อธิบายเหตุผล ทำไมอีโมจิ ✨ กลายเป็นสัญลักษณ์ ฟีเชอร์ AI ในยุคนี้

อธิบายเหตุผล ทำไมอีโมจิ ✨ กลายเป็นสัญลักษณ์ ฟีเชอร์ AI ในยุคนี้

3 ก.พ. 2024
เคยสังเกตกันไหมว่า ฟีเชอร์ที่เกี่ยวกับ AI จะชอบมีอีโมจิตัวหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้อง
คือ ✨ หรืออีโมจิที่มีชื่อว่า “Sparkles”
เราจะเห็นการใช้อีโมจิ Sparkles เป็นสัญลักษณ์ของฟีเชอร์ AI ในสินค้า และบริการต่าง ๆ จากบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมาก เช่น
Google Bard
Canva
Samsung Galaxy S24
Spotify
และ ChatGPT
นี่เป็นตัวอย่างสินค้าและบริการของบริษัทเทคโนโลยีเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น ที่ใช้อีโมจิ Sparkles เป็นสัญลักษณ์ของฟีเชอร์ AI
ที่น่าสนใจคือ แล้วทำไมบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ออกแบบสัญลักษณ์ที่สื่อถึงฟีเชอร์ AI ขึ้นมาโดยเฉพาะ
หรือจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ คำว่า AI เป็นสัญลักษณ์ไปเลยก็ยังได้
แต่กลับเลือกใช้อีโมจิ Sparkles ทั่ว ๆ ไป ที่ขาดความเฉพาะเจาะจง เพื่อจะระบุถึงฟีเชอร์​ AI
แถมถ้าลองไปถามคนทั่วไป ว่าหากนึกถึงเทคโนโลยี AI จะนึกถึงภาพ หรือสัญลักษณ์อะไรกันบ้าง
เชื่อว่าหลายคน ก็น่าจะให้คำตอบว่า นึกถึงภาพของสมอง แผงวงจร ชิป สายไฟ หรืออะไรที่ดูล้ำ ๆ มากกว่าที่จะนึกถึงอีโมจิ Sparkles
การที่จะอธิบายถึงเหตุผลที่ Sparkles ถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ที่ระบุถึงฟีเชอร์ AI
ต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า
อีโมจิ Sparkles นั้น มีที่มาตั้งแต่ช่วงปี 1950..
ในฐานะของสัญลักษณ์ ที่ถูกนำไปใช้ในงานออกแบบชนิดต่าง ๆ
ทั้งงานโฆษณาทีวี งานสิ่งพิมพ์ รวมถึงงานแอนิเมชันของ Disney ตั้งแต่ยุคที่อีโมจิยังไม่ถือกำเนิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งในช่วงยุค 1990 เป็นต้นมา สัญลักษณ์ Sparkles ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
จนถูกนำไปใช้วาดเป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ในการ์ตูนญี่ปุ่น รวมถึงวิดีโอเกมต่าง ๆ ในยุคนั้น
ก่อนที่ในปี 1999 Sparkles จะกลายเป็นอีโมจิ ที่ใช้กันในโทรศัพท์มือถือ ของประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก
ส่วนในด้านความหมายของอีโมจิ Sparkles นั้น ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นั่นคือการเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึง ความสดใหม่ ความน่าตื่นเต้น และความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนกับเวทมนตร์
และด้วยความหมายของอีโมจิ Sparkles นี้เอง ทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ตัดสินใจนำอีโมจิ Sparkles ไปใช้
เพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่ระบุถึงฟีเชอร์ที่มีการทำงานของ AI อยู่เบื้องหลังกันอย่างแพร่หลาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2023 เป็นต้นมา
เพราะจริง ๆ แล้วฟีเชอร์ AI ที่บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ กำลังพยายามผลักดันกันอยู่ในขณะนี้
มีการทำงานที่น่ามหัศจรรย์ ดูเหมือนเวทมนตร์
คล้าย ๆ กับความหมายของอีโมจิ Sparkles นั่นเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมมองของคนทั่วไป
ที่ไม่ได้มีความเข้าใจเทคโนโลยีในเชิงลึก ไม่ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเทคโนโลยี AI ต้องมีการประมวลผล ที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง
ผู้ใช้งานทั่วไป รู้แค่ว่าฟีเชอร์ AI ที่มีนั้น ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับตัวเองได้เท่านั้นเอง
ตัวอย่างเช่น ฟีเชอร์ AI ใน Google Meet ที่ช่วยจดบันทึกการประชุม รวมถึงสรุปเนื้อหาจากการประชุม ให้กับผู้ใช้งานแบบง่าย ๆ เพียงกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว
ในอีกทางหนึ่ง การที่อีโมจิ Sparkles ได้รับความนิยม ในฐานะสัญลักษณ์ของฟีเชอร์ AI ก็เป็นกลยุทธ์ด้านการตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่บริษัทเทคโนโลยีเลือกใช้
เพื่อปรับภาพลักษณ์ของเทคโนโลยี AI ที่ดูยุ่งยาก ซับซ้อน มีการประมวลผลข้อมูลอย่างมหาศาล เต็มไปด้วยคำศัพท์เชิงเทคนิคที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ
ให้กลายเป็นฟีเชอร์ที่คนทั่วไป สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องรับรู้ถึงความยุ่งยากเชิงเทคนิค ที่ถูกซ่อนไว้เบื้องหลังอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม การนำอีโมจิ Sparkles มาใช้เป็นสัญลักษณ์ของฟีเชอร์ AI นี้ ก็มีเรื่องที่น่าติดตามกันต่อไปเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่ว่า เราจะได้เห็นการใช้อีโมจิ Sparkles กับฟีเชอร์ AI อีกนานแค่ไหน
เพราะในอนาคต AI จะถูกนำมาใช้ในเบื้องหลังการทำงานของฟีเชอร์ต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ
จนในท้ายที่สุดแล้ว AI อาจกลายเป็นเรื่องธรรมดา ๆ จนทำให้การใช้อีโมจิ Sparkles กับฟีเชอร์ AI อาจหมดความจำเป็น
เทียบให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ในอดีตเราเคยชินกับสัญลักษณ์ของ Floppy Disk ที่หมายถึงการบันทึกไฟล์งาน
แต่ในวันนี้ เรากลับแทบไม่ได้เห็นสัญลักษณ์ของ Floppy Disk กันแล้ว
เพราะโลกของการทำงาน ได้เปลี่ยนผ่านสู่ระบบ Cloud ที่มีการบันทึกข้อมูลโดยอัตโนมัติ จนสัญลักษณ์ Floppy Disk ค่อย ๆ หายไป
และในวันหนึ่ง อีโมจิ Sparkles ที่มีความหมายสื่อถึง AI ก็อาจจะค่อย ๆ หายไปก็ได้
หรือจะกลายเป็นตัวแทนของฟีเชอร์ AI ที่ถูกมองตอนนี้ว่าเป็นสิ่งวิเศษ ดั่งร่ายมนตร์ ไปอีกนานแสนนาน
ก็ต้องตามดูกันต่อไป..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.