รัฐผนึกกำลังเอกชน เพิ่มโอกาสใหม่ทางการแพทย์ “THG – มศว” เดินหน้าคิดค้นงานวิจัยใหม่ ๆ พร้อมเปิดมิติใหม่ศูนย์หัวใจ ยกระดับมาตรฐานบริการ
18 ส.ค. 2020
เชื่อหรือไม่ว่า ทุก ๆ 68 วินาที ทั่วโลกจะมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้นหนึ่งราย*
รวมถึงจากสถิติทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป พบว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ร้อยละ 3-6 และมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย**
ขณะที่โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของโลก โดยพบผู้ป่วยจำนวน 80 ล้านคน จะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 5.5 ล้านคน โดยในปี 2562 พบว่า ทุก ๆ 4 คน จะป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 1 คน***
การไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดี กรรมพันธุ์ และอายุที่มากขึ้น มีส่วนทำให้ร่างกายค่อย ๆ เสื่อมถอย สมองและความจำอาจพร่าเลือนทีละน้อย โรคภัยต่าง ๆ เริ่มมาเยือน โดยเฉพาะสองโรคยอดฮิต คืออัลไซเมอร์และโรคหัวใจ ที่จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแลอย่างแน่นอน
การมีสุขภาพที่ดีจึงถือว่าเป็นกำไรชีวิตที่เงินทองหาซื้อไม่ได้
หนทางในการป้องกันจึงเริ่มต้นง่าย ๆ เช่น การเลือกกินอาหารดีมีประโยชน์ และออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง แต่หากเกิดอาการป่วยขึ้นแล้ว ก็ต้องหาวิธีดูแล และมีทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสม เพื่อบรรเทาอาการจากความเจ็บป่วยนั้น ๆ
จากการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์มาระยะหนึ่งพบว่ากัญชามีส่วนช่วยในการรักษาอาการของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ และมีสรรพคุณรักษาโรคอื่น ๆ ทั้งนี้จะต้องได้รับในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
กัญชาจึงดูเหมือนเป็นสมุนไพร ที่มาพร้อมความหวัง ในการเป็นทางเลือกใหม่เพื่อการรักษา
ล่าสุด บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ผู้นำธุรกิจดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร และบริการที่มีคุณภาพด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ดูแลคุณในทุกช่วงชีวิต”
ผนึกกำลังร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร (มศว) ในการสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ภายใต้การนำทัพของนายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ THG มุ่งหวังเพื่อช่วยพัฒนาการวิจัย นับตั้งแต่การเพาะปลูก สกัด ไปจนถึงการนำมาใช้ในผู้ป่วย ยกระดับคุณภาพกัญชาซึ่งมีศักยภาพเป็นพืชเศรษฐกิจของไทย ให้เป็นที่ยอมรับ สามารถนำไปใช้เป็นทางเลือกในการรักษาโรคได้กว้างขวางยิ่งขึ้น
เมื่อทำการศึกษาลึกลงไป พบว่ากัญชาไม่ใช่สารเคมี แต่เป็นผลิตภัณฑ์จากพืชที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งในต่างประเทศที่เห็นผลคือ โรคลมชัก และโรคอัลไซเมอร์ บรรเทาอาการปวด รวมถึงเรื่องความอยากอาหาร และช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง หรือโรคเรื้อรัง สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น
ข้อดีของกัญชาคือเป็นพืชสมุนไพรที่มีสารเดียวกับสิ่งที่ร่างกายมนุษย์สามารถผลิตออกมาได้เอง ไม่มีสารเคมีเจือปน ซึ่งภายในกัญชามีสารสำคัญอยู่ 2 ชนิด คือ สาร THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นตัวช่วยทำให้เกิดอาการมึนเมา และสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งเป็นสารต้านฤทธิ์เมา
แม้จะเป็นทางเลือกใหม่ในการรักษา แต่ด้วยข้อกฎหมายของประเทศไทยยังจัดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งสามารถใช้ได้ในทางการวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ยังต้องรอการปลดล็อกด้านข้อกฎหมายต่าง ๆ ในอนาคต กัญชาจึงจะสามารถนำมาใช้รักษาโรคแก่ผู้ป่วยได้
