Tiffany ยื่นฟ้อง LVMH กรณีล้มดีลซื้อกิจการมูลค่า 500,000 ล้านบาท
10 ก.ย. 2020
เมื่อปลายปีที่แล้ว ได้เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในวงการแบรนด์หรู
LVMH บริษัทแบรดน์หรูที่ใหญ่สุดในโลก เจ้าของแบรนด์หรูมากมาย เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, Fendi, Céline, Givenchy, Bulgari เป็นต้น
LVMH บริษัทแบรดน์หรูที่ใหญ่สุดในโลก เจ้าของแบรนด์หรูมากมาย เช่น Louis Vuitton, Christian Dior, Fendi, Céline, Givenchy, Bulgari เป็นต้น
ได้ประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการ Tiffany & Co. แบรนด์เครื่องประดับชั้นนำ สัญชาติอเมริกัน
ในมูลค่า 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 506,250 ล้านบาท
ซึ่งก็มีการเจรจาต่อรองทางธุรกิจ และรายละเอียดต่างๆอยู่นานเกือบปี..
ในมูลค่า 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 506,250 ล้านบาท
ซึ่งก็มีการเจรจาต่อรองทางธุรกิจ และรายละเอียดต่างๆอยู่นานเกือบปี..
แต่ล่าสุด LVMH กลับประกาศว่า บริษัทไม่สามารถปิดดีลการซื้อกิจการในตอนนี้ได้ !
โดยเหตุผลของทาง LVMH ที่ระงับดีลนี้เป็นเพราะ รัฐบาลฝรั่งเศสร้องขอให้บริษัท เลื่อนการพิจารณาซื้อกิจการออกไปก่อน
เนื่องจากกังวลเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐฯ ขู่ว่าจะใช้กฎหมายจัดเก็บภาษีศุลกากร สำหรับสินค้าฝรั่งเศส
ซึ่งจะกระทบต่อมูลค่าทางธุรกิจ และการค้ามหาศาล
เนื่องจากกังวลเรื่องที่รัฐบาลสหรัฐฯ ขู่ว่าจะใช้กฎหมายจัดเก็บภาษีศุลกากร สำหรับสินค้าฝรั่งเศส
ซึ่งจะกระทบต่อมูลค่าทางธุรกิจ และการค้ามหาศาล
และอีกเหตุผลหนึ่งของ LVMH ที่ลังเลจะซื้อกิจการ Tiffany & Co. ก็อาจเป็นเพราะพิษโควิด-19
ที่ทำให้ธุรกิจแบรนด์หรูได้รับผลกระทบจากหนัก จากยอดขายที่ลดลง
ที่ทำให้ธุรกิจแบรนด์หรูได้รับผลกระทบจากหนัก จากยอดขายที่ลดลง
ส่วนทาง Tiffany & Co. นั้น ก็แสดงความไม่พอใจอย่างมาก
และได้ยื่นฟ้อง LVMH โดยอ้างเหตุผลว่า LVMH จงใจถ่วงเวลา สำหรับดีลการขายกิจการมูลกว่า 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และรัฐบาลฝรั่งเศส ไม่มีอำนาจเพียงพอในการบังคับให้ชะลอดีลซื้อขายกิจการ
และได้ยื่นฟ้อง LVMH โดยอ้างเหตุผลว่า LVMH จงใจถ่วงเวลา สำหรับดีลการขายกิจการมูลกว่า 16,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และรัฐบาลฝรั่งเศส ไม่มีอำนาจเพียงพอในการบังคับให้ชะลอดีลซื้อขายกิจการ
“เราเชื่อว่า LVMH จะพยายามใช้วิธีการต่างๆ เพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการปิดดีลซื้อขายกิจการ
ซึ่งเคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้" Roger Farah ประธานของ Tiffany & Co. กล่าว
ซึ่งเคยตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้" Roger Farah ประธานของ Tiffany & Co. กล่าว
พอข่าวนี้กระจายไปทั่ว
หุ้นของ Tiffany & Co. ก็ -10% ทันที ก่อนจะเด้งขึ้นมาเหลือ -6.5% ตอนปิดตลาด
หุ้นของ Tiffany & Co. ก็ -10% ทันที ก่อนจะเด้งขึ้นมาเหลือ -6.5% ตอนปิดตลาด