สมาคมผู้ค้าปลีกไทยชูกลยุทธ์ “ตั้งรับ-รุกกลับ-ปรับตัว”ชงรัฐคุมเข้มสินค้าไร้มาตรฐาน-ดันไทยสู่ฮับช้อปปิ้งอาเซียน

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยชูกลยุทธ์ “ตั้งรับ-รุกกลับ-ปรับตัว”ชงรัฐคุมเข้มสินค้าไร้มาตรฐาน-ดันไทยสู่ฮับช้อปปิ้งอาเซียน

21 เม.ย. 2025
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เผยแนวโน้มค้าปลีกครึ่งปีหลัง 2568 เผชิญปัจจัยรอบด้านทั้งภายในและภายนอกประเทศภายใต้โลกการค้าใหม่ ชี้แนวทางฟื้นฟูค้าปลีกด้วย กลยุทธ์ 3S “Shield (ตั้งรับ) Strike (รุกกลับ) Shape (ปรับตัว)” เร่งเดินหน้านโยบาย “TRA GREAT” ยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้แข็งแกร่ง
นายณัฐวงศ์พานิชประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า “สถานการณ์ค้าปลีกไทยเต็มไปด้วยความท้าทายจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกที่ลดลงต่อเนื่อง สะท้อนภาพการบริโภคที่ชะลอตัว ภาคท่องเที่ยวเติบโตลดลง และภาคส่งออกที่กำลังเผชิญกับกำแพงภาษี  ผู้ประกอบการค้าปลีกไทยไม่เพียงแค่  ‘อยู่รอด’ แต่ต้อง ‘ยืนหยัด’ และ ‘ก้าวนำ’ ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจ การตั้งรับรุกกลับและปรับตัวให้ทันอนาคตคือกุญแจสู่การฝ่าวิกฤติ ขณะเดียวกันภาครัฐต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เหมาะสม” 
สถานการณ์ค้าปลีกครึ่งปีหลัง 2568 :
ปี 2567 ภาคค้าปลีกมีมูลค่าราว 4 ล้านล้านบาท โดยมี สัดส่วนมูลค่าใน GDP สูงเป็นอันดับ 2 หรือคิดเป็น 16% ของขนาดเศรษฐกิจทั้งประเทศ (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
ยอดขายภาคค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง โดยในช่วงปี 2567-2568 โตเฉลี่ย 3.4% (1.36 แสนล้านบาท) เทียบกับในช่วงปี 2565-2566 ที่โต 5.9% จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว กำแพงภาษีสหรัฐฯ กำลังซื้อผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงการแข่งขันรุนแรงกับแพลตฟอร์มค้าปลีกต่างชาติอย่าง E-Commerce (ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย)
ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEsที่มากกว่า 3.3 ล้านราย ต้องเผชิญความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะ สินค้านำเข้าราคาถูกและด้อยคุณภาพจากต่างประเทศที่เข้ามาผ่านทางอีคอมเมิร์ซและผู้ประกอบการรายย่อยข้ามแดน
ต้นทุนการดำเนินธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรง ต้นทุนโลจิสติกส์ ค่าพลังงานและสาธารณูปโภค
ค้าปลีกยังคงเป็น เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ในการขับเคลื่อนภาคผลิต ภาคการบริโภค และภาคแรงงาน
นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนลดลง ในครึ่งปีหลังจึงจำเป็นต้องหา ตลาดทดแทน เช่น นักท่องเที่ยวระยะไกล (Long Haul) หรือยุโรปมากขึ้น เช่น รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และตะวันออกกลาง เป็นต้น
เทรนด์ค้าปลีก 2568 : ปรับตัวสู่ดิจิทัลและความยั่งยืน
Convergence Commerce as the New Standard สร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อระหว่างช่องทาง Offline และ Online รวมถึงการผสานร้านค้ารายใหญ่และรายย่อยให้เป็นระบบนิเวศ (Ecosystem) เดียวกัน เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ
AI Personalization Engine นำเสนอสินค้า โปรโมชั่น และประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละรายอย่างเฉพาะบุคคล (Personalization) ด้วยการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อบริหารจัดการสต็อกสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มยอดขาย ลดปริมาณสินค้าคงคลังที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า
Sustainable Retail ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, ใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน
กลยุทธ์ 3S (Shield Strike Shape) "ตั้งรับรุกกลับปรับตัว"
1. ตั้งรับ (Shield) 
ป้องกันสินค้าราคาถูกและด้อยคุณภาพจากต่างประเทศ
- การตรวจสอบสินค้านำเข้า 100% แทนการสุ่มตรวจ ด้วยระบบเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำ
- ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่วางจำหน่ายในประเทศอย่างเข้มงวด เช่น การมีมาตรฐาน มอก. และฉลากต้องเป็น
  ภาษาไทย
ปราบปรามธุรกิจนอมินี- จำเป็นต้องเร่งหามาตรการเชิงรุกในการจัดการธุรกิจนอมินี (Nominee) ที่สวมสิทธิ์คนไทยในทุกระดับ ตั้งแต่รายย่อยถึง
  รายใหญ่ ครอบคลุมธุรกิจในหลายรูปแบบ เช่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และโรงแรมศูนย์เหรียญ เพื่อยับยั้งการ
  รั่วไหลของเม็ดเงิน และผลักดันให้รายได้จากภาคค้าปลีกหมุนเวียนกลับสู่ระบบเศรษฐกิจและผู้ประกอบการไทย
- ป้องกันการสวมสิทธิ์ผลิตสินค้าที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกไปสหรัฐ (Re-Export) ส่งผลให้ไทยเกินดุลสหรัฐ
2. รุกกลับ (Strike) 
ค้าเสรีและเป็นธรรม
- จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT 7% กับสินค้าออนไลน์นำเข้าที่มีมูลค่าตั้งแต่บาทแรก (จากเดิมสินค้าไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี) โดยออกเป็นกฏหมายบังคับใช้เป็นการถาวร
- ปรับปรุงกฏหมายที่มีข้อจำกัดและไม่ครอบคลุมของ “พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์” หรือการซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้าไม่ได้มาตรฐานราคาถูกที่จำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มข้ามชาติ เพื่อปกป้องผู้บริโภคคนไทย เช่น จัดให้มี  ระบบเชื่อมต่อข้อมูลอัตโนมัติ (API) กับหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ออกมาตรการรับมือกับสถานการณ์สินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดไทย อันเนื่องมาจากปัญหาการผลิตสินค้าเกินความต้องการภายในประเทศจีน (Oversupply) ซึ่งจีนจำเป็นต้องระบายสินค้าสู่ต่างประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยจนถึงขั้นต้องปิดกิจการหรือมีการเลิกจ้างแรงงาน
ช้อปปิ้งยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (Instant Tax Refund)
- เสนอการนำร่องมาตรการ Instant Tax Refund คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ให้กับนักท่องเที่ยวที่มียอดซื้อสินค้าขั้นต่ำ 3,000 บาทขึ้นไป ต่อ 1 วันในร้านค้าเดียวกัน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น
สอดคล้องกับประเทศจีนที่ได้ประกาศใช้นโยบาย Instant Tax Refund 500 หยวน (ประมาณ 2,500 บาท) นำร่องที่เมืองท่องเที่ยวอย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว
เขตปลอดภาษีสำหรับสินค้าไลฟ์สไตล์ (Shopping Paradise Sandbox)
- พิจารณาการลดภาษีนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องหนัง น้ำหอม โดยอาจเริ่มที่สินค้าอเมริกาก่อน โดยนำร่องทำแซนด์บ็อกซ์เป็นเขตปลอดภาษี (Free Trade Zone) ในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและเพิ่มศักยภาพให้ไทยเป็น Shopping Paradise ของภูมิภาค
- การลดภาษีนำเข้าสินค้าไลฟ์สไตล์จากสหรัฐฯ เป็นกลยุทธ์หนึ่งในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าไทย–สหรัฐฯ และสร้างความหลากหลายให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพจากต่างประเทศ
3. ปรับตัว (Shape)
การลดทอนกฏระเบียบที่ล้าสมัยและซับซ้อน (Regulatory Guillotine)
- ผลักดันมาตรการ Regulatory Guillotine เพื่อลดกฎระเบียบที่ล้าสมัยและซับซ้อน เช่น  การปรับลดจำนวนและขั้นตอนการขอใบอนุญาตหลายใบให้อยู่ในใบเดียว (Super License) และผ่านระบบกลาง (Biz Portal) ครอบคลุมทั่วประเทศ เช่น ใบอนุญาตเปิดศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านอาหาร และใบอนุญาตก่อสร้าง
การสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย (Championing Thai SME)
- รัฐสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษี โดยจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูและพัฒนานวัตกรรมสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ พร้อมผลักดันให้ได้รับการรับรอง ‘Made in Thailand’ จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและขยายโอกาสในการส่งออก
- ส่งเสริมการมอบสัญลักษณ์ Thai SELECT จากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อการันตีคุณภาพอาหารไทยซึ่งเป็นหนึ่งในซอฟต์เพาเวอร์ทั้งในและต่างประเทศ
การมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- มอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่าน BOI เพื่อจูงใจนักลงทุนไทยให้ลงทุนในเมืองน่าเที่ยวศักยภาพสูง เพื่อกระจายความเจริญลดความเหลื่อมล้ำ
TRA GREAT: ผลงานตามนโยบายหลักเพื่อขับเคลื่อนอนาคตค้าปลีกไทย
สมาคมฯ เดินหน้านโยบายสำคัญภายใต้กรอบ “TRA GREAT” ซึ่งเป็นแนวทางพัฒนาภาคค้าปลีกไทยอย่างเป็นระบบในระยะกลางถึงยาว ประกอบด้วย 5 แกนสำคัญ ดังนี้
• G – Global Hub of Lifestyle ยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว และขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าไทย
- การร่วมมือกับกรมการพัฒนาชุมชนกับสมาชิกของสมาคมผู้ค้าปลีกไทยในโครงการ “พลิกโฉม OTOP ไทยสู่โลก
  ออนไลน์ และ Modern Trade”
• R – Reinforce Retailer Competitiveness สร้างช่องทางจัดจำหน่ายให้ SMEs และสินค้าประจำจังหวัดในศูนย์การค้า และสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (Soft Loan)
- การร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ หอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรม ตลาดนัด SME สัญจร โดยซีพี แอ็กซ์ตร้า แคมเปญ “โชห่วย Go Plus” จำหน่ายสินค้าจากร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ณ โก โฮลเซลล์ ทุกสาขา
- การร่วมกับกรมการค้าภายในจัดจำหน่ายผลไม้สดในพื้นที่ของสมาชิกสมาคมฯ เช่น เดอะมอลล์ พารากอน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เป็นต้น
- โก โฮลเซลล์ เตรียมการสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารพาณิชย์
• E – Elevate Human Capital
- พัฒนาทักษะแรงงานค้าปลีก (Upskill, Reskill) พร้อมใช้มาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชีพกำหนดค่าจ้างแทนค่าแรงขั้นต่ำ
• A – Accelerate Action on Environment and Sustainability ส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกสีเขียว 
- โครงการฮักโลก Hug The Earth จัดโซนสินค้าฉลากรักษ์โลกในร้านค้าของสมาชิกฯ 
- ลงนามความร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ส่งเสริมการแปรรูปน้ำมันใช้แล้วเป็นพลังงานเชื้อเพลิงอากาศยาน 
- การใช้รถ EV ขนส่งสินค้า , การใช้โซลาร์ รูฟ ในร้านค้าของสมาชิกฯ 
• T – Technology Adoption สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสู่การเป็น Smart Retail
- นำ AR/VR มาใช้ในร้านค้าเพื่อเพิ่มประสบการณ์ช้อปปิ้ง เป็นต้น
โครงการโดดเด่นของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย (สิงหาคม 2567 – ปัจจุบัน)
การร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์เป็นศูนย์กลางลงทะเบียนร้านค้าเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครอบคลุม 400 บริษัท กว่า 2 แสนแห่งทั่วประเทศ อาทิ ภาคค้าปลีก ค้าส่ง ร้านค้าในศูนย์การค้า ศูนย์อาหาร ร้านอาหาร เป็นต้น
นำเสนอข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบสินค้านำเข้าราคาถูกและการสวมสิทธิ์นอมินี รวมทั้งสมาคมฯ ได้มีโอกาสหารือกับคณะทำงานปราบปรามสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อให้ข้อเสนอแนะ ส่งผลให้สมาคมฯ กลายเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงสำคัญที่ผลักดันให้เกิดมาตรการปราบปรามอย่างจริงจัง
สนับสนุนเอสเอ็มอี โดยเฉพาะวิสาหกิจรายย่อย (Micro SME) โดยร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผ่านการจัดสรรพื้นที่จำหน่ายภายในห้างร้านและศูนย์การค้าของสมาชิก
นำเสนอมาตรการ Easy E-Receipt ให้กลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อช่วยปลุกมู้ดการจับจ่ายใช้สอยได้เป็นอย่างดี
สมาคมผู้ค้าปลีกไทยมุ่งมั่นส่งเสริมผู้ประกอบการค้าปลีกทุกระดับพร้อมขับเคลื่อนอีโคซีสเต็มของค้าปลีกให้แข็งแกร่งโดยเชื่อว่าหากทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกันจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.