Naver เสิร์ชเอนจินอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ และเจ้าของ LINE
26 พ.ค. 2020
ทุกคนรู้จัก LINE แอปแช็ตยอดนิยมในเอเชีย รวมถึงเมืองไทย
LINE มีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 194 ล้านบัญชี โดยประเทศไทยมีอยู่ 45 ล้านบัญชี
LINE มีผู้ใช้งานทั่วโลกประมาณ 194 ล้านบัญชี โดยประเทศไทยมีอยู่ 45 ล้านบัญชี
เจ้าของแอป LINE คือ LINE Corporation บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น
แต่ LINE Corporation มีบริษัทแม่อีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ชื่อ “Naver”
แต่ LINE Corporation มีบริษัทแม่อีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติเกาหลีใต้ชื่อ “Naver”
Naver เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดในเกาหลีใต้
เป็นผู้ให้บริการเว็บท่า (Web portal) และเสิร์ชเอนจิน อันดับหนึ่งในประเทศ
ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า Google
เป็นผู้ให้บริการเว็บท่า (Web portal) และเสิร์ชเอนจิน อันดับหนึ่งในประเทศ
ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า Google
ทั้งนี้ เว็บท่า หมายถึง เว็บที่รวบรวมลิงก์เว็บไซต์ และบทความต่างๆ
โดยจะแบ่งคอนเทนต์ออกเป็นหมวดหมู่
โดยจะแบ่งคอนเทนต์ออกเป็นหมวดหมู่
ปัจจุบัน Naver Corporation มีมูลค่าบริษัท 944,000 ล้านบาท
ส่วน Line Corporation มีมูลค่าบริษัท 382,000 ล้านบาท
ส่วน Line Corporation มีมูลค่าบริษัท 382,000 ล้านบาท
โดยผู้ก่อตั้ง Naver ก็คือคุณ Lee Hae-jin
เขาจบด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล
และสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี (KAIST)
เขาจบด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล
และสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงแห่งเกาหลี (KAIST)
หลังจากจบการศึกษา ก็ได้เข้าทำงานที่ Samsung SDS
บริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Samsung
บริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Samsung
เขาทำงานที่บริษัทอยู่หลายปี แต่วันหนึ่งเขาเริ่มตั้งคำถามว่า
ทำไมเกาหลีใต้ ไม่มีเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลเหมือน Google และ Yahoo ในสหรัฐฯ
ทำไมเกาหลีใต้ ไม่มีเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลเหมือน Google และ Yahoo ในสหรัฐฯ
สุดท้ายเขาก็ได้สร้างคำตอบของตัวเองขึ้น..
โดยยื่นลาออกจากงาน แล้วก่อตั้ง Naver ขึ้นในปี ค.ศ. 1999
เพื่อสร้างเว็บท่า และเสิร์ชเอนจิน สำหรับเกาหลีใต้โดยเฉพาะ
เพื่อสร้างเว็บท่า และเสิร์ชเอนจิน สำหรับเกาหลีใต้โดยเฉพาะ
คุณ Lee Hae-jin พยายามสร้าง Naver ให้เป็นแหล่งรวมคอนเทนต์ที่หลากหลาย และครอบคลุมมากที่สุด
นอกจากบริการเสิร์ชเอนจินแล้ว เว็บยังมีให้บริการในหมวดอื่น เช่น ดิกชันนารี, ข่าว, หุ้น, แผนที่, จองที่พัก, ภาพยนตร์, เพลง, การ์ตูนบนเว็บ, ชอปปิงออนไลน์
นอกจากบริการเสิร์ชเอนจินแล้ว เว็บยังมีให้บริการในหมวดอื่น เช่น ดิกชันนารี, ข่าว, หุ้น, แผนที่, จองที่พัก, ภาพยนตร์, เพลง, การ์ตูนบนเว็บ, ชอปปิงออนไลน์
ด้วยความเป็นเจ้าแรกในตลาด และเป็นศูนย์รวมคอนเทนต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค
ทำให้ Naver เติบโตอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาไม่กี่ปี ก็กลายมาเป็นเว็บท่าอันดับต้นๆ ของประเทศ
ทำให้ Naver เติบโตอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาไม่กี่ปี ก็กลายมาเป็นเว็บท่าอันดับต้นๆ ของประเทศ
