สรุปต้นตอ สินค้าจีน ทุ่มตลาด ตัดราคาสินค้าไทย
19 มี.ค. 2024
ลองนึกภาพว่าถ้าเราเป็นแม่ค้าที่รับของจากร้านขายส่งมาขายเพื่อทำกำไร
แต่วันดีคืนดี.. ร้านขายส่งที่เรารับสินค้าของเขามาขาย กลับเอาสินค้าแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ มาตั้งขายข้างร้านเรา
แต่วันดีคืนดี.. ร้านขายส่งที่เรารับสินค้าของเขามาขาย กลับเอาสินค้าแบบเดียวกันเป๊ะ ๆ มาตั้งขายข้างร้านเรา
แถมยังขายในราคาที่ถูกกว่ากันเกือบครึ่งหนึ่งจนลูกค้าหาย.. ส่วนเราเองก็ลดราคาขายไม่ได้เพราะกินทุน
คำถามคือ ถ้าเป็นเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ?
นี่คือสิ่งที่คนขายของออนไลน์ โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์ม E-commerce อย่าง Shopee, Lazada กำลังเผชิญอยู่
เพราะร้านค้าส่งที่ว่าร้านนั้นคือ “ร้านจีน” ที่ในช่วงหลัง ๆ มีการมาเปิดหน้าร้านขายสินค้ากันอย่างจริงจังบนช่องทาง E-commerce
แถมยังมาเสนอขายสินค้าทั้งเสื้อผ้า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอีกหลายอย่างในราคาถูกแสนถูก และค่าส่งก็ไม่แพง
แล้วทำไมสินค้าจากจีนถึงสามารถทำแบบนี้ได้ ต้นตอมันคืออะไร ?
ประเด็นที่ 1 : ต้นทุนการผลิตของจีนถูกมาก เพราะผลิตเยอะจนเกิดการประหยัดต่อขนาด
ต้องบอกว่าที่จีนสามารถขายสินค้าหลายอย่างได้ถูกขนาดนี้
เป็นเพราะว่าจีนมีประชากรมากถึง 1,425 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินเดีย
ส่วนค่าแรงก็ยังไม่สูงมาก แถมยังมี Know-how และเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้า
จากที่ว่ามาทำให้จีนเป็นประเทศที่มีทั้งกำลังการผลิต และความต้องการซื้อมหาศาลในตัวเองอยู่แล้ว
ทำให้จีนสามารถผลิตสินค้ามาทีละเยอะ ๆ เพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อชิ้นถูกลง หรือที่เรียกว่า เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale)
และขายของได้ในราคาที่ถูกมาก ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยเอง ก็นิยมรับของจากจีนมาขาย
ประเด็นที่ 2 : ค่าขนส่ง “จากจีนมาไทย” ถูกกว่า “ไทยไปจีน”
คำตอบของเรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปช่วงปี 2512 หรือเมื่อ 55 ปีที่แล้ว
ไทยได้มีการทำข้อตกลงไว้กับองค์การที่ชื่อว่า Universal Postal Union (UPU)
องค์การระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการขนส่งให้ประเทศที่เป็นสมาชิก
องค์การระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง ที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการขนส่งให้ประเทศที่เป็นสมาชิก
ซึ่งหนึ่งในนโยบายที่ไทยเซ็นไว้กับองค์การนี้ก็คือ “ประเทศที่เจริญกว่า
จะต้องรับผิดชอบค่าขนส่งให้กับประเทศที่ด้อยกว่า เป็นจำนวน 70%”
