โรงหนังจะขาดทุน ในทุกรอบที่ฉาย

หลังจากประเทศไทยประสบความสำเร็จในการควบคุมผู้ติดเชื้อ
ทำให้ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารกลับมาเปิดได้อีกครั้ง

ล่าสุด โรงหนัง หนึ่งในสถานที่ๆ หลายคนคิดถึง
ก็จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

แต่การกลับมาครั้งนี้
นอกจากเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสแล้ว
ครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในเรื่องการทำธุรกิจโรงหนัง
ที่อาจได้รับผลกระทบรุนแรงกว่าการเปิดให้บริการ
แล้วมันเป็นเพราะอะไร?

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังจากที่เราเปิดห้าง เปิดร้านอาหาร
บรรยากาศที่เกิดขึ้น แทบไม่มีอะไรเหมือนเดิม..

เราต้องรอคิวก่อนเข้าห้าง
นั่งทานอาหารห่างกัน แม้จะไปด้วยกัน
โรงหนัง ก็ไม่มีข้อยกเว้น

เพราะนอกจากเราต้องตรวจวัดอุณหภูมิ ต้องสวมหน้ากาก ก่อนเข้าโรงหนังแล้ว

ในการฉายหนัง 1 รอบ
จากจำนวนที่นั่งในโรงหนังทุกๆ 100 ที่นั่ง
ตอนนี้จะอนุญาตให้เข้าชมได้เพียง 25 ที่นั่ง

นั่นเท่ากับว่า ถ้าให้เจ้าของโรงหนังคิดค่าตั๋วเท่าเดิม
รายได้ของโรงหนังหลังจากเปิดให้บริการก็จะลดลงเหลือ 1 ใน 4

และถ้าถามว่าใน 25 นั่งนี้ จะเต็มหรือไม่?
คำตอบก็คงต้องติดตามกันต่อไป

ถึงแม้ว่าล่าสุดจะมีบางโรงหนังอนุญาตให้คนที่ไปด้วยกันนั่งกันเป็นคู่
แต่ในตอนแรกก็อาจยังมีคนไม่กล้าไปกันอยู่

ซึ่งเรื่องนี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วกับร้านอาหารที่ในช่วงแรก ลูกค้าน้อยลงเกินกว่าที่คาดคิด

ที่มากไปกว่านั้นก็คือเมื่อจำนวนคนเข้าโรงหนังน้อยลงไปกว่าเดิม
การขายป๊อบคอร์นและเครื่องดื่มซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรายได้สำคัญ
ก็จะมียอดขายลดน้อยลงเช่นกัน

แล้วเรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่รายได้ยอดขายตั๋วและเครื่องดื่มกับป๊อบคอร์น
แต่ยังอาจกระทบไปถึงรายได้ที่เป็น “ของหวาน” อย่างค่าโฆษณา

รู้หรือไม่ว่าตัวทำกำไรหลักของโรงหนังในยุคปัจจุบันก็คือ โฆษณาก่อนเข้าโรงหนัง
ซึ่งเรื่องนี้แบรนด์สินค้าโฆษณาต่างๆ ก็คงต้องคิดหนัก หากลงโฆษณากับโรงหนังในเวลานี้
เพราะจากเดิมโฆษณาสินค้าของตัวเองอาจมีคนเห็น 100%
แต่เวลานี้คนจะเห็นโฆษณาน้อยกว่า 25%

เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ หากเจ้าของโรงหนังยังอยากที่จะมีรายได้จากโฆษณา
ก็คงต้องเจรจากับ เอเจนซี แบรนด์สินค้าต่างๆ
ซึ่งอาจต้องยอมลดราคาโฆษณา

จะเห็นได้ว่ารายได้ของโรงหนัง
แม้ว่าจะกลับมาเปิดแล้วมีแนวโน้มที่จะหายไปอย่างมีนัยสำคัญ

ในทางตรงกันข้าม ค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าที่ ค่าไฟ
ที่จะเพิ่มขึ้นมาหลังจากโรงหนังกลับมาเปิด

และในที่สุดก็จะทำให้โรงหนังขาดทุนในทุกๆ รอบ ที่ฉาย

ถึงตรงนี้ ถ้ามองในแง่ผลประกอบการที่จะเกิดขึ้น
เราอาจสรุปได้ว่าการที่โรงหนังกลับมาเปิดในช่วงนี้
มันอาจจะไม่ดีไปกว่าตอน “ปิดโรงหนัง”