สรุปจุดเด่น realme 12 Pro+ ที่ได้นักออกแบบ นาฬิกาหรู มาช่วยสร้างความต่าง ด้านดิไซน์
22 มี.ค. 2024
เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเรียบร้อยแล้วกับ “realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G” สมาร์ตโฟนที่ชูโรงเรื่องดิไซน์หรูหราในทุกดีเทล แต่มาพร้อมกับราคาคุ้มค่า
โดย realme 12 Series ที่เปิดตัวในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อแข่งขันในตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด..
เนื่องจากเป็นตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างหลากหลาย
เช่น ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการใช้ฟีเชอร์บางอย่างเหมือนสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธง แต่ไม่ต้องการจ่ายในราคาสูง ก็สามารถเลือกสมาร์ตโฟนระดับกลางแทนได้
เช่น ลูกค้ากลุ่มที่ต้องการใช้ฟีเชอร์บางอย่างเหมือนสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธง แต่ไม่ต้องการจ่ายในราคาสูง ก็สามารถเลือกสมาร์ตโฟนระดับกลางแทนได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ realme 12 Series จะเป็นสมาร์ตโฟนระดับกลาง
แต่ทาง realme มีเป้าหมายที่อยากให้ “โดดเด่นและแตกต่าง” จากสมาร์ตโฟนระดับกลาง ๆ ทั่ว ๆ ไป
แต่ทาง realme มีเป้าหมายที่อยากให้ “โดดเด่นและแตกต่าง” จากสมาร์ตโฟนระดับกลาง ๆ ทั่ว ๆ ไป
แล้ว realme มีกลยุทธ์อะไรที่ทำให้ realme 12 Series โดดเด่นกว่าสมาร์ตโฟนระดับกลางทั่ว ๆ ไป ?
- ดิไซน์ realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G ที่หรูหรา ไม่ต่างจากสมาร์ตโฟนรุ่นเรือธง
เนื่องจากผู้ที่ออกแบบดิไซน์ตัวเครื่องในครั้งนี้ คือ คุณ Ollivier Savéo (โอลิเวอร์ ซาวิโอ) ซึ่งเป็นนักออกแบบนาฬิกาหรูชั้นนำมากมาย ทั้ง Rolex, Roger Dolby, Piaget, Breitling และ Quentin
ทำให้ realme 12 Series โดดเด่นด้วยดิไซน์กรอบโมดูลกล้องแบบ Golden Fluted Bezel ที่ใช้กระบวนการผลิตเหมือนกับตัวเรือนนาฬิการระดับหรู
พร้อมแผงหน้าปัด Sunburst ที่โชว์พื้นผิวยูวีไล่ระดับแสง และฝาหลังทำจากหนังวีแกนระดับพรีเมียม ตกแต่งด้วยตะเข็บแบบ 3D Jubilee Bracelet
- กล้อง realme 12 Pro+ 5G ที่มีความสามารถในการซูมได้ถึง 120 เท่า
ซึ่งแตกต่างจากสมาร์ตโฟนระดับกลาง ๆ ทั่วไป ที่จะไม่ใส่เลนส์ซูมแบบ Periscope หรือเลนส์ที่สามารถซูมได้ไกลถึง 6 เท่า โดยที่ไม่ลดความละเอียด มาให้
นอกจากนี้ realme 12 Pro+ 5G กล้องหลักยังใช้เซนเซอร์ SONY IMX890 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ขนาดใหญ่ ที่สามารถรับแสงได้มาก ช่วยถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีขึ้น
พร้อมทั้งยังมีกันสั่น OIS หรือกันสั่นระดับชิ้นเลนส์ ที่จะช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น
- สไตล์สีภาพถ่ายใน realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G จากช่างถ่ายภาพยนตร์ระดับออสการ์
ทาง realme ได้คุณ Claudio Miranda (คลอดิโอ มิแรนด้า) มาช่วยออกแบบฟิลเตอร์สีการถ่ายภาพ โดยสไตล์ของสีมี 3 แบบได้แก่ Maverick, Journey และ Memory
ซึ่งสไตล์สีภาพเหล่านี้ ได้รับแรงบันดาลมาจากภาพยนตร์ 3 เรื่อง ได้แก่ Life of Pi, Top Gun: Maverick และ The Curious Case of Benjamin Button
นอกจากนี้ สเป็กโดยทั่วไปก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าสมาร์ตโฟนเรือธง
เริ่มต้นที่ realme 12 Pro+ 5G
- หน้าจอ จอแสดงผลโค้ง 120Hz ขนาด: 6.7 นิ้ว (17.02 ซม.) ความละเอียด: 2412*1080 ระดับ FHD+
- ชิปเซต Snapdragon 7s Gen 2 ขนาด 4nm
- ความจุ RAM 8 ROM 256 GB และ RAM 12GB ROM 512 GB
- กล้องหน้า 32 MP
- กล้องหลัง ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 MP, กล้อง Periscope 64 MP, กล้อง Ultra wide 8 MP
- ระบบชาร์จ SUPERVOOC 67W แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh
- ลำโพงคู่ Super Linear Dual Speakers รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
- ไมโครโฟน 2 ตัว พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน
- รองรับการเล่นเสียงแบบ Hi-Res Audio
โดย realme 12 Pro+ 5G มีความจุ 2 ขนาดให้เลือกได้แก่
- RAM 8 ROM 256 GB ราคา 13,999 บาท
- RAM 12GB ROM 512 GB ราคา 16,999 บาท
- RAM 8 ROM 256 GB ราคา 13,999 บาท
- RAM 12GB ROM 512 GB ราคา 16,999 บาท
ต่อมาเป็น realme 12+ 5G
- หน้าจอ จอแสดงผล AMOLED 120Hz ขนาดจอแสดงผล: 16.94 ซม.(6.67 นิ้ว)
- ชิปเซต MediaTek Dimensity 7050 5G ขนาด 6nm
- ความจุ RAM 8 ROM 256 GB
- กล้องหลัง ประกอบด้วย กล้องหลัก 50 MP ใช้เซนเซอร์ Sony LYT-600 พร้อมกันสั่นแบบ OIS เหมือนรุ่น Pro, กล้อง Ultra wide 8 MP และกล้อง Macro 2 MP
- ระบบชาร์จ SUPERVOOC 67W แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh (ความจุปกติ)
โดย realme 12+ 5G มีความจุ RAM 8 ROM 256 GB ราคา 9,999 บาท
มาถึงตรงนี้ ต้องบอกว่า realme 12 Pro+ 5G และ realme 12+ 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับกลาง ที่เต็มไปด้วยดิไซน์ และการใส่ความสามารถต่าง ๆ เข้ามามากมาย
ทั้ง 2 รุ่น สามารถพรีออร์เดอร์ได้ตั้งแต่วันนี้ - 28 มีนาคม
และจะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศทไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 29 มีนาคมนี้
และจะพร้อมวางจำหน่ายในประเทศทไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 29 มีนาคมนี้