ความหวังที่จะยกระดับมาตรฐานทางการแพทย์ด้วยตัวกัญชาที่ทั่วโลกให้ความสนใจ สะท้อนได้จากหลากหลายประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการรักษาผู้ป่วยซึ่งในประเทศไทยก็มีนโยบายจากทางรัฐบาล ที่ให้แพทย์แผนโบราณสามารถนำกัญชามาใช้รักษาโรคได้ แต่ต้องนำทั้งต้น ดอก และใบ นำมาผสมรวมกันและกลั่นออกมาเป็นยาเพื่อรักษาผู้ป่วย
THG สนับสนุนการวิจัยในครั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วย ได้มีทางรักษาโรคด้วยตัวยาใหม่ ๆ ใช้ประโยชน์จากกัญชาให้เหมาะสม และปลอดภัย ด้วยการควบคุมภายใต้การตัดสินใจจ่ายยาของแพทย์ ที่จะรู้ได้ถึงปริมาณที่เหมาะสมในการใช้ยาแต่ละครั้ง
นอกจากเรื่องกัญชาที่พูดถึงค่อนข้างเป็นประเด็นน่าสนใจแล้ว THG ยังไม่หยุดพัฒนาการบริการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ และหัวใจขาดเลือด ที่นับว่าเป็นโรคร้ายแรง มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว
เพราะ THG ได้จับมือกับศูนย์หัวใจการแพทย์ปัญญา นันทภิกขุ ชลประทาน ในสังกัด มศว โดยมีศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลธนบุรี จำกัด ในเครือ THG คอยซัพพอร์ต ดูแล
ศูนย์หัวใจแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับจำนวนคนไข้เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกที
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว หรือจะเรียกว่าภัยเงียบก็ว่าได้ เกิดโรคนี้ขึ้นมาเมื่อไร ไม่มีใครหายใจได้ทั่วท้องได้เฉกเช่นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ทีนี้เมื่อย้อนกลับไปดูสาเหตุของการป่วยเป็นโรค จะเห็นได้ว่าส่วนหนึ่งมาจากการใช้ชีวิตแบบผิดวิธี เช่น ทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง ส่งผลให้เกิดความเครียด และแน่นหน้าอกได้ง่าย
ตลอดรวมถึงการไม่ควบคุมการรับประทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย หรือการใช้ชีวิตอยู่แต่ในสภาวะแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ ทั้งหมดนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังได้
จึงเป็นที่มาที่ THG นำประสบการณ์จากการดูแลศูนย์หัวใจให้แก่โรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน กว่า 7 ปี บ่มเพาะเป็นแนวทางการรักษาที่เข้าถึงความต้องการของคนไข้อย่างทันท่วงที
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาจำนวนแพทย์และศูนย์รักษาไม่เพียงพอ สนับสนุนเปิดศูนย์ขึ้นมา โดยนายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ รองประธานกรรมการ THG ได้ให้กล่าวถึงศูนย์หัวใจแห่งนี้ว่ามีจุดเด่นตรงที่เปิดให้บริการแก่คนไข้ 24 ชั่วโมง
จึงวางใจได้ว่ามีศูนย์หัวใจที่เปิดดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลาคอยช่วยเหลือ
อีกทั้งยังมีอุปกรณ์การตรวจและรักษาที่ทันสมัย มีความแม่นยำ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้า การใส่ขดลวดเพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจ การผ่าตัดลิ้นหัวใจรั่ว ฯลฯ อย่างมีประสิทธิภาพ มีส่วนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้
สำหรับการให้บริการตรวจรักษาคนไข้จะเริ่มจากคนไข้ที่ใช้สิทธิข้าราชการและคนไข้ทั่วไป หลังจากนั้นถึงขยายรับบริการคนไข้ที่ใช้สิทธิประกันสังคม และคนไข้ที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพ
คาดว่าจะให้บริการดูแลรักษาได้ประมาณไตรมาส 3 นี้
สะท้อนถึงศักยภาพของวงการแพทย์ไทย และทิศทางการรักษาใหม่ ๆ สู่หนทางที่เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างสูงสุด…
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.thg.co.th/th/home
——————————————————————————————————————————————————