PROTRIVA ปรับโฉมโลโก้ใหม่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำแบรนด์เสริมอาหารอันดับ 1
11 เม.ย. 2024
บริษัทนิวทริชั่น ไซเอนซ์ แลบบอราทอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์โปรทริว่า (PROTRIVA) ผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดซอฟเจล ประกาศเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ปรับกลยุทธ์ มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดเสริมอาหารที่ผ่านงานวิจัยรับรองจากสถาบันชั้นนำ พร้อมลุยส่งออกขยายตลาดต่างประเทศ
บริษัทนิวทริชั่น ไซเอนซ์ แลบบอราทอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้าน Well-being มานานถึง 10 ปี และได้สร้างแบรนด์ โปรทริว่า ให้เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ดูแลสุขภาพมาได้ประมาณ 4 ปี
โดยเริ่มตั้งแต่ช่วง COVID - 19 ในช่วงต้นของโปรทริว่าได้เห็นว่าคนทั่วโลกหันมาสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้นจากภาวะ LONG COVID และในขณะที่ประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกของโปรทริว่าจึงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเรื่องของการดูแลสุขภาพของผู้สูงวัย
โดยมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของโปรทริว่าคือ Protriva Black Seeds น้ำมันงาดำสกัดเย็น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มน้ำมันงาดำสกัดเย็นในทุกๆ ช่องทางจำหน่าย
Protriva Black Seeds มีการทำงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการทำวิจัยในระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการเพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ Protriva Black Seeds ผลการวิจัยยืนยันได้ว่าสามารถกระตุ้นการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน และลดอาการอักเสบได้ นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้ลงนามทำวิจัย Protriva Black Seeds ร่วมกับ Institut Kurz GmbH ในประเทศเยอรมนีเพื่อต่อยอดจากงานวิจัยเดิมที่บริษัทได้ทำไว้
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์โปรทริว่าได้รับการคัดเลือกจากทางกรุงเทพมหานคร โดยได้รับรางวัล Bangkok Brand 2 รางวัลคือ Protriva Black Seeds ได้รับรางวัล Gold Award และ Protriva 5 Oil ได้รับรางวัล Gold Award นอกจากนี้ Protriva Black Seeds ได้คัดเลือกจากกองส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เข้าร่วมประกวดในระดับนานาชาติ The 7th China (Shanghai) International Invention & Innovation Expo 2024 ที่นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน
โปรทริว่าได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2564 และเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากปี 2566 ที่ผ่านมา ในปี 2567 ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 1.5 พันล้านบาท
โปรทริว่ามองเห็นโอกาสในการเติบโตของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน จึงทำการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ โดยทำการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพื่อเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายให้ ครอบคลุมกลุ่มอายุผู้บริโภคที่กว้างขึ้น และครอบคลุมกลุ่มสุขภาพที่มากขึ้นด้วย ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นงานวิจัย โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ของประเทศไทย และสถาบันวิจัยในต่างประเทศ หาเทคโนโลยีในการผลิตใหม่เพื่อสร้างคุณภาพให้ผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งขยายตลาดออนไลน์ ตลาดออฟไลน์ และตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น
ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบโลโก้ใหม่ครั้งนี้เป็นการยกระดับแบรนด์เน้นการดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่มีความทันสมัย ซึ่งเน้นความชัดเจน และเข้าถึงง่ายเป็นหลัก แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ โดยมีแนวคิดการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ คือ
