัทสุดท้ายก็คือ บริษัท กิสโม เอ็ม แอนด์ อี จำกัด
โดยมี คุณจันทมาศ เหมพรรณไพเราะ เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ มาดาม เอสเธอร์
ซึ่งเธอเล่าว่า ได้เริ่มทำสวนปลอดสารเคมีบนที่ดินของตัวเอง 18 ไร่ ในจังหวัดสมุทรสาคร
โดยมี คุณจันทมาศ เหมพรรณไพเราะ เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ มาดาม เอสเธอร์
ซึ่งเธอเล่าว่า ได้เริ่มทำสวนปลอดสารเคมีบนที่ดินของตัวเอง 18 ไร่ ในจังหวัดสมุทรสาคร
ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การหาพืชที่มาปลูก แล้วศัตรูพืชไม่เข้ามาทำลายผลผลิต จนมาสรุปเป็นใบพลู และ ไพล
และที่เลือกสมุนไพรไทย 2 ชนิดนี้ เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าจะแปรรูปผลิตสินค้าอะไร
โดยสินค้าที่แปรรูปออกมาแบ่งเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ
แต่มีสินค้า 2 ประเภทที่เข้าร่วมโครงการนี้คือ สบู่ ที่กำจัดสารแบคทีเรียด้วยสารสกัดจากใบพลู
เหมาะกับกลุ่มที่ชื่นชอบออกกำลังกาย และทำให้ร่างกายสดชื่นเวลาอาบน้ำ
ส่วนอีกหนึ่งสินค้าก็คือ น้ำมันหอมระเหย ที่ใช้ไล่ยุง แถมยังนำมานวดแก้ปวดเมื่อยได้อีกด้วย
โดยสินค้าที่แปรรูปออกมาแบ่งเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ
แต่มีสินค้า 2 ประเภทที่เข้าร่วมโครงการนี้คือ สบู่ ที่กำจัดสารแบคทีเรียด้วยสารสกัดจากใบพลู
เหมาะกับกลุ่มที่ชื่นชอบออกกำลังกาย และทำให้ร่างกายสดชื่นเวลาอาบน้ำ
ส่วนอีกหนึ่งสินค้าก็คือ น้ำมันหอมระเหย ที่ใช้ไล่ยุง แถมยังนำมานวดแก้ปวดเมื่อยได้อีกด้วย
จะเห็นว่าสินค้าสมุนไพรของ มาดาม เอสเธอร์ จะมีประโยชน์การใช้งาน 2 อย่าง
ซึ่งเธอบอกว่านี่คือการสร้างความ “ต่าง” แถมยังทำให้สินค้ามีมูลค่ามากขึ้น
โดยสินค้าจะมีวางขายในศูนย์การค้าชั้นนำต่าง ๆ
ซึ่งเธอบอกว่านี่คือการสร้างความ “ต่าง” แถมยังทำให้สินค้ามีมูลค่ามากขึ้น
โดยสินค้าจะมีวางขายในศูนย์การค้าชั้นนำต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม มาดาม เอสเธอร์ ก็เหมือนกับเจ้าของบริษัทสมุนไพรอื่น ๆ
ที่ต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาเธอก็เคยไปออกบูทตามโครงการต่าง ๆ
พร้อมกับพบว่าชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจสินค้าเธอไม่น้อย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น
ที่ต้องการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาเธอก็เคยไปออกบูทตามโครงการต่าง ๆ
พร้อมกับพบว่าชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจสินค้าเธอไม่น้อย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น
ตรงนี้เองที่เป็นเหตุผลให้เธอเข้าร่วมโครงการ DITP เพื่อในอนาคต มาดาม เอสเธอร์ จะเป็นแบรนด์ที่มีขายในหลายประเทศทั่วโลก
ซึ่งก่อนจะไปถึงจุดนั้น เธอบอกว่าทางผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบของโครงการได้ช่วยปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิง
ที่ช่วยปรับรูปลักษณ์ให้ดูมีมูลค่ามากขึ้น เน้นความ Premium สอดคล้องกับชื่อแบรนด์ มาดาม เอสเธอร์
จนทำให้เธอคิดว่าอาจจะใช้แพ็กเกจจิงนี้ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
ที่ช่วยปรับรูปลักษณ์ให้ดูมีมูลค่ามากขึ้น เน้นความ Premium สอดคล้องกับชื่อแบรนด์ มาดาม เอสเธอร์
จนทำให้เธอคิดว่าอาจจะใช้แพ็กเกจจิงนี้ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
พอเป็นแบบนี้ เลยทำให้เธออยากจะปรึกษาและได้รับคำแนะนำในการทำธุรกิจ
จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในโซนประเทศทวีปเอเชีย
จากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในโซนประเทศทวีปเอเชีย
จากข้อมูลของ 3 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ DITP ครั้งนี้ กำลังบอกกับเราว่า..
เจ้าของธุรกิจสมุนไพรไทยที่เป็นกลุ่ม SME ถึงจะเก่งและเชี่ยวชาญในการสร้างสินค้าที่มีคุณภาพ
แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั่นก็คือ วิธีคิดในการทำธุรกิจ การออกแบบแพ็กเกจจิง จนถึงเรื่องการตลาด
เจ้าของธุรกิจสมุนไพรไทยที่เป็นกลุ่ม SME ถึงจะเก่งและเชี่ยวชาญในการสร้างสินค้าที่มีคุณภาพ
แต่สิ่งที่ขาดหายไปนั่นก็คือ วิธีคิดในการทำธุรกิจ การออกแบบแพ็กเกจจิง จนถึงเรื่องการตลาด
ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่เป็นเจ้าของโครงการดังกล่าว
ก็รับรู้ถึงปัญหา พร้อมกับช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจเหล่านี้ให้เติบโตไปไกลถึงต่างประเทศ
ผลที่ตามมาก็คือ ประเทศไทยเราก็จะมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มมากขึ้น
ก็รับรู้ถึงปัญหา พร้อมกับช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจเหล่านี้ให้เติบโตไปไกลถึงต่างประเทศ
ผลที่ตามมาก็คือ ประเทศไทยเราก็จะมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มมากขึ้น
และที่สำคัญก็คือล้วนเป็นสินค้าที่มีวัตถุดิบอยู่ในประเทศไทยอย่าง สมุนไพร นั่นเอง..