ในช่วงที่ก่อตั้ง Naver ได้เพียงปีเดียว คุณ Lee Hae-jin ได้เล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตในตลาดเกม
เขาจึงตัดสินใจควบรวมกิจการกับบริษัทเกมออนไลน์ Hangame
แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น NHN
เขาจึงตัดสินใจควบรวมกิจการกับบริษัทเกมออนไลน์ Hangame
แล้วเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น NHN
หลังการควบรวม NHN ก็ขยายกิจการไปในธุรกิจต่างๆ ทั้งในเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
โดยการเข้าซื้อกิจการ และก่อตั้งบริษัทลูก แต่จะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นหลัก
โดยการเข้าซื้อกิจการ และก่อตั้งบริษัทลูก แต่จะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นหลัก
ซึ่งในญี่ปุ่น NHN ก็ได้ก่อตั้งบริษัทลูกชื่อ NHN Japan
ดำเนินธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายรูปแบบ เช่น เกม, เสิร์ชเอนจิ้น, เว็บท่า, ดิจิทัลคอนเทนต์
ดำเนินธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตหลายรูปแบบ เช่น เกม, เสิร์ชเอนจิ้น, เว็บท่า, ดิจิทัลคอนเทนต์
และในปี ค.ศ. 2011 ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิขึ้นที่ญี่ปุ่น
ทำให้ระบบการสื่อสารแบบ Voice ในประเทศล่ม จนติดต่อสื่อสารกันไม่ได้
ทำให้ระบบการสื่อสารแบบ Voice ในประเทศล่ม จนติดต่อสื่อสารกันไม่ได้
ทีมวิศวกรของ NHN Japan ก็ได้ระดมกำลังกันคิดค้น
และสร้างแอปพลิเคชันที่สามารถสื่อสารกันผ่าน Data
เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัย สามารถติดต่อสื่อสารกับคนในครอบครัวได้
และสร้างแอปพลิเคชันที่สามารถสื่อสารกันผ่าน Data
เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัย สามารถติดต่อสื่อสารกับคนในครอบครัวได้
โดยแอปใช้เวลาพัฒนาประมาณ 2 เดือน
และในที่สุด NHN Japan ก็ได้ให้กำเนิด “LINE”
และในที่สุด NHN Japan ก็ได้ให้กำเนิด “LINE”
LINE ได้กลายเป็นแอปแช็ตที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยเฉพาะในญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ไทย และอินโดนีเซีย
โดยเฉพาะในญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ไทย และอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ต่อมา NHN ได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจใหม่
โดยเปลี่ยนชื่อบริษัท NHN Japan เป็น Line Corporation
โดยเปลี่ยนชื่อบริษัท NHN Japan เป็น Line Corporation
และแตกบริษัท NNH ออกมาเป็น 2 บริษัท
ได้แก่ Naver Corporation และ NHN Entertainment Corporation
ได้แก่ Naver Corporation และ NHN Entertainment Corporation
โดย Line Corporation จะเป็นบริษัทลูกของ Naver Corporation
ซึ่งดำเนินธุรกิจเว็บท่า เสิร์ชเอนจิน และบริการคอนเทนต์อื่นๆ
ซึ่งดำเนินธุรกิจเว็บท่า เสิร์ชเอนจิน และบริการคอนเทนต์อื่นๆ
ส่วน NHN Entertainment Corporation ดำเนินธุรกิจด้าน
คลาวด์, เกมออนไลน์, การชำระเงิน, ชอปปิงออนไลน์, โฆษณา, ความบันเทิง เช่น การ์ตูน และเพลง
คลาวด์, เกมออนไลน์, การชำระเงิน, ชอปปิงออนไลน์, โฆษณา, ความบันเทิง เช่น การ์ตูน และเพลง
ผลประกอบการของ Naver Corporation
ปี 2018 มีรายได้ 144,714 ล้านบาท กำไร 16,484 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 170,784 ล้านบาท กำไร 10,278 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 144,714 ล้านบาท กำไร 16,484 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 170,784 ล้านบาท กำไร 10,278 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้มาจาก
