อ่านกลยุทธ์การบินไทย ตอกย้ำการเป็นเจ้าแห่งการบิน พร้อมดันไทยสู่​ ศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย

อ่านกลยุทธ์การบินไทย ตอกย้ำการเป็นเจ้าแห่งการบิน พร้อมดันไทยสู่​ ศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย

15 ต.ค. 2024
หนึ่งในสายการบินแรก ๆ ที่นักเดินทางชาวไทยนึกถึง เชื่อว่าต้องมีชื่อของการบินไทย
สายการบินแห่งชาติ ที่อยู่คู่คนไทย มาจนจะเข้าสู่ปีที่ 65 ในปี 2568
ตลอดเส้นทางอันยาวนาน ไม่เพียงสะท้อนถึงความเก๋าในแวดวงการบินของการบินไทย
แต่การบินไทยยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการบริการ และเครือข่ายการบิน อย่างไม่หยุดยั้ง
เพื่อก้าวให้ทันกับโลกการบินที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนไม่เพียงสร้างความเชื่อมั่นและความอุ่นใจให้ลูกค้าที่มาใช้บริการอยู่เสมอ
แต่ก้าวต่อไปจากนี้ การบินไทยก็ยังพร้อมยืนหยัดและเป็นอีกหนึ่งจิกซอว์สำคัญในการขานรับนโยบายจากภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย (Aviation Hub of Asia)
อะไรคือหมัดเด็ดของการบินไทย ในการพิชิตเป้าหมายนี้ ?
MarketThink ชวนวิเคราะห์ไปด้วยกัน
หนึ่งในจุดแข็งของการบินไทย คือ เส้นทางบินตรงและเครือข่ายการบินที่ครอบคลุม
รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันการบินไทยให้บริการเส้นทางบินตรงมากถึง 65 จุดหมายปลายทางทั่วโลก
แบ่งเป็น
- ยุโรป 11 เส้นทาง
- ออสเตรเลีย 3 เส้นทาง
- เอเชียตะวันออก 16 เส้นทาง
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 11 เส้นทาง
- เอเชียใต้ 15 เส้นทาง
- ในประเทศ 9 เส้นทาง
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรการบิน Star Alliance ที่พร้อมเชื่อมต่อไปสู่อีกกว่า 120 จุดหมายปลายทางทั่วโลก
จุดนี้เอง ทำให้ไม่ว่านักเดินทางจะมีหมุดหมายไปที่ไหนก็อุ่นใจ เพราะมีการบินไทยพร้อมให้บริการ
ซึ่งถ้าถามว่า ข้อดีของการที่การบินไทยมี​เส้นทางบินตรงที่ครอบคลุมแบบนี้ ดีอย่างไร​
เปรียบเทียบตามง่าย ๆ สมมติเราต้องการจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง
การที่สามารถขึ้นรถต่อเดียวไปถึงที่หมาย กับการที่ต้องแวะหยุดพักหรือเปลี่ยนรถ
ถ้ามองในแง่ความสะดวกสบาย หรือการประหยัดเวลา
การนั่งรถต่อเดียวน่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์หลาย ๆ คนมากกว่า
เช่นเดียวกับ การเดินทางด้วยเครื่องบิน หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์เดินทางข้ามทวีป แล้วต้องไปแวะ Transit ที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยอาจจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน กว่าจะได้เดินทางต่อไปยังที่หมาย
สำหรับบางคน ที่มีวันหยุดยาว อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่สำหรับใครที่วันลาจำกัด ก็อาจจะมองว่าไม่อยากเสียเวลาเปลี่ยนเครื่อง หรือต้องลุ้นว่าถ้าเที่ยวบินเกิดดีเลย์ จะตกเครื่องหรือเปล่า อยากนั่งเครื่องยาว ๆ เพื่อไปใช้เวลาที่จุดหมายปลายทางที่ตั้งใจ
รวมไปถึงกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ (Millennial Family) ซึ่งข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า เป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญของตลาดท่องเที่ยว​
แน่นอนว่า หากนักเดินทางกลุ่มนี้ ที่ต้องเดินทางกับลูก ๆ หรือผู้สูงวัย การที่ต้องเปลี่ยนเครื่องย่อมสร้างความยุ่งยากไม่น้อย ไหนจะต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับสัมภาระ ที่ต้องเตรียมไปให้พร้อม เพื่อรองรับการเดินทางที่ใช้เวลายาวนานกว่าปกติ ยังต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวอีก
ด้วยอินไซต์เหล่านี้ ในฐานะเจ้าแห่งการบิน ทำให้การบินไทยมุ่งมั่นตอบโจทย์ทุกการเดินทางที่ไร้รอยต่อ (Non-stop Journey) ด้วยเที่ยวบินตรง เพราะอย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า
ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวในทวีปไหน เส้นทางการบินของการบินไทยก็ครอบคลุม
โดยเฉพาะใครที่เป็นคนชอบเดินทางไปยุโรป การบินไทยมีเส้นทางบินตรงในยุโรปถึง 10 เส้นทาง
และในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ จะกลับมาให้บริการเส้นทางบินตรง กรุงเทพฯ-บรัสเซลส์ (เส้นทางที่ 11)
หลังจากที่หยุดให้บริการชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19
สำหรับประเทศญี่ปุ่น เส้นทางยอดฮิตของคนไทย ถ้าได้ลองใช้บริการของการบินไทยแล้ว จะแทบไม่อาจเปลี่ยนใจไปใช้สายการบินอื่น
เพราะการบินไทย ถือเป็นสายการบิน “Full Service” ที่มีเที่ยวบินตรงไปประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด
บินตรงสู่ทุกเมืองหลัก ตั้งแต่โตเกียว มีเที่ยวบินไปลงทั้งสองสนามบินหลัก ไม่ว่าจะเป็นสนามบินนาริตะ หรือฮาเนดะ, โอซากา, นาโกยะ, ฟูกูโอกะ และซัปโปโร
ที่สำคัญ ยังมีตารางบินที่สะดวกสบาย ไม่ว่าจะออกเดินทางตอนดึกไปถึงเช้า หรือออกเดินทางเช้าไปถึงเย็น รวมกว่า 70 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากกรุงเทพฯ ไปญี่ปุ่น
เรียกว่ามีทางเลือกมากมาย ให้วางแผนการท่องเที่ยว และตอบโจทย์นักเดินทางได้แบบไม่มีสะดุด
นอกจากเส้นทางการบินที่มีครอบคลุม ตอบโจทย์นักเดินทาง
ประสบการณ์ในระหว่างการเดินทางก็สำคัญ ซึ่งการบินไทยเข้าใจในจุดนี้ดี เลยชูจุดเด่นในการเป็นสายการบินที่มีบริการแบบ Full Service สามารถกดจองตั๋วได้แบบไม่ต้องกังวลว่า กดซื้อน้ำหนักกระเป๋า หรือจองอาหารหรือยัง
เพราะการบินไทยมีบริการบนเครื่องบินที่ครบครัน แถมด้วยความเป็นสายการบินแห่งชาติ
ยังทำให้หลายคนเดินทางได้อย่างอุ่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสาร หรือความแตกต่างของวัฒนธรรม
มั่นใจว่าจะได้รับบริการที่ดีเยี่ยมตลอดทริป
นอกจากสองจุดแข็ง ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของการบินไทย
เพื่อให้การบินไทยก้าวทันไปกับโลกใบเดิมที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิม
การบินไทย จึงไม่เคยหยุดพัฒนาเพื่อพาตัวเองไปสู่สายการบินยุคใหม่
จากข้อมูลของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประเมินว่าในอีก 10 ปีนี้ ตลาดเอเชียแปซิฟิก จะเติบโตมาเป็นอันดับ 1
และคาดว่าในปี 2568 จะมีการขยายตัวของผู้โดยสาร 2.1 เท่า ทำให้จำนวนผู้โดยสารในภูมิภาคนี้เติบโต
ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมรับดีมานด์การเติบโตดังกล่าว
การบินไทยไม่เพียงมีแผนจะขยายฝูงบินจาก 79 ลำในปีนี้ เป็น 90 ลำในปี 2568
เพื่อให้การบินไทยสามารถเพิ่มความถี่ในเส้นทางบินที่มีศักยภาพ รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่ในปีหน้า
แต่การบินไทยยังนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลที่ทันสมัย มาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุด
เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย และเป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับการเดินทางของทุกคน
ที่สำคัญ ความแข็งแกร่งของการบินไทย ยังพร้อมเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญ ในการสนับสนุนรัฐบาลไทย
ที่ต้องการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย (Aviation Hub of Asia)
เพราะด้วยความที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็น Port หลักของการบินไทยอยู่แล้ว
ดังนั้น หากการบินไทยมีความแข็งแกร่ง ทั้งในด้านการบินและการบริการ เป็นตัวเลือกที่สะดวกสบายและคุ้มค่าที่สุด ก็จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่อการบินทั้งในและนอกภูมิภาค
น่าสนใจว่า ภารกิจของการบินไทย ผู้นำในการให้บริการด้านการบินแบบไม่หยุดนิ่ง จะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ เราก็ต้องติดตามกันต่อไป
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.