ถอดกลยุทธ์เจี้ยนชา ปั้นแบรนด์อย่างไรให้เติบโตแบบก้าวกระโดด กว่า 25 สาขา ใน 1 ปี

ถอดกลยุทธ์เจี้ยนชา ปั้นแบรนด์อย่างไรให้เติบโตแบบก้าวกระโดด กว่า 25 สาขา ใน 1 ปี

8 มี.ค. 2025
สมมติว่าเราเริ่มทำธุรกิจแล้วปรากฏว่า ผลตอบรับดีมาก ๆ จนต้องขยายสาขา อยากให้ลองตั้งคำถามกันเล่น ๆ ว่า ถ้าเป็นเราจะขยายได้กี่สาขาใน 1 ปี ? 
ตอนนี้มีแบรนด์ชาผลไม้ชื่อว่า “JIAN CHA” (เจี้ยนชา) เจ้าของเมนูฮิตอย่าง ชาองุ่นปอกมือ และ ชานมคามิเลีย ที่กำลังมาแรงมาก ๆ เพราะเพิ่งสร้างแบรนด์ได้แค่ปีเดียว 
แต่สามารถขยายได้มากกว่า 25 สาขา
มีสาขาบริเวณทำเลทองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้าชั้นนำอย่าง สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์, ไอคอนสยาม และแหล่งร้านอาหารย่านดังอย่างบรรทัดทอง ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับแบรนด์ที่เริ่มธุรกิจได้เพียง 1 ปี
แล้วใครคือ JIAN CHA และมีกลยุทธ์อะไรน่าสนใจบ้าง MarketThink จะสรุปให้ฟังในโพสต์นี้
JIAN CHA ออกเสียงว่า เจี้ยน ชา เป็นร้านชาผลไม้ระดับพรีเมียม ก่อตั้งโดยกลุ่มเพื่อน 3 คน โดยมีหัวหอกคือคุณพลอย (Polly) คนไทยที่มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่ประเทศจีน
และได้ตกหลุมรักวัฒนธรรมการดื่มชาของคนจีน เลยอยากเอาประสบการณ์ดื่มชาแบบใหม่ ๆ ที่ตัวเองได้เจอมาเสิร์ฟให้คนไทยบ้าง ก่อนเกิดเป็นไอเดียธุรกิจ JIAN CHA ในที่สุด
พอจุดตั้งต้นเป็นแบบนี้เลยทำให้ร้าน JIAN CHA กลายเป็นร้านชาที่ให้ประสบการณ์
แตกต่างจากร้านชาในตลาดแบบชัดเจนมาก
โดยเฉพาะในเรื่องของ “คุณภาพวัตถุดิบ” ที่ทางแบรนด์ซีเรียสมากว่าต้องใช้ของดีเท่านั้น
เริ่มตั้งแต่ ใบชา ทางร้านจะใช้ชาพรีเมียมเท่านั้น และต้องเป็นชาที่ปลูกท่ามกลาง
สภาพอากาศดีและดินที่เหมาะสม ก่อนจะนำมาผ่านเทคนิคต้มชาแบบพิเศษทุก ๆ 4 ชั่วโมง
เพื่อคงความสดใหม่และคุณภาพของน้ำชาเอาไว้
ที่น่าสนใจคือ เบสน้ำชาของ JIAN CHA พอดื่มกับผลไม้แล้วจะ “ไม่ขม” คือดื่มแล้วสดชื่นเข้ากันดี 
ซึ่งตรงนี้จะต่างจากชาชนิดอื่น ๆ ที่อาจจะไม่เหมาะกับการเอามาผสมกับผลไม้
และในส่วนของผลไม้ ทางร้านก็จะเลือกใช้แต่ผลไม้สดตามฤดูกาล โดยจะมีการทำข้อตกลงกับ เกษตรกรไว้เลยตั้งแต่หน้าสวน
โดยส่วนหนึ่งก็เพื่อควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบให้ได้ตามสเปก แต่อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทยให้โตไปพร้อม ๆ กับแบรนด์ด้วย
นอกจากวัตถุดิบหลักอย่างชาและผลไม้แล้ว JIAN CHA ก็ยังซีเรียสกับส่วนประกอบอื่น ๆ มากพอ ๆ กัน
เช่น นมสดจะเลือกใช้แบบที่ให้รสชาติกำลังดี และครีมชีสต้องตีใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง
โดยเมนูซิกเนเชอร์อย่างชาองุ่นปั่นครีมชีส พนักงานจะใช้องุ่นปอกมือให้เราแบบ “แก้วต่อแก้ว” เพื่อรักษาคุณภาพให้ออกมาดีที่สุดเท่านั้น
อ่านมาถึงตรงนี้ ต้องบอกเลยว่าความเจ๋งของ JIAN CHA ไม่ได้อยู่แค่คุณภาพของเครื่องดื่มเท่านั้น
แต่วิธีทำธุรกิจก็เจ๋งไม่แพ้กันเลย นั่นก็เพราะ JIAN CHA ใช้วิธีขยายสาขาแบบ “แฟรนไชส์” 
โดยตอนนี้ JIAN CHA มีจำนวนสาขาทั้งหมด 25 สาขา แบ่งออกเป็นสาขาที่เจ้าของแบรนด์บริหารเอง และสาขาที่ผู้ซื้อแฟรนไชส์เป็นคนบริหาร
อธิบายการขยายธุรกิจด้วยระบบแฟรนไชส์แบบเข้าใจง่าย ๆ คือ การที่เจ้าของแบรนด์ ขายสิทธิ์ในการบริหารแบรนด์ในพื้นที่ต่าง ๆ ให้กับผู้ซื้อที่สนใจ
ทำให้แบรนด์สามารถขยายกิจการได้ไว โดยมีนักธุรกิจมากประสบการณ์มาช่วยลงทุน ช่วยบริหาร ทำให้ JIAN CHA ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว
และสามารถตอบโจทย์ความต้องการและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ได้มากขึ้น ถือเป็นอีกท่าในการขยายกิจการที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ในโลกธุรกิจ
ซึ่งถ้าลองวิเคราะห์ดูว่าทำไม JIAN CHA ถึงสามารถเข้าไปอยู่ในทำเลทองของกรุงเทพฯ ได้ไวขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะมีคนสนใจซื้อแฟรนไชส์ไปเปิดนั่นเอง
โดยจำนวนสาขาที่เยอะ ถ้ามองในมุมการตลาดจะช่วยเรื่องของการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะกับแบรนด์ใหม่ ๆ ที่คนยังไม่ค่อยรู้จักแบรนด์
อย่างเช่น สมมติว่า สยามพารากอน, เซ็นทรัลเวิลด์ และไอคอนสยาม ศูนย์การค้าทั้ง 3 แห่งนี้ที่ JIAN CHA ไปตั้งสาขา มีจำนวนคนเดินรวมกัน 300,000 คนต่อวัน
คนจำนวนมหาศาลเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเห็นหน้าร้าน รวมถึงสินค้าของ JIAN CHA ผ่านตา ช่วยให้คนรู้จักชื่อของแบรนด์ได้ไวขึ้น เหมือนเป็นการโฆษณาแบบไม่ต้องเสียเงินโปรโมต
และพอคนรู้จักแบรนด์ดีขึ้นแล้ว หมายความว่าครั้งต่อ ๆ ไปที่คนเหล่านั้นเห็นสาขาของ JIAN CHA ทางแบรนด์ก็จะมีโอกาสสร้างยอดขายได้มากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง..
สุดท้ายนี้หลายคนน่าจะเข้าใจเรื่องราวและกลยุทธ์คร่าว ๆ ของ JIAN CHA บ้างแล้ว 
ว่าทำอย่างไรถึงสามารถขยายสาขาได้เร็วขนาดนี้ ในระยะเวลาแค่ปีเดียว
โดยเบื้องต้น JIAN CHA ยังแอบเผยไว้อีกด้วยว่าในปี 2025 นี้ 
ทางแบรนด์มีเป้าหมายที่จะทำรายได้ให้ทะลุ 1,000 ล้านบาทให้สำเร็จ
แถมยังมีแผนขยายสาขาออกไปยัง “ต่างประเทศ” อีกด้วย..
#JIANCHA 
#ชาชีส
#ชาผลไม้
อ้างอิง : ข้อมูลจาก JIAN CHA
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.