
ย้อนตำนาน Mitsubishi Heavy Duty จากบริษัทกระดูกสันหลังเศรษฐกิจญี่ปุ่น สู่แบรนด์ที่ทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศของไทย
23 เม.ย. 2025
หลายคนอาจไม่รู้ว่าประเทศญี่ปุ่น มีจำนวนบริษัทที่ทำธุรกิจเกินกว่า 100 ปี ติดอันดับต้น ๆ ของโลก แต่มีเพียงไม่กี่บริษัทที่ถือเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น และเป็นแบรนด์ที่คนไทยคุ้นเคย ผูกพันตั้งแต่อดีตจนถึงวันนี้
หนึ่งในแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีคุณสมบัติครบทุกข้อที่กล่าวมาคือ Mitsubishi Heavy Duty แบรนด์ที่มีอายุยาวนานกว่า 140 ปี อีกทั้งคนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผ่าน บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยยาวนานกว่า 50 ปี พร้อมกับสร้างแบรนด์ “Mitsubishi Heavy Duty” ให้เป็นแบรนด์แรก ๆ ที่คนไทยนึกถึงหากคิดจะซื้อเครื่องปรับอากาศ
MarketThink ชวนนั่งไทม์มาชีนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty จนถึงการที่บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ได้สิทธิเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
พร้อมกับเคล็ดลับทางธุรกิจที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จด้านยอดขาย จนทำให้ Mitsubishi Heavy Duty แข็งแกร่งในตลาดเครื่องปรับอากาศเมืองไทย
รู้หรือไม่ จุดเริ่มต้นของ Mitsubishi Heavy Industries เริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงปี 1870 โดย คุณอิวาซากิ ยาทาโร่ โดยตอนนั้นใช้ชื่อบริษัทว่า Tsukumo Shokai ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเรือขนส่งสินค้าพาณิชย์
หลังจากนั้นไม่นานบริษัทก็อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัท Mitsubishi Shipbuilding Co., Ltd. พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท Mitsubishi Heavy Industries
จากนั้นธุรกิจของบริษัทก็เริ่มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในปี 1900 เมื่อธุรกิจเรือขนส่งสินค้าพาณิชย์ ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจเหมืองแร่, การเงินและการธนาคาร, อากาศยาน, ระบบรางและรถไฟ, แผนกอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านบริษัทใหม่ ๆ ในเครือที่มีอยู่มากมาย
จะเห็นว่าเกือบทุกธุรกิจ Mitsubishi Heavy Industries เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นในยุคนั้น
จนมาในช่วงปี 1950 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง บริษัท Mitsubishi Heavy Industries ถูกแยกออกเป็น 3 บริษัท ก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้งในปี 1964 พร้อมกับใช้ชื่อเดิม คือ Mitsubishi Heavy Industries หรือ MHI พร้อมกับทำธุรกิจหลากหลาย เช่น ธุรกิจพลังงาน, การบินและอวกาศ, เครื่องจักรกลหนัก, ระบบปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น
เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ช่วยเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนประเทศญี่ปุ่นให้ดีขึ้น จน MHI ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็น กระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นในยุคนั้น
ปัจจุบัน Mitsubishi Heavy Industries มีสินค้ากว่า 700 ประเภท
หนึ่งในสินค้าที่ขายดีและสร้างชื่อไปทั่วโลก คือ เครื่องปรับอากาศ ที่ในปี 1953 ได้เริ่มต้นพัฒนาเครื่องปรับอากาศระบายความร้อนด้วยน้ำเครื่องแรกของญี่ปุ่น จากนั้นก็พัฒนาเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ๆ ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย อยู่ตลอดเวลา
จนมาถึงในปี 1988 เมื่อบริษัท Mitsubishi Heavy Industries ได้ให้ความไว้วางใจเป็นพันธมิตรกับกลุ่มบริษัทมหาจักร ประเทศไทย จัดตั้งโรงงานผลิตและส่งออกเครื่องปรับอากาศ ไปยัง 65 ประเทศทั่วโลก ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บนพื้นที่กว่า 1 แสนตารางเมตร พร้อมกับทุนจดทะเบียนบริษัทกว่า 2,316 ล้านบาท โดยใช้ชื่อบริษัท Mitsubishi Heavy Industries - Mahajak Air Conditioners (MACO)
ทีนี้มาดูกันต่อว่าเมื่อ Mitsubishi Heavy Duty เข้าสู่ธุรกิจเครื่องปรับอากาศในประเทศไทย ทาง บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ใช้กลยุทธ์อะไร ถึงทำให้แบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมนี้
รู้หรือไม่ว่า Mitsubishi Heavy Duty ในเมืองไทย มีเครื่องปรับอากาศครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า
1. กลุ่มที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบ
2. ธุรกิจเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก
3. ธุรกิจเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
1. กลุ่มที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบ
2. ธุรกิจเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก
3. ธุรกิจเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
จุดขายที่ทำให้ Mitsubishi Heavy Duty ชนะใจลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากความคงทนของสินค้า การพัฒนาเทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งานเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ยังถือเป็นอีกหนึ่งท่าไม้ตายที่ชนะใจผู้บริโภค
- Real Inverter เป็นอินเวอร์เตอร์แท้ทั้งระบบ ประหยัดค่าไฟและรักษาอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ โดยมีชิ้นส่วนสำคัญ 4 ชิ้น คือ 1. Electronic Expansion Valve 2. DC PAM Inverter 3. DC Compressor 4. DC Motor
- คอยล์ทองแดงแท้ 100% เคลือบสารพิเศษ Blue Fin (เฉพาะรุ่น Inverter) ทำให้แผงระบายความร้อนทนทาน ช่วยป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้ทุกสภาพอากาศ
- ระบบกระจายอากาศที่รวม 4 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน
1. Jet Flow : กระจายลมโดยใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับใบพัดเครื่องยนต์เจ็ต ส่งลมไกลสูงสุดถึง 20 เมตร (*ขึ้นอยู่กับรุ่นและ BTU/h ที่เลือกใช้)
2. Hi Power : โหมดพลังงานสูง ปรับอุณหภูมิตามต้องการ รวดเร็วและเย็นไวภายใน 15 นาที
3. 3D Auto : เย็นทั่วถึงทุกมุมห้อง ด้วยใบปรับทิศทางลมจะสวิงอัตโนมัติแนวตั้ง 6 รูปแบบ และแนวนอน 8 รูปแบบ
4. UV Protection : ใช้เกรดพลาสติกแบบ ABS ทำให้ทนต่อแสงแดด และไม่ทำให้พลาสติกเปลี่ยนสีเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
5. พร้อมมีแผ่นฟอกอากาศป้องกันฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ให้หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด
1. Jet Flow : กระจายลมโดยใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับใบพัดเครื่องยนต์เจ็ต ส่งลมไกลสูงสุดถึง 20 เมตร (*ขึ้นอยู่กับรุ่นและ BTU/h ที่เลือกใช้)
2. Hi Power : โหมดพลังงานสูง ปรับอุณหภูมิตามต้องการ รวดเร็วและเย็นไวภายใน 15 นาที
3. 3D Auto : เย็นทั่วถึงทุกมุมห้อง ด้วยใบปรับทิศทางลมจะสวิงอัตโนมัติแนวตั้ง 6 รูปแบบ และแนวนอน 8 รูปแบบ
4. UV Protection : ใช้เกรดพลาสติกแบบ ABS ทำให้ทนต่อแสงแดด และไม่ทำให้พลาสติกเปลี่ยนสีเมื่อใช้งานไปนาน ๆ
5. พร้อมมีแผ่นฟอกอากาศป้องกันฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ให้หายใจด้วยอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอด
และที่ทำให้ได้ใจลูกค้ามากที่สุดคือ การรับประกันทุกชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศทุกรุ่นนานถึง 5 ปี
ที่น่าสนใจคือ แม้แบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty จะแข็งแกร่งในประเทศไทย แต่ทาง บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด ที่เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายต้องการให้แบรนด์เป็นที่จดจำอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตัดสินใจเลือก คุณมาริโอ้ เมาเร่อ เป็นพรีเซนเตอร์ นานถึง 8 ปี สื่อสารจุดขายของแบรนด์คือ การเป็นเครื่องปรับอากาศที่ทนทาน มีอายุใช้งานยาวนาน และมีเทคโนโลยีล้ำ ๆ นำเสนอตลอดเวลา
ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ ช่วงกลางปี 2024 บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด เปิดสายด่วนหมายเลข 1516 เพื่อให้ลูกค้าติดต่อศูนย์บริการ Mahajak Service Center ครอบคลุมสินค้าเครื่องปรับอากาศ Mitsubishi Heavy Duty สินค้าในกลุ่มประเภทเครื่องเสียง เช่น JBL, Denon, Harman Kardon, Shure, Soundcraft, Crown, Pioneer DJ และสินค้าอื่น ๆ ในเครือ
ตัวอย่างบริการ เช่น ให้คำปรึกษาด้านสินค้าต่าง ๆ, บริการล้าง/ซ่อม เครื่องปรับอากาศ, รับแจ้งบริการซ่อม/เคลม สินค้าระบบแสง เสียง ที่มั่นใจได้ว่าสร้างความพึงพอใจในทุก ๆ ระดับการให้บริการภายใต้คอนเซปต์การให้บริการแบบ Omotenashi หรือการบริการที่ใส่ใจแม้แต่ในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และมุ่งเน้นในการทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
จะเห็นได้ว่า Mitsubishi Heavy Duty มี Branding แข็งแกร่งที่มาพร้อมสินค้าคุณภาพสูง ส่วน บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาด, การสร้างแบรนด์ และบริการหลังการขาย
เป็นสูตรผสมทางธุรกิจที่ลงตัว ที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเป็น “พันธมิตรทางธุรกิจ” ที่จะเติบโตไปพร้อม ๆ กัน และจะทำให้แบรนด์ Mitsubishi Heavy Duty จากที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ให้แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ บริษัท Mitsubishi Heavy Industries ในญี่ปุ่น มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี 2040 เร็วกว่าที่สากลกำหนดไว้ถึง 10 ปี เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า Mitsubishi Heavy Industries เองก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงเป็นที่มาของพันธกิจหลักอันสำคัญยิ่งที่ได้ชื่อว่า Mission Net Zero อีกด้วย
อ้างอิง :
- ข้อมูลจาก บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด
- ข้อมูลจาก บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด