อาณาจักรกลุ่มเซ็นทรัลทั้งในประเทศไทยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป เดินหน้าด้านพลังงานสะอาดขับเคลื่อนการพัฒนาด้านความยั่งยืนสู่โลกสีเขียว
20 ม.ค. 2025
ในยุคที่โลกกำลังเผชิญวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง การใช้พลังงานสะอาดไม่ใช่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่คือความจำเป็นที่ทุกองค์กรต้องตระหนักถึง
กลุ่มเซ็นทรัลในฐานะองค์กรผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกและบริการระดับโลก ครอบคลุมทั้งในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยุโรป มุ่งมั่นสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านการใช้พลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือได้แก่บริษัทเซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN และบริษัทเซ็นทรัลพลาซาจำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL/เซ็นทารา ได้ขับเคลื่อนแนวทางการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดทุกพื้นที่ของกลุ่มธุรกิจทั้งในประเทศไทยเวียดนามและสหราชอาณาจักร
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืน พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการสำคัญ เช่น การลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น, ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด, ออกแบบเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์อนาคตและความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อมุ่งสู่อนาคตสังคมคาร์บอนต่ำ ภายใต้เป้าหมายสำคัญคือการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
ทั้งนี้บริษัทในเครือกลุ่มเซ็นทรัลติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาสร้างพลังงานสะอาดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 216 แห่ง (CRC 162 แห่ง CPN 31 แห่ง Centara 8 แห่ง CRG 15 แห่ง) พื้นที่ในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ 1,100,201 ตร.ม. เทียบเท่ากับ 133 สนามฟุตบอลพลังงานที่ผลิตได้ 203,502.65 MWh สามารถขับรถ EV Sedan 15 ล้านกิโลเมตรหรือใช้หลอดไฟ LED 1.9 ล้านหลอด/ปีลดคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) 105,045.36 CO2e เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 8.4 ล้านต้น
กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือกับโครงการด้านพลังงานสะอาดได้แก่
- การลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน : นำเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติที่ล้ำสมัยมาใช้ในอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดการใช้พลังงานโดยไม่กระทบต่อคุณภาพการให้บริการ เช่นการติดตั้งหลอดไฟ (LED) และระบบประหยัดพลังงาน (Energy Saving Systems) เป็นต้นบริษัทเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ CRC ติดตั้งไฟ LED ครอบคลุม 90% ของธุรกิจทั้งหมดเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานในภาพรวม ใช้ตู้เย็นประหยัดพลังงานและใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และได้มีการติดตั้งระบบควบคุมการจัดการเครื่องทำความเย็นระบบบริหารจัดการข้อมูลด้านพลังงานหรือที่เรียกว่าระบบ EMIS (Energy Management Information System: EMIS) และระบบปรับความดันกระแสไฟฟ้าแบบอินเวอร์เตอร์อีกด้วย
บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN มีการเปลี่ยนไฟส่วนกลางและไฟตกแต่งทั้งหมดในศูนย์การค้าเป็นหลอดไฟ LED ครบแล้วทั้ง 42 สาขา และมีมาตรฐานในการวางระบบและมาตรการทางเทคโนโลยี เช่น ติดตั้งแผ่นกรองอากาศ MERVE Filter ไว้ที่เครื่องเติมอากาศภายนอก
ปัจจุบันดำเนินการติดตั้งแล้ว 13 โครงการ กำหนดการติดตั้งเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบอัตโนมัติ นำเทคโนโลยี HVAC Air Scrubber ซึ่งเป็นระบบบำบัดอากาศที่สามารถระบายอากาศควบคู่กับการดูดซับสารพิษในอากาศ และ AI Chiller Plant Optimization ปรับปรุงระบบ Chiller Plant Management ด้วยเทคโนโลยี IoT และ AI ซึ่งจะประมวลผลข้อมูลการใช้พลังงานของอาคารแบบ Real-time จากระบบต่าง ๆ
- บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาจำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL/เซ็นทาราเปลี่ยนหลอดไฟทั้งหมดเป็น LED 100% ติดตั้งระบบ Room Control Unit เพื่อควบคุมการใช้พลังงานภายในห้องพัก ติดตั้งระบบตรวจวัดความเคลื่อนไหวอัจฉริยะสำหรับห้องพัก เพื่อลดการสูญเสียพลังงานและยังติดตั้งระบบต่างๆ ที่เก็บความร้อนส่วนเกิน เพื่อนำความร้อนกลับมาใช้ในการต้มน้ำร้อน เพื่อส่งให้กับห้องพักแขก เป็นการลดการใช้พลังงานในการต้มน้ำร้อน เช่น Economizer ที่เก็บความร้อนจากการใช้ LPG และ Heat Reclaim ที่นำความร้อนจากคอมเพลสเซอร์ของระบบแอร์
- ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจสในประเทศอังกฤษ มุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการริเริ่มต่างๆ อาทิ แทนที่สารทำความเย็นที่หมดอายุการใช้งานด้วยสารรุ่นใหม่ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำกว่า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ
- ดำเนินการสำรวจการใช้พลังงานไฟฟ้าของร้านค้าทั้งหมดในช่วงเวลาที่ไม่ได้เปิดให้บริการ และ เร่งดำเนินการเปลี่ยนจากระบบไฟแบบดั้งเดิมเป็นไฟ LED ที่ประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น ช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวมของธุรกิจ
- พลังงานสะอาดเพื่อโลกที่ดีกว่า : มุ่งมั่นขยายการใช้พลังงานสะอาด เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาและพื้นที่จอดรถ โดยโครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว
บริษัทเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาของห้างสรรพสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า เพื่อช่วยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดต้นทุนด้านการใช้พลังงาน
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แล้วที่ 162 แห่งทั่วประเทศไทยซึ่งรวมถึง ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ดีโป้ ซูเปอร์สปอร์ต ไทวัสดุ และศูนย์กระจายสินค้า นอกจากนี้ CRC ยังได้ขยายโครงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์อีก 30 แห่งในประเทศเวียดนาม เพื่อตอบโจทย์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับภูมิภาคอีกด้วย
บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN ได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคาศูนย์การค้า (Solar Rooftop) และบนหลังคาอาคารจอดรถ แบ่งออกเป็น
- แบบติดตั้งบนหลังคา Metal Sheet หลังคาเหล็ก (Metal Sheet Solar Rooftop) ซึ่งเหมาะกับโครงการก่อสร้างใหม่
- แบบติดตั้งบนพื้นที่ดาดฟ้า (RC Slab Solar Rooftop) เหมาะกับโครงการเดิมที่ไม่ได้เตรียมโครงสร้างหลังคาที่จะรองรับน้ำหนักการติดตั้งเหมาะ
- แบบติดตั้งบนหลังคา Metal Sheet (Metal Sheet Car Shading) เป็นการนำแผงโซลาร์เซลล์ขึ้นไป
- ติดตั้งบนหลังคาเหล็ก (Metal Sheet) หรือหลังคากระเบื้องของที่จอดรถ และแบบติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ทดแทน
- วัสดุมุงหลังคาที่จอดรถ ซึ่งเหมาะสมกับอาคารจอดรถเดิมหรือสร้างใหม่ที่ยังไม่มีการมุงหลังคา
- การติดตั้งหลังคาที่จอดรถพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Carport แบบหลังคาอาคารจอดรถหรือแบบหลังคาคลุมเฉพาะช่องจอด และติดตั้งระบบ Solar Lighting ร้อยละ 50 ของระบบไฟส่องสว่างถนนทั้งหมดโดยรอบโครงการ
บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาจำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL/เซ็นทาราสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยติดระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา โดยตั้งเป้าในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้รองรับ 40% ของความต้องการพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของโรงแรม
ห้างสรรพสินค้าเซลฟริดเจสในประเทศอังกฤษ ได้ดำเนินการจัดการด้านพลังงานอย่างยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2557 ผ่านมาตรฐาน Carbon Trust Triple Standard ซึ่งเป็นมาตรฐานอิสระชั้นนำระดับโลกสำหรับการลดการใช้ทรัพยากรใน 3 ด้าน ได้แก่ คาร์บอน น้ำ และของเสีย
ในปี 2566 เซลฟริดเจสได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำมาตรฐาน Carbon Trust’s Route to Net Zero Standard มาใช้ ซึ่งมาตรฐานใหม่นี้ช่วยประเมินข้อมูลการปล่อยคาร์บอนและแผนการลดคาร์บอนขององค์กรให้สอดคล้องกับเป้าหมาย Science Based Targets โดยเน้นการจัดการที่ครอบคลุม เช่น เปลี่ยนสารทำความเย็นในระบบทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศให้เป็นรุ่นที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำกว่า รวมถึงการใช้พลังงานไฟฟ้า ที่มาจากพลังงานหมุนเวียนและก๊าซ 100% ตั้งแต่ปี 2563* พร้อมตั้งเป้าในการลดการใช้พลังงานในแต่ละปี
- การออกแบบเพื่อประสิทธิภาพที่ยั่งยืน : การออกแบบที่คำนึงถึงระบบนิเวศ และความยั่งยืนของธรรมชาติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่และรักษ์ธรรมชาติ พร้อมทั้งใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้มีประสิทธิภาพสูงสุดบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบภายใต้หลักการ ESG เพื่อสร้างอนาคตแห่งการใช้ชีวิต ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยปฏิบัติตามนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
พร้อมดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกโดยอิงหลักวิทยาศาสตร์ ตามแนวทาง SBTs (Science Based Targets) ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 โดยแบ่งกิจกรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ
มาตรการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างการก่อสร้าง มาตรการลดก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงานศูนย์การค้า และการชดเชยคาร์บอน โดยหนึ่งในประเด็นที่สำคัญคือการนำพลังงานสะอาดมาปรับใช้ในธุรกิจ ตามแนวทางมาตรฐานสากล ได้แก่ อาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ มาตรฐานอาคารเขียวในระดับนานาชาติ (LEED: Leadership in Energy & Environmental Design) เกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย (TREES – Thai’s Rating of Energy and Environmental Sustainability)
และเกณฑ์การประเมินมาตรฐานอาคารสุขภาวะดีในระดับสากล ทำให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ได้รับการรับรองมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์, ดิออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์, จี ทาวเวอร์, แกรนด์พระราม 9, เซ็นทรัลจันทบุรี, เซ็นทรัลเวสต์วิลล์, เซ็นทรัลนครสวรรค์, เซ็นทรัลนครปฐม เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีการออก Green Bond และ Sustainability-linked Bond มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับพลังงานและการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เซ็นทรัลพัฒนาบรรลุเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
บริษัทเซ็นทรัลเรสตอรองส์กรุ๊ปจำกัดหรือ CRG ได้มีการก่อสร้าง KFC Green Store สาขาโรบินสัน ราชพฤกษ์ ภายใต้แนวคิด Journey to Zero ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกรดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีการออกแบบร้านที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ใช้วัสดุในการก่อสร้าง และเทคโนโลยีภายในร้านที่ส่งเสริมแนวคิดเพื่อความยั่งยืน เช่น กระจกประหยัดพลังงานที่ป้องกันความร้อนผ่านกระจก และการใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือเพื่ออนาคตคาร์บอนต่ำ : กลุ่มเซ็นทรัลตระหนักถึงความสำคัญของการร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน หรือชุมชน เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าการปลูกป่าชุมชนเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและโครงการตลาดคาร์บอนครัวเรือน-ภาคสมัครใจ เพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาดในภาคประชาชน
นอกจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลยังให้ความสำคัญกับการสร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมกับกลุ่มลูกค้า เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมคาร์บอนต่ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในส่วนของ เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ได้มีการจัดงาน Better Futures Project 2024 เป็นปีที่ 3 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ANSWER THE CALL นิทรรศการสาย ACTION ลงแรงทำเพื่อโลก ครั้งแรกของ Net Zero Impact Event ด้วยการนำแนวคิด Life Cycle Thinking เป็นแกนหลักในการจัดอีเวนต์
นอกนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังได้ สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรร้านค้าและคู่ค้าผ่านโครงการ Green Partnership โดยเชิญชวนร้านค้าที่ดำเนินธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืนเข้าร่วมโครงการ โดยการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และลดขยะฝังกลบ และบริษัทฯ ได้จัดอบรมให้ความรู้เรื่องก๊าซเรือนกระจกและแนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร เพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถจำแนกสาเหตุและแหล่งปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่มีนัยสำคัญ นำไปสู่มาตรการหรือแนวทางบริหารจัดการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยได้รับความร่วมมือจากร้านค้าทั้งธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม แฟชั่น ความงาม การเงินธนาคาร เทคโนโลยี ฯลฯ กว่า 165 แบรนด์ อาทิ ไมเนอร์ กรุ๊ป, เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป, ยัสปาล กรุ๊ป, เอ็มเค กรุ๊ป, เซ็น กรุ๊ป, บาร์บีคิวพลาซ่า, ยูนิโคล และเอไอเอส เป็นต้น รวมมากกว่า 2,252 ร้านค้า โดยมีเป้าหมายในการช่วยกันลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 700 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว Green Procurement ในกลุ่มคู่ค้าของบริษัทฯ อีกด้วย
กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือ มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนด้วยพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพ ทุกความก้าวหน้าที่ทำในวันนี้คือการลงทุนเพื่อโลกของคนรุ่นต่อไป