จะต้องรับผิดชอบค่าขนส่งให้กับประเทศที่ด้อยกว่า เป็นจำนวน 70%”
โดยคำว่า “เจริญกว่า” ก็วัดจาก เศรษฐกิจ, โครงสร้างพื้นฐาน อย่างน้ำประปา รถไฟ
หรือจะเป็นโทรศัพท์ ที่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไทยเหนือกว่าจีนมาก
หรือจะเป็นโทรศัพท์ ที่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไทยเหนือกว่าจีนมาก
สังเกตได้จากรหัสโทรศัพท์ประจำประเทศ ที่ไทยคือรหัส +66 ส่วนของจีนคือรหัส +86
หมายความว่า จีนมีรหัสโทรศัพท์ตามหลังไทยถึง 20 รุ่น
หมายความว่า จีนมีรหัสโทรศัพท์ตามหลังไทยถึง 20 รุ่น
จากข้อตกลงที่ว่าทำให้ไทยต้องเป็นคนเสียต้นทุนการขนส่งกว่า 70% ให้จีนมาโดยตลอด แม้ว่าสินค้าจะส่งมาจากจีนก็ตาม
ซึ่งเรื่องนี้ คุณตฤณ วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย ก็เคยได้บอกไว้ว่า ไทยเองก็สามารถแก้ช่องโหว่ตรงนี้ได้ไม่ยาก
เพียงแต่ทางการไทยต้องเริ่มจากการยอมรับว่า ประเทศไทย เป็นประเทศที่ด้อยพัฒนากว่าจีน และหาวิธีทบทวนแก้ไขข้อตกลงนี้ใหม่อย่างจริงจัง
ประเด็นที่ 3 : เรื่องของ “ภาษี”
ไทยได้มีการทำ FTA (Free Trade Area) หรือเขตการค้าเสรีกับจีนเอาไว้มาตั้งแต่ปี 2546
เขตการค้าเสรี อธิบายแบบง่าย ๆ ก็คือ ข้อตกลงร่วมกันของ 2 ประเทศ
ที่ว่าจะทำให้สินค้าหลายอย่าง มีการจัดเก็บอัตราภาษีเป็น 0 หรือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่ว่าจะทำให้สินค้าหลายอย่าง มีการจัดเก็บอัตราภาษีเป็น 0 หรือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งสินค้าที่ว่า ก็คือสินค้าที่ทางการมองว่าตัวเองผลิตไม่เก่ง หรือไม่คุ้มที่จะผลิตเอง ดังนั้นจึงเลือกนำเข้ามาจะเกิดประโยชน์มากกว่า
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ก็เช่น ถ้าไทยมองว่าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเองไม่เก่ง
ก็ยกเว้นภาษีจากประเทศที่ผลิตเก่งอย่างจีน ให้เหลือ 0% จะคุ้มค่ามากกว่า
ก็ยกเว้นภาษีจากประเทศที่ผลิตเก่งอย่างจีน ให้เหลือ 0% จะคุ้มค่ามากกว่า
จากที่ว่ามาทำให้สินค้าหลายอย่างจากจีนได้รับประโยชน์จาก
ข้อตกลงดังกล่าว และสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าคนไทยที่รับของจากจีนมาขายอีกทีได้
ข้อตกลงดังกล่าว และสามารถขายในราคาที่ต่ำกว่าคนไทยที่รับของจากจีนมาขายอีกทีได้
นอกจากนี้ ตอนนี้ไทยยังมีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สำหรับสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท
ก็ยิ่งทำให้สินค้าจากจีนที่ส่วนใหญ่แล้วเน้นขายของถูก
และมีราคาต่อชิ้นไม่เกิน 1,500 บาทอยู่แล้ว ได้เปรียบเรื่องของต้นทุนมากขึ้นไปอีก..
และมีราคาต่อชิ้นไม่เกิน 1,500 บาทอยู่แล้ว ได้เปรียบเรื่องของต้นทุนมากขึ้นไปอีก..
น่าสนใจว่าในช่วงแรก ๆ ที่สินค้าจากจีนเริ่มเข้ามาตีตลาดในไทย จะมีข้อเสียคือ มีระยะเวลาการขนส่งที่นาน
ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยยังพอมีความได้เปรียบในจุดนี้อยู่
ทำให้พ่อค้าแม่ค้าชาวไทยยังพอมีความได้เปรียบในจุดนี้อยู่
แต่ในช่วงหลัง ๆ ร้านค้าของจีนเองก็แก้เกม ด้วยการเปลี่ยนวิธีการขนส่งสินค้า
แทนที่จะส่งจากประเทศต้นทางเอง ก็เปลี่ยนมาเป็นสั่งสินค้าที่วิเคราะห์ไว้แล้วว่ามีความต้องการสูง
มาสต็อกไว้ที่โกดังในไทยไว้ก่อน พอมีคนสั่งก็ค่อยเอาไปส่ง
มาสต็อกไว้ที่โกดังในไทยไว้ก่อน พอมีคนสั่งก็ค่อยเอาไปส่ง
ทำให้ตอนนี้จะสั่งของจากคนไทยหรือคนจีน ก็มีระยะเวลาขนส่งแทบจะเท่ากัน
ต่างกันแค่สินค้าจากจีน จะถูกกว่าหลายเท่า..
ต่างกันแค่สินค้าจากจีน จะถูกกว่าหลายเท่า..
อ่านมาถึงตรงนี้ สรุปก็คือที่สินค้าจากจีนสามารถ
ตัดราคาขายคนไทยได้ มีอยู่หลัก ๆ 3 สาเหตุ
ตัดราคาขายคนไทยได้ มีอยู่หลัก ๆ 3 สาเหตุ
1. ต้นทุนการผลิตของจีนถูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
2. ค่าขนส่งถูกมาก จากข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
3. แทบจะไม่เสียภาษี จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA)
2. ค่าขนส่งถูกมาก จากข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
3. แทบจะไม่เสียภาษี จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA)
ทีนี้แล้วการตัดราคาแบบนี้ จะไปจบที่ตรงไหน ?
ถ้าอ้างอิงตามตำรา.. การขายตัดราคากันแบบนี้ ดูดี ๆ มันก็คล้ายกับการ “ทุ่มตลาด” อยู่เหมือนกัน
โดยคำว่า “ทุ่มตลาด” (Market Dumping)
คือการที่ผู้ขายรายหนึ่ง นำสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า “ทุน” ของคู่แข่งเข้ามาขาย
คือการที่ผู้ขายรายหนึ่ง นำสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า “ทุน” ของคู่แข่งเข้ามาขาย
โดยมีจุดประสงค์คือ การกำจัดคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาดนั้น
และที่น่ากลัวคือ ส่วนใหญ่แล้วคนที่ใช้กลยุทธ์ทุ่มตลาดสำเร็จ จนคู่แข่งเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ หรือไม่เหลือเลย
คนคนนั้นจะมีอำนาจในการควบคุมราคาและคุณภาพของสินค้า ในตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ
ซึ่งลูกค้าจะไม่มีสิทธิ์เลือกเลย เพราะมีผู้เล่นในตลาดอยู่ไม่กี่รายนั่นเอง..
อ้างอิง :
-https://zortout.com/blog/howtocompete-onlineshop-china
-https://www.bbc.com/thai/59847341
-https://www.bangkokbiznews.com/business/1110431
-https://futuretrend.co/chinese-dsme2020/
-https://www.customs.go.th/content_with_menu1_group_link.php?ini_content=fta_and_wto_160809_01&ini_menu=menu_interest_and_law_160421_03&ini_content_group=usage_fta_and_wto_01&lang=th&root_left_menu=menu_interest_and_law_160421_03&left_menu=menu_interest_and_law_160421_03_160928_01
-https://thaipublica.org/2017/10/fta-thai-china-zero-tax/
-https://www.thansettakij.com/business/economy/588246
-https://zortout.com/blog/howtocompete-onlineshop-china
-https://www.bbc.com/thai/59847341
-https://www.bangkokbiznews.com/business/1110431
-https://futuretrend.co/chinese-dsme2020/
-https://www.customs.go.th/content_with_menu1_group_link.php?ini_content=fta_and_wto_160809_01&ini_menu=menu_interest_and_law_160421_03&ini_content_group=usage_fta_and_wto_01&lang=th&root_left_menu=menu_interest_and_law_160421_03&left_menu=menu_interest_and_law_160421_03_160928_01
-https://thaipublica.org/2017/10/fta-thai-china-zero-tax/
-https://www.thansettakij.com/business/economy/588246