
ฟันผุกระทบสุขภาพทั้งระบบ! BDMS Wellness Clinic แนะเทคโนโลยี AIRFLOW GBT ทางเลือกใหม่ในการดูแลช่องปาก
24 เม.ย. 2025
สุขภาพช่องปากที่ดีคือพื้นฐานของสุขภาพกายที่แข็งแรง! บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ชวนดูแลสุขภาพช่องปาก ชี้คนไทยกว่า 53% มีปัญหาฟันผุ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกายองค์รวมมากกว่าที่คิด เผยเทคโนโลยีใหม่ “AIRFLOW GBT” ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก ส่งเสริมสุขภาพองค์รวมให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน
หลายคนอาจมองว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากอย่างฟันผุเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่องปาก จึงทำให้ให้การดูแลสุขภาพช่องปากถูกมองข้ามและไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควร ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต เพราะในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ เบาหวาน โรคอัลไซเมอร์ และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ชนิดอื่น ๆ
BDMS Wellness Clinic ในฐานะศูนย์สุขภาพเชิงป้องกัน ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธีและต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของสุขภาพช่องปากต่อระบบสุขภาพองค์รวม โดยเน้นย้ำแนวทางการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ยั่งยืนจากภายใน
รู้จัก “คราบพลัค” (Biofilm) ศัตรูเงียบของช่องปากที่คุณอาจไม่เคยรู้ตัว
“คราบพลัค” หรือ “ไบโอฟิล์ม” (Biofilm) คือคราบแบคทีเรียที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในช่องปากหลังการรับประทานอาหาร โดยจะสะสมอยู่บริเวณผิวฟันและขอบเหงือก หากไม่ทำความสะอาดอย่างถูกวิธี คราบเหล่านี้จะกลายเป็นต้นตอสำคัญของฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคในช่องปากอีกหลากหลายชนิด
แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เราสามารถรับรู้การมีอยู่ของคราบพลัคได้ผ่านสัมผัส หากใช้ลิ้นแตะบริเวณผิวฟันแล้วรู้สึกสาก แสดงว่าคราบพลัคยังคงสะสมอยู่ แต่หากรู้สึกลื่นและเรียบเนียนหลังแปรงฟัน แสดงว่าการทำความสะอาดได้ผล และสามารถขจัดคราบพลัคออกไปได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้น การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทุกวันตามที่ทันตแพทย์แนะนำจะสามารถช่วยขจัดคราบพลัคในระดับเบื้องต้นได้หากมีวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ในช่องปากของเราทุกคน ยังมีหลายจุดในช่องปากที่เข้าถึงได้ยาก เช่น บริเวณฟันซ้อนเก ฟันด้านใน เหล็กจัดฟัน หรือฟันปลอม ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งสะสมของคราบพลัคโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น การพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนเป็นประจำทุก 6 เดือน จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม
จาก “ฟัน” สู่ “โรคเรื้อรัง!” สุขภาพช่องปากเกี่ยวอะไรกับโรค NCDs?
ทันตแพทย์หญิงวลัยลักษณ์ เกียรติธนากร ผู้อำนวยการคลินิกทันตกรรม บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก เผยว่า สุขภาพช่องปากเป็นมากกว่าการมีฟันที่สะอาด หรือเรื่องของบุคลิกภาพภายนอกเพียงเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาช่องปาก เช่น ฟันผุ โรคเหงือก หรือคราบพลัคสะสม ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสุขภาพที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) ซึ่งรวมถึงโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด และ โรคหลอดเลือดสมอง
โดยในกรณีของโรคเบาหวาน มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มสูงที่จะเกิดโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ (โรคเหงือกขั้นรุนแรง) มากกว่าคนทั่วไป สาเหตุหลักคือระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ส่งผลให้การต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปากลดลง เมื่อแบคทีเรียสะสมมากขึ้นโดยเฉพาะตามแนวเหงือก ก็จะก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง นำไปสู่โรคเหงือกในที่สุด ในทางกลับกัน หากผู้ป่วยเบาหวานมีภาวะเหงือกอักเสบเรื้อรัง ก็จะส่งผลให้ร่างกายมีการหลั่งสารอักเสบ (inflammatory mediators) เพิ่มขึ้น ซึ่งสารเหล่านี้สามารถรบกวนการทำงานของอินซูลิน ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้นกว่าเดิม กลายเป็น “วงจรอันตราย” ที่ทั้งสองโรคส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน
ไม่เพียงเท่านั้น งานวิจัยยังพบว่าคราบพลัคที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดออกอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้แบคทีเรียในช่องปากเข้าสู่กระแสเลือด และส่งผลต่อหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะหลอดเลือดแข็งตัว (Atherosclerosis) และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยจำนวนมากที่กำลังศึกษาความเชื่อมโยงระหว่าง “สุขภาพช่องปาก” กับ “สุขภาพสมองในระยะยาว” โดยเฉพาะกับโรคเกี่ยวกับการเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) พบว่าแบคทีเรียบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคปริทันต์ เช่น Porphyromonas gingivalis อาจมีบทบาทในการกระตุ้นการอักเสบในสมอง ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์
“การดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยให้เรามีรอยยิ้มที่สดใสและมั่นใจ แต่ยังเป็นการป้องกันโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย” ทันตแพทย์หญิงวลัยลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติม
"AIRFLOW GBT": การดูแลช่องปากที่ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความกลัวและความกังวลในการพบทันตแพทย์ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนละเลยการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขูดหินปูนด้วยวิธีการแบบเดิม ที่มักมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บ เสียงเครื่องมือที่ดัง และแรงสั่นสะเทือนจากการทำหัตถการที่ทำให้รู้สึกไม่สบายช่องปาก ปัจจัยเหล่านี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะเลื่อนการทำความสะอาดฟันออกไปจากทุก 6 เดือน เป็น 1 ปี หรือบางคนอาจเว้นไปนานหลายปี จนกลายเป็นว่าการพบทันตแพทย์ไม่ใช่เพื่อการป้องกันอีกต่อไป แต่เป็นการรักษาหลังจากที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในยุคที่เทคโนโลยีการดูแลสุขภาพก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว วงการทันตกรรมเองก็ได้พัฒนาเครื่องมือและวิธีการใหม่ที่ตอบโจทย์คนไข้ยุคใหม่มากขึ้น หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นคือ “AIRFLOW GBT Concept” หรือ AIRFLOW Guided Biofilm Therapy ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการทำความสะอาดฟันสมัยใหม่ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพช่องปาก พร้อมทั้งลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการทำหัตถการ ช่วยให้การทำความสะอาดฟันเป็นเรื่องง่าย อ่อนโยน และเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับทุกคน
“ที่ BDMS Wellness Clinic เราได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลสุขภาพโดยรวมในด้านอื่น ๆ ต่อไป ด้วยเหตุนี้ เราจึงตั้งใจที่จะมอบบริการการทำความสะอาดฟันด้วยเทคโนโลยี AIRFLOW Guided Biofilm Therapy ให้กับผู้รับบริการ เพื่อมอบการดูแลช่องปากที่มีประสิทธิภาพและการรักษาที่อ่อนโยน ช่วยลดการบาดเจ็บจากการทำฟันในรูปแบบเดิม ๆ โดยเรามุ่งมั่นให้ผู้รับบริการมีแนวโน้มกลับมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กช่องปากทุก ๆ 6 เดือน เพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน” ทันตแพทย์หญิงวลัยลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติม
เทคโนโลยี AIRFLOW GBT ไม่เพียงแค่ช่วยทำความสะอาดฟันได้อย่างล้ำลึก แต่ยังโดดเด่นในด้านความอ่อนโยนต่อเหงือกและเนื้อเยื่อภายในช่องปาก ทำให้การดูแลสุขภาพช่องปากมีความแม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยการทำความสะอาดฟันด้วย AIRFLOW GBT นั้นประกอบด้วย 8 ขั้นตอนสำคัญ ซึ่งออกแบบมาเพื่อกำจัดคราบพลัค (Biofilm) อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสะสมของแบคทีเรียตัวการก่อโรคเหงือก ฟันผุ และกลิ่นปาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพฟันในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน ดังนี้
ตรวจสภาพเหงือก เพื่อประเมินโรคในช่องปากและวางแผนการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ย้อมสีคราบพลัค เพื่อระบุตำแหน่งของคราบพลัคหรือไบโอฟิล์มที่สะสมอยู่ในช่องปาก ซึ่งมักเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพฟันโดยไม่รู้ตัว การย้อมสีช่วยให้ทันตแพทย์สามารถมองเห็นคราบพลัคได้อย่างชัดเจน และขจัดออกได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทันตแพทย์ช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคการแปรงฟันที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นการพ่นแอร์โฟล์วพลัสแบบใหม่ มอบประสบการณ์ที่อ่อนโยนและสบายคล้ายการพ่นด้วยน้ำเปล่า แต่ให้ประสิทธิภาพสูงในการขจัดคราบพลัคอย่างหมดจด ทั้งบริเวณผิวฟัน ขอบเหงือก และใต้เหงือก ด้วยการใช้ผงน้ำตาล “อิริธริทอล” ที่มีอนุภาคเล็กที่สุดเพียง 14 ไมครอน จึงทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมโดยไม่ทำลายเนื้อฟันและวัสดุทางทันตกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นครอบฟัน วีเนียร์ รากเทียม หรืออุปกรณ์จัดฟันใส อีกทั้งยังสามารถขจัดคราบสีจากชา กาแฟ หรือบุหรี่ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพการพ่นแอร์โฟล์วพลัสบริเวณใต้เหงือก เฉพาะในกรณีที่ตรวจพบว่ามีปัญหาสุขภาพเหงือกเท่านั้นการขูดหินปูนด้วยเทคโนโลยี PS Piezon และระบบน้ำอุ่นด้วยหัวขูดพิเศษ ช่วยลดความเจ็บปวดและการสั่นสะเทือน อ่อนโยนกับผู้ที่มีรากเทียม ครอบฟัน หรือวีเนียร์ ตรวจเช็คความสะอาดหลังทำ โดยทันตแพทย์ทำนัดหมายครั้งต่อไป เพื่อการดูแลสุขภาพช่องปากที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การขูดหินปูนและขจัดคราบด้วย AIRFLOW GBT ราคา 4,000 – 4,500 บาท (ทั้งนี้ราคาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ ทันตแพทย์) ผู้ที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BDMS Wellness Clinic และการทำความสะอาดฟันด้วยเทคโนโลยี AIRFLOW GBT ได้ที่ https://www.bdmswellness.com/