ธุรกิจของ Naver 63%
ธุรกิจของ LINE และอื่นๆ 37%
ธุรกิจของ Naver 63%
ธุรกิจของ LINE และอื่นๆ 37%
ที่น่าสนใจคือ Naver มีบริษัทลูกที่ชื่อว่า Naver Labs
เอาไว้สำหรับวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำๆ เพื่อเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ
เอาไว้สำหรับวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีล้ำๆ เพื่อเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ
ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ไร้คนขับ สำหรับธุรกิจ Ride-Sharing ในอนาคต
หรือ ปัญญาประดิษฐ์, หุ่นยนต์, AR และ VR
หรือ ปัญญาประดิษฐ์, หุ่นยนต์, AR และ VR
นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้วทาง Naver ได้บรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับ SoftBank Group เจ้าของ Yahoo! Japan
เพื่อให้ LINE กับ Yahoo! Japan ควบรวมกิจการกัน
โดยต่างฝ่ายจะถือหุ้นในสัดส่วนคนละ 50%
เพื่อให้ LINE กับ Yahoo! Japan ควบรวมกิจการกัน
โดยต่างฝ่ายจะถือหุ้นในสัดส่วนคนละ 50%
ซึ่งคาดว่าบริษัทจะดำเนินการควบรวมกันเสร็จภายในเดือนตุลาคมของปีนี้
และถ้าควบรวมกันสำเร็จ จะทำให้กลายเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น
และถ้าควบรวมกันสำเร็จ จะทำให้กลายเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น
คุณ Lee Hae-jin ผู้ก่อตั้ง Naver ปัจจุบันมีทรัพย์สินประมาณ 48,000 ล้านบาท
เรื่องนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจอีกนิด
รู้หรือไม่ว่า คุณ Lee Hae-jin หลังจากก่อตั้ง Naver ได้ไม่นาน
ก็ได้ชักชวน คุณ Kim Beom-su ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ Samsung SDS
ให้มาช่วยกันบริหาร Naver
รู้หรือไม่ว่า คุณ Lee Hae-jin หลังจากก่อตั้ง Naver ได้ไม่นาน
ก็ได้ชักชวน คุณ Kim Beom-su ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ Samsung SDS
ให้มาช่วยกันบริหาร Naver
โดยทั้งสองคน ก็ร่วมกันผลักดันบริษัทจนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคุณ Kim Beom-su ก็ลาออกจากบริษัท
และไปก่อตั้ง Kakao แอปแช็ตยอดนิยมในเกาหลีใต้
ซึ่งทุกคนในเกาหลีใต้จะใช้แอปแช็ตนี้ ไม่ได้ใช้ LINE
และ Kakao ก็ได้กลายมาเป็นคู่แข่ง Naver ในปัจจุบัน..
และไปก่อตั้ง Kakao แอปแช็ตยอดนิยมในเกาหลีใต้
ซึ่งทุกคนในเกาหลีใต้จะใช้แอปแช็ตนี้ ไม่ได้ใช้ LINE
และ Kakao ก็ได้กลายมาเป็นคู่แข่ง Naver ในปัจจุบัน..
อ้างอิง :
https://www.twfdigital.com/…/line-user-stat-in-thailand-20…/
https://www.worldometers.info/world-po…/thailand-population/
https://www.forbes.com/profile/lee-hae-jin/#2aea93bc232a
https://en.wikipedia.org/wiki/Naver_(corporation)
http://m.theinvestor.co.kr/people_detail.php…
https://www.navercorp.com/naver/milestones
Financial Report
https://www.twfdigital.com/…/line-user-stat-in-thailand-20…/
https://www.worldometers.info/world-po…/thailand-population/
https://www.forbes.com/profile/lee-hae-jin/#2aea93bc232a
https://en.wikipedia.org/wiki/Naver_(corporation)
http://m.theinvestor.co.kr/people_detail.php…
https://www.navercorp.com/naver/milestones
Financial Report