1. สี ยังคงใช้สีเดิมคือ สีทอง สื่อถึงความพรีเมี่ยม สีดำ สื่อถึงความน่าเชื่อถือ มั่นคง และสีขาว สื่อถึงความ ปลอดภัย บริสุทธิ์
2. ตัดวงรีสีทองที่ล้อมรอบโปรทริว่า สื่อถึงการพร้อมที่จะขยายตัวของธุรกิจออกไปหากลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่ม และตัดเงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นกรอบเดิมๆ ออก เพื่อการเติบโต
3. เปลี่ยนฟอนต์ใหม่ เลือกใช้ฟอนต์เป็นโลโก้เลยโดยตรงเพื่อให้แบรนด์เข้าถึงผู้คน และเกิดการจดจำโดยง่าย เลือกฟอนต์ที่มีขา สื่อถึงความหนักแน่น มั่นคง แข็งแรง และน่าเชื่อถือ
3. เปลี่ยนฟอนต์ใหม่ เลือกใช้ฟอนต์เป็นโลโก้เลยโดยตรงเพื่อให้แบรนด์เข้าถึงผู้คน และเกิดการจดจำโดยง่าย เลือกฟอนต์ที่มีขา สื่อถึงความหนักแน่น มั่นคง แข็งแรง และน่าเชื่อถือ
ซึ่งในการเปลี่ยนโลโก้แบรนด์ใหม่ครั้งนี้ มุ่งเน้นกลยุทธ์แบบ 3D คือ
1. D - Distinctive สร้างความโดดเด่น แตกต่าง บริษัทลงทุนกับทำวิจัยโดยมีงบประมาณสำหรับการทำวิจัย ในปี 2567 15 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีมาตรฐานสูง โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยของรัฐ และร่วมมือไปยังสถาบันวิจัยในต่างประเทศ เพื่อยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น
1. D - Distinctive สร้างความโดดเด่น แตกต่าง บริษัทลงทุนกับทำวิจัยโดยมีงบประมาณสำหรับการทำวิจัย ในปี 2567 15 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีมาตรฐานสูง โดยทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยของรัฐ และร่วมมือไปยังสถาบันวิจัยในต่างประเทศ เพื่อยกระดับมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น
2. D - Demographic ขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม โดยจะพัฒนาสินค้าที่หลากหลายให้ตอบโจทย์ทุกความ ต้องการ สร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นไปที่การดูแลสุขภาพของคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก จนถึงผู้สูงวัย เจาะกลุ่มลูกค้าในแต่ละปัญหาสุขภาพที่แตกต่างกันไป
3. D - Distribution Channel ขยายช่องทางจำหน่าย ตลาดออนไลน์ ตลาดออฟไลน์ และตลาดต่างประเทศ
ด้านตลาดออนไลน์ จากประสบการณ์ตลอด 10 ปี ในตลาดออนไลน์ บริษัทฯ ได้มีการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทุกช่องทางเช่น Facebook, TikTok, Shopee, Lazada, Line, Google โดยมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ และเข้าใจการทำการตลาดออนไลน์อย่างสูง
ตลาดออฟไลน์ ทำการตลาดใน TV Home Shopping และช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นร้านขายยาทั่วประเทศ กว่า 4,000 สาขา ทั้งรูปแบบร้านขายยาที่มีสาขาจำนวนมาก รวมถึงร้านขายยาที่เป็นสแตนด์อโลน นอกจากนี้ ยังเพิ่มจุดจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ 7-11 กว่า 5,000 สาขา รวมไปถึงโมเดิร์นเทรดทั้งหมด เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการซื้อมากที่สุด
ตลาดต่างประเทศ ด้วยการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มีแผนเตรียมขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในตลาด ASEAN และประเทศจีน โดยเริ่มดำเนินการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเจาะตลาดร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความชำนาญในแต่ละประเทศ
โดยการปรับเปลี่ยนโลโก้แบรนด์ในครั้งนี้จะสอดรับกับแผนธุรกิจในปี 2567 ที่ทางโปรทริว่าจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งใน และต่างประเทศ พร้อมปักหมุดรุกตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง เพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารระดับงานวิจัย ที่เหมาะกับผู้คนทุกช่วงวัย เพื่อขับเคลื่อนตลาดสุขภาพระดับนานาชาติ ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และงานวิจัย เพื่อบรรลุเป้าหมายการดูแลสุขภาพผู้คนอย่างยั่งยืน