วิเคราะห์หนังโฆษณาตัวใหม่จาก Cute Press ทำถึง จนทุกเจน ต้องหยุดดูจนจบ

วิเคราะห์หนังโฆษณาตัวใหม่จาก Cute Press ทำถึง จนทุกเจน ต้องหยุดดูจนจบ

21 เม.ย. 2025
แม้ว่าการตลาดยุคดิจิทัลจะฉีกตำราการตลาดแบบเดิมไปหลายเล่ม
แต่หนึ่งในเครื่องมือการตลาดยอดฮิตตลอดกาล อย่างการทำหนังโฆษณา เพื่อบอกเล่าจุดยืนของแบรนด์ กระตุ้นยอดขาย ไปจนถึงการสร้าง Brand Awareness ก็ยังคงเป็นท่าไม้ตายของหลายแบรนด์
แต่ความยาก คือ ในยุคที่กองทัพคอนเทนต์ออนไลน์ พร้อมแย่งเวลาและความสนใจจากผู้บริโภค
แบรนด์จะทำอย่างไร ให้หนังโฆษณา ตกลูกค้าให้อยากดูจนจบไม่พอ
แต่เมื่อดูจบแล้ว ยังต้องสัมผัสได้ถึงพลังของสิ่งที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสารออกไป

บทความนี้ MarketThink จะชวนทุกคนไปหาคำตอบผ่านหนังโฆษณาตัวใหม่จาก Cute Press
ที่ไม่ได้ตั้งใจมาขายของ หรือชูความเจ๋งของเครื่องสำอาง ที่พร้อมเป็นตัวช่วยให้ทุกคนดูดี
แต่ตั้งใจแสดงจุดยืนของแบรนด์ที่ตั้งใจคิดค้นและพัฒนาสินค้าให้ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกเพศทุกวัย ทุกเจน ได้อย่างน่าสนใจ จนเชื่อว่า ถ้าใครกดเข้ามาดูแล้วต้องอยากดูจนจบ
ตัวหนังเปิดมาด้วยซีน พนักงานน้องใหม่ตัวแทนเจน Z ที่กำลังจะเลิกงาน
แต่ดันเจอ รุ่นพี่เจน Y มาสกัดดาวรุ่ง หอบรีพอร์ตมาหาให้ช่วยแก้งาน
พอน้องเห็นว่าเดดไลน์ยังมีเวลา เลยบอกรุ่นพี่ว่าวันนี้มีนัด จะขอมาแก้ให้พรุ่งนี้
แต่รุ่นพี่เจน Y ไม่ยอม แทบจะชักแม่น้ำทุกสายบนโลกมาอ้าง หวังจะให้น้องแก้งานให้ได้
ซีนนี้ บอกเลยสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เคยเจอรุ่นพี่มหาภัยแบบนี้ ดูแล้วต้องมีจี๊ด ยิ่งแต่ละเหตุผลที่รุ่นพี่ยกมานั้น ไม่ว่าจะเป็น
- สมัยพี่ จะแก้งานก่อนค่อยกลับ แต่ประเด็นคือ พี่ชอบมาให้แก้ตอนใกล้เลิกงาน
- ถ้าพูดถึงการเดินทางกลับบ้านลำบาก สมัยพี่ลำบากกว่าเยอะ เพราะมีรถไฟฟ้าแค่สองสาย
เทียบกับยุคนี้ไม่ได้ มีทั้งรถไฟฟ้าและรถใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของหนังโฆษณา ไม่ได้ต้องการมาชี้ว่าใครผิดหรือถูก
แต่ตัวหนัง ตั้งใจพาทุกคนไปสำรวจมุมมองผ่านเลนส์ของคนอีกหลายเจน
ที่ต่างมองโลกในมุมของเจนตัวเอง จนกลายเป็นการตำหนิเจนอื่น ๆ
งานนี้ ใครที่สงสัยว่า Cute Press จะทำถึง จี้ใจคนแต่ละเจนได้แค่ไหน ต้องตามไปชม
แอบสปอยล์นิดหนึ่งว่า หนังโฆษณาตัวนี้ Cute Press เซอร์ไพรส์ผู้ชม ราวกับขึ้นไทม์มาชีนไปทัวร์ประวัติศาสตร์ ตามหาบรรพบุรุษของมนุษยชาติเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น ถ้าจะมาประชันความลำบากของสิ่งมีชีวิตแต่ละเจน คงยากที่จะตัดสิน
เพราะไม่ว่าจะเจนไหนก็มักจะโดนว่ากล่าวหาจากเจนที่โตกว่าเสมอ
Cute Press เลยอยากชวนทุกคนมาคิดหมุนกลับว่า จะดีกว่าไหม
หากทุกคนได้ลองเปิดมุมมองอีกด้าน หันมาแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
เรื่องเลวร้ายอาจจะกลับกลายเป็นพลังบวก
แทนที่ความเห็นต่าง จะจบลงด้วยความขัดแย้งหรือความหมางใจ
เมื่อพลิกมุมคิด ก็กลายเป็นการคืนรอยยิ้ม และความสุขกลับมาให้ทุกคน
เหมือนในหนังโฆษณา ที่พอเล่าเรื่องมุมกลับ ให้แต่ละเจนได้พลิกมุมมอง
ผลลัพธ์ที่ได้คือ พลังบวกที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
แล้วถ้าถามว่า ทำไม Cute Press ต้องมาสนับสนุนเรื่องนี้ ?
คำตอบก็เพราะ ในฐานะแบรนด์เครื่องสำอางคนไทยที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 49 ปี
และเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็น Top of Mind ในใจลูกค้า
เพราะในขณะที่หลายคนอาจผูกพันกับแบรนด์ เพราะเคยได้รับผลิตภัณฑ์ของ Cute Press จากแม่ในวันที่เริ่มแต่งหน้าครั้งแรก หรือวันที่เราเริ่มทำงานที่แรก
หรือบางคนอาจจะมีภาพที่คุ้นตา คือ แป้ง Cute Press ไอเทมคู่ใจคุณแม่ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี คุณแม่ก็ยังใช้แป้งรุ่นเดิม
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์มีความผูกพันที่เหนียวแน่นกับฐานลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้แบรนด์ไม่เพียงมีประสบการณ์ และเข้าใจอินไซต์ของลูกค้าทุกเพศทุกวัยเป็นอย่างดี
จนสามารถคิดค้นและผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้ครบตั้งแต่หัวจรดเท้า
และกลายเป็นแบรนด์ที่อยู่ใน Top of Mind ของลูกค้า มีการแนะนำบอกต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น
Cute Press ยังตั้งใจตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่เข้าใจปัญหาทุก Generation
ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยความงาม แต่ลงลึกไปถึงมุมมองความคิดของคนต่างเจนได้อย่างถึงแก่น
แล้วนำมาถ่ายทอดผ่านหนังโฆษณาได้อย่างน่าสนใจ
จนเชื่อว่าเป็นหนังโฆษณาที่ดูได้ทุกเจน แถมเมื่อดูจนจบ
นอกจากจะทำให้หลายคนเริ่มกลับมาฉุกคิดว่า
นี่เรากำลังนำความคิดของตัวเองมาตัดสินคนอีกเจนหรือเปล่า
และการตัดสินด้วยการคิดว่า เราโตกว่าหรือเป็นผู้ใหญ่กว่า ถูกต้องแล้วจริงหรือ
แต่สำหรับ MarketThink อีกคำถามที่คาใจ จนต้องกลับไปดูซ้ำ คือ
หนังโฆษณาตัวนี้ โปรดักต์ของ Cute Press ได้ปรากฏตัวในซีนไหน
คำตอบ คือ ซีนเปิดตัว ที่มีพนักงานน้องใหม่นั่งทัชอัปแต่งหน้าก่อนจะเลิกงานนั่นเอง..
ถ้าใครไม่เชื่อ ชมหนังโฆษณานี้ได้เลย
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.