วิเคราะห์กลยุทธ์ “ซีเค พาวเวอร์” มุ่งสู่ CKP NET ZERO 2050
5 พ.ย. 2024
ด้วยกระแสเทรนด์โลก ทำให้ถนนทุกสายต่างพุ่งตรงไปสู่ความยั่งยืน และทำให้องค์กรส่วนใหญ่ ต่างตั้งเป้าที่จะพิชิตเป้าหมาย NET ZERO 2050 หรือมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่สามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
ด้วยเป้าหมายที่ต้องบอกว่าไม่ได้สามารถทำให้สำเร็จได้ในชั่วข้ามวันหรือข้ามปี จึงต้องอาศัยกลยุทธ์การดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
หนึ่งในองค์กรที่มีแนวทางในการพิชิตเป้าหมาย NET ZERO 2050 อย่างน่าสนใจ และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม คือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower
หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง ที่มีแนวคิด “พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”
แล้ว CKPower มีกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อย่างไร ?
ต้องบอกว่า ด้วยความตั้งใจ และมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมด้านการลดการใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและกระบวนการต่าง ๆ ภายในองค์กรมาอย่างต่อเนื่อง ได้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากมาย
- ในปี 2566 สามารถลดการใช้พลังงานทั้งหมด 5,101 MWh ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,051 tCO2e หรือหากเทียบกับโครงการกรุงเทพฯ ปิดไฟ (Earth Hour 2024) 1 ชั่วโมง เท่ากับ 186 ชั่วโมง
- 6 เดือนแรกในปี 2567 บริษัทลดการใช้พลังงานได้ถึง 2,883 MWh ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1,313 tCO2e หรือหากเทียบกับโครงการกรุงเทพฯ ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เท่ากับ 119 ชั่วโมง
เมื่อมาดูผลลัพธ์ในด้านการจัดการพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก็น่าพอใจไม่แพ้กัน
- ในปี 2566 บริษัทปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียง 0.0691 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อการผลิตไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์-ชั่วโมง (MWh)
ซึ่งต่ำกว่าค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Thailand Grid) ที่ 0.4999 tCO2e/MWh ถึง 86%
และในครึ่งปีแรกของปี 2567 ต่ำกว่า 83% ทั้งนี้ คาดการณ์ตลอดปี 2567 จะต่ำกว่าค่ากลางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อการผลิตไฟฟ้าของประเทศถึง 87%
ทั้งหมดนี้ ถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของภาคการผลิตไฟฟ้า ที่ช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
แต่อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า การจะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ก็เหมือนการวิ่งมาราธอน ที่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น แน่วแน่ เพื่อไปให้ถึงเส้นชัย ดังนั้น ซีเค พาวเวอร์ จึงมีแผนดำเนินการที่เรียกว่า “CKP NET ZERO EMISSIONS 2050”
ซึ่งประกอบด้วยกลยุทธ์การดำเนินงานหลายอย่าง แต่ที่สำคัญ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตไฟฟ้า ด้วยการขยายการลงทุนในโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น
- การศึกษาการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนผสมก๊าซธรรมชาติในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม
เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของไทย ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024)
เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของไทย ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP2024)
ผลจากการดำเนินงาน ทำให้ 6 เดือนแรกในปี 2567 บริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าเป้าหมาย 0.86%
นอกจากการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าแล้ว บริษัทได้มีการปรับใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในองค์กรเพิ่มขึ้น เช่น การเปลี่ยนมาใช้รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าและรถไฮบริดในการขนส่งภายในสำนักงานและโรงไฟฟ้าในเครือฯ อีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซีเค พาวเวอร์ ยังเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และมีกำลังการผลิตติดตั้งจากพลังงานหมุนเวียนที่ 89%
ส่งผลให้ปัจจุบัน ซีเค พาวเวอร์ สามารถเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 93% รวมถึงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดส่งให้กับประเทศไทยประมาณ 8.5 ล้านเมกะวัตต์-ชั่วโมง หรือประมาณ 17% ของไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดที่ใช้ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในปี 2566 บริษัทฯ ช่วยหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงประมาณ 4.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
สุดท้ายนี้ ถ้าถามว่าทำไม CKPower ถึงจริงจังกับการดำเนินการบนวิถีแห่งความยั่งยืนเช่นนี้ ผู้ที่จะตอบคำตอบนี้ได้ดีที่สุด คือ คุณธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเค พาวเวอร์
“เราคือหนึ่งในผู้บุกเบิกการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราทุ่มเทที่จะทำให้ ซีเค พาวเวอร์ เป็นบริษัทที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และกำลังเดินหน้าเพื่อให้บรรลุยังเป้าหมายดังกล่าว
โดยเรามีผลการดำเนินงานที่สามารถจับต้องได้อย่างแท้จริง ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งสร้างพลังงานสะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน”