10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “GrabMart” บริการซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต-ร้านสะดวกซื้อ
18 ก.ค. 2020
Grab ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเรียกรถ, จัดส่งอาหาร-พัสดุ และบริการทางการเงิน ได้ส่ง “แกร็บมาร์ท” (GrabMart) บริการสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ต–ร้านสะดวกซื้อ
ทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง หลังชิมลางด้วยการปล่อยฟีเจอร์ 'Groceries’ เพื่อจัดส่งสินค้าจากพันธมิตรรายสำคัญอย่าง ท็อปส์, ซูเปอร์มาร์เก็ต และแฮปปี้เฟรช ไปถึงมือผู้บริโภคมาสักระยะ
และนี้คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “GrabMart” บริการใหม่ล่าสุดจาก Grab
1) เปิดให้บริการแล้วใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาค
GrabMart เริ่มทดลองให้บริการครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2562 ที่ประเทศสิงคโปร์
ปัจจุบันมีให้บริการแล้วในกว่า 50 เมืองใน 8 ประเทศได้แก่ สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, ไทย, ฟิลิปปินส์, เมียนมาร์ และกัมพูชา
โดยได้ผนึกพันธมิตรกับผู้ประกอบการร้านค้า ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ และร้านค้าปลีกต่างๆ รวมกว่า 5,000 สาขา
2) ครอบคลุม 25 จังหวัดทั่วไทย
GrabMart เริ่มให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และให้บริการใน 25 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, โคราช และขอนแก่น
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค ที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
3) ผนึกพันธมิตรกับห้างร้านชั้นนำกว่า 1,100 สาขา
ในช่วงแรกที่เริ่มเปิดตัว Grab ได้จับมือกับ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถสั่งซื้ออาหาร รวมถึงสินค้าที่จำเป็น โดยเริ่มจาก “แฟมิลี่มาร์ท”
ปัจจุบัน ผู้ใช้บริการ GrabMart สามารถสั่งสินค้าจากห้างอื่นๆ ทั้งท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และแม็กซ์แวลู รวมไปถึงร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง (specialty store) อาทิ
ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ “เจ กูร์เม่ต์” ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อและทำความสะอาด “เดทตอล” ผลิตภัณฑ์ปลากระป๋องในเครือ “ซีเล็ค” และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดสูตรออร์แกนิค “ออร์แกนิคส์ บัดดี้” เป็นต้น
4) ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบัน ให้สามารถสั่งซื้อสินค้าหรืออาหารได้ทุกที่ทุกเวลา
สำหรับช่วงที่ได้รับความนิยมสั่งซื้อมากที่สุด คือสุดสัปดาห์ (เสาร์-อาทิตย์) โดยเฉพาะระหว่างเวลา 19.00 – 22.00 น.
โดยลูกค้าส่วนใหญ่ที่นิยมใช้บริการ GrabMart คือผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าเพื่อใช้อุปโภคบริโภคในบ้าน แต่ไม่อยากเสียเวลาเข้าคิวเพื่อจับจ่าย หรือประหยัดเวลาในการเดินทาง
5) ใกล้-ไกลแค่ไหนก็สั่งได้
โดยหลังเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 3 เดือน พบว่าระยะทางสั้นที่สุดที่มีผู้ใช้บริการสั่งซื้อสินค้าจาก GrabMart คือ ระยะทางเพียงแค่ 50 เมตร หรือเทียบเท่ากับการเดิน 100 ก้าว
ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคบางกลุ่ม ที่มีความต้องการความสะดวกสบายขั้นสุด โดยหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น เพื่อประหยัดแรงงานและเวลา
6) ช่วยเหลือเกษตรกรไทย จำหน่ายผลไม้คุณภาพส่งออก
นอกเหนือจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแล้ว ล่าสุด GrabMart ยังได้เริ่มจำหน่ายผลไม้คุณภาพส่งออก อาทิ ทุเรียนหมอนทอง, มังคุด และเงาะ ภายใต้ชื่อ “ตลาดเกษตรกร”
ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Grab และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโครงการ “Grab Loves Farmers ช่วยเกษตรกรกันนะ”
เพื่อช่วยเกษตรกรไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 โดยขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่าน 10 จุดวางจำหน่ายทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งได้เปิดตัวไปในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
7) จัดส่งได้ทั้งรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์
นอกจากบริการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ใช้บริการ ด้วยรถจักรยานยนต์แล้ว ยังมีการจัดส่งผ่านรถยนต์ด้วย ในกรณีที่มีการสั่งสินค้าผ่านห้าง หรือร้านค้าขนาดใหญ่
ซึ่งถือเป็นช่องทางในการสร้างรายได้เสริมให้กับพาร์ตเนอร์คนขับ Grab ที่ปกติให้บริการการเดินทางด้วยรถยนต์ แต่ได้รับผลกระทบจากปริมาณงานที่น้อยลงในช่วงวิกฤติโควิด-19
8) จัดส่งรวดเร็ว ใช้เวลาเฉลี่ย 25 นาที
บริการ GrabMart ใช้เวลาจัดส่งเฉลี่ยอยู่ที่ 25 นาทีต่อ 1 ออเดอร์
เนื่องจาก Grab มีพาร์ตเนอร์คนขับอยู่ในระบบเป็นจำนวนมาก จึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยคิดค่าส่งเริ่มต้นที่ 15 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางในการจัดส่ง
9) เติบโต 5 เท่าในช่วง 3 เดือน
จากข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าผ่าน GrabMart ในเดือนมิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับยอดการสั่งซื้อในเดือนเมษายน 2563
10) น้ำอัดลม-ขนมขบเคี้ยว คือสินค้ายอดฮิต
จากข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าตลอดระยะเวลา 3 เดือน (เมษายน - มิถุนายน) ที่ GrabMart เปิดให้บริการ
พบว่า 5 อันดับสินค้ายอดนิยมที่มียอดสั่งซื้อสูงที่สุด ได้แก่ น้ำอัดลม, ขนมขบเคี้ยว, น้ำดื่ม, น้ำแข็ง และอาหารพร้อมทาน