สรุปความเด็ด “Copilot” AI ช่วยทำงานของ Microsoft ช่วยทำสไลด์ จนถึงช่วย สรุปประชุม
2 ก.พ. 2024
ปีนี้คือยุคของ AI ที่เข้ามาช่วยให้หลาย ๆ คน ทำงานและใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
ที่ผ่านมา หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ จึงพากันวิจัยและพัฒนา AI เพื่อผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น
ที่ผ่านมา หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ จึงพากันวิจัยและพัฒนา AI เพื่อผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น
- OpenAI ที่มี ChatGPT และ Google ที่มี Bard เป็น AI คอยช่วยตอบปัญหา ค้นข้อมูลตามที่เราต้องการ
- Adobe ที่มีเครื่องมือ AI ในโปรแกรมต่าง ๆ ช่วยตัดต่อ และตกแต่งภาพได้ง่ายขึ้น
เช่นเดียวกับ Microsoft ก็มี “Copilot” หรือ AI ผู้ช่วยอัจฉริยะ บน Microsoft 365
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานใช้โปรแกรมทำงาน อย่างเช่น Microsoft Word, Microsoft Excel และ Microsoft PowerPoint ได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานใช้โปรแกรมทำงาน อย่างเช่น Microsoft Word, Microsoft Excel และ Microsoft PowerPoint ได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แล้ว Copilot บน Microsoft 365 ช่วยทำงานอะไรได้บ้าง ? เรามาดูความสามารถ 5 ข้อเด็ด ๆ กัน..
Copilot มีชื่อเต็มว่า Microsoft Copilot ซึ่งใช้ความสามารถของ Generative AI ในการทำงาน
โดยที่ Generative AI อธิบายง่าย ๆ คือ เป็น AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้งานในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ
เช่น สร้างสรรค์ไอเดียในการออกแบบ, ครีเอตรูปภาพตามคำสั่ง, ตัดต่อวิดีโอ หรือแม้กระทั่งช่วยแต่งเพลง
เช่น สร้างสรรค์ไอเดียในการออกแบบ, ครีเอตรูปภาพตามคำสั่ง, ตัดต่อวิดีโอ หรือแม้กระทั่งช่วยแต่งเพลง
ทีนี้เมื่อนำมาผสานกับผลิตภัณฑ์อย่าง Microsoft 365 ที่เน้นใช้ในแง่การทำงาน เลยออกมาเป็นความสามารถเด็ด ๆ เช่น
1. ช่วยเขียน หรือสร้างสรรค์เนื้อหา บน Microsoft Word
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ เช่น หากเราต้องการเขียนสคริปต์เพื่อพูดเปิดตัวสินค้าใหม่
เราสามารถสั่งให้ Copilot บน Microsoft Word ช่วยเขียนได้
เราสามารถสั่งให้ Copilot บน Microsoft Word ช่วยเขียนได้
ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงกดเลือก Copilot บนแถบเครื่องมือด้านบน
แล้วทำการป้อนคำสั่งว่า ต้องการให้ Copilot ช่วยเขียนอะไร โทนการเล่าเรื่องแบบไหน ความยาวเท่าไร
แล้วทำการป้อนคำสั่งว่า ต้องการให้ Copilot ช่วยเขียนอะไร โทนการเล่าเรื่องแบบไหน ความยาวเท่าไร
เช่น “ช่วยเขียนสคริปต์พูดเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยใช้ภาษาเป็นทางการ ความยาว 3 นาที”
ซึ่งถ้าเรามีรายละเอียดของสินค้าตัวใหม่ ก็สามารถแนบไฟล์ เพื่อให้ Copilot เรียนรู้ และนำไปเขียนได้
เพียงเท่านี้ สคริปต์พูดเปิดตัวสินค้าที่เราต้องการ ก็จะได้ออกมาทันที
และถ้าเรายังไม่พอใจ ก็สามารถสั่งให้ Copilot แก้ไขไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจได้
และถ้าเรายังไม่พอใจ ก็สามารถสั่งให้ Copilot แก้ไขไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจได้
นอกจากนี้ Copilot บน Microsoft Word ยังมีความสามารถอื่น ๆ
เช่น ช่วยแปลงเนื้อหาต่าง ๆ เป็นตาราง และสรุปเนื้อหาออกมาเป็นข้อ ๆ ได้อีกด้วย
เช่น ช่วยแปลงเนื้อหาต่าง ๆ เป็นตาราง และสรุปเนื้อหาออกมาเป็นข้อ ๆ ได้อีกด้วย
2. ช่วยทำสไลด์ใน 2 นาที บน Microsoft PowerPoint
เชื่อว่าหลายคนคงเจอปัญหางานด่วน สั่งเช้า นำเสนอบ่าย ทำให้ทำไม่ทัน
แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพียงสั่งให้ Copilot ช่วยทำสไลด์ ซึ่งทำเสร็จในไม่กี่นาที..
แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป เพียงสั่งให้ Copilot ช่วยทำสไลด์ ซึ่งทำเสร็จในไม่กี่นาที..
ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการทำสไลด์พรีเซนต์ “กลยุทธ์การตลาดของสินค้า A”
ก็เพียงแค่สั่ง Copilot ให้ช่วยได้ โดยกรอกข้อมูลที่ต้องการให้อยู่บนสไลด์ โทนการเล่าเรื่อง ความยาวกี่หน้า พร้อมแนบไฟล์ข้อมูลประกอบ
เพียงเท่านี้ เราก็จะได้สไลด์สำหรับพรีเซนต์ภายในไม่กี่นาที
ซึ่ง Copilot ยังมีความสามารถปรับแต่งสไลด์ให้น่าสนใจมากขึ้นได้
ด้วยการใส่แอนิเมชันเคลื่อนไหว ทั้งสไลด์ ตัวอักษร หรือเลือกใช้ภาพประกอบ และแบบตัวอักษรที่เหมาะสม
ด้วยการใส่แอนิเมชันเคลื่อนไหว ทั้งสไลด์ ตัวอักษร หรือเลือกใช้ภาพประกอบ และแบบตัวอักษรที่เหมาะสม
นอกจาก Copilot จะช่วยทำสไลด์ได้แล้ว
ยังช่วยสรุปเนื้อหาในสไลด์ ให้ออกมาเป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่ายได้อีกด้วย
ยังช่วยสรุปเนื้อหาในสไลด์ ให้ออกมาเป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่ายได้อีกด้วย
ทาง Microsoft ระบุว่า ทุกวันนี้ผู้ใช้งานใช้ความสามารถของ Microsoft PowerPoint ไปไม่ถึง 10%
ซึ่ง Copilot นี้เอง ที่จะช่วยปลดล็อกความสามารถอีก 90% ที่เหลือ เพียงแค่พิมพ์คำสั่งที่ต้องการ..
3. ช่วยเขียนอีเมลให้ดูชำนาญบน Outlook ไม่ต้องศึกษานานก็ทำได้
หลายคนคงเคยประสบปัญหา เช่น จะลาป่วย ต้องเขียนอีเมลอย่างไร ถึงจะถูกต้องหรือเหมาะสม
ซึ่งเราสามารถสั่งให้ Copilot ช่วย ด้วยการพิมพ์ “@Copilot”
หลังจากนั้นก็ใส่อาการป่วย ใส่ไฟล์รูปใบรับรองแพทย์ กำหนดโทนการเขียนเป็นทางการ และเลือกความยาวของจดหมาย
หลังจากนั้นก็ใส่อาการป่วย ใส่ไฟล์รูปใบรับรองแพทย์ กำหนดโทนการเขียนเป็นทางการ และเลือกความยาวของจดหมาย
จดหมายลาป่วยฉบับสมบูรณ์ ก็พร้อมส่งตรงไปถึงหัวหน้าทันที..
นอกจากนี้ Copilot บน Outlook ยังช่วยสรุปเนื้อหาต่าง ๆ บนอีเมล ให้ออกมาเป็นเนื้อหาสั้น ๆ เข้าใจง่ายได้อีกด้วย
แต่ต้องหมายเหตุว่าตอนนี้ ฟีเชอร์นี้ยังไม่รองรับภาษาไทย แต่น่าจะทำได้ในเร็ว ๆ นี้
4. ช่วยสรุปเนื้อหาการประชุมบน Microsoft Teams
Copilot บน Microsoft Teams จะช่วยสรุปการประชุมออกมาเป็นข้อ ๆ ว่า ใครพูดอะไรบ้าง และมีความเห็นต่อเรื่องที่ประชุมอย่างไร
ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาการประชุมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาการประชุมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ Copilot ยังสามารถสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ประชุม
ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ประชุมได้อย่างตรงจุดอีกด้วย
ทำให้เราสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ประชุมได้อย่างตรงจุดอีกด้วย
5. ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลใน Microsoft Excel
เชื่อว่าหลายคนคงเคยต้องการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่บน Microsoft Excel
แต่หลายครั้งกลับไม่รู้ว่า ข้อมูลที่มีสามารถวิเคราะห์อะไรได้บ้าง หรือไม่รู้ว่า ข้อมูลที่มีนั้นเพียงพอหรือยัง
แต่หลายครั้งกลับไม่รู้ว่า ข้อมูลที่มีสามารถวิเคราะห์อะไรได้บ้าง หรือไม่รู้ว่า ข้อมูลที่มีนั้นเพียงพอหรือยัง
ซึ่ง Copilot บน Microsoft Excel จะเข้ามาแก้ปัญหาตรงจุดนี้
โดยมีความสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ แล้วสรุปออกมาให้เป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่าย
โดยมีความสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ แล้วสรุปออกมาให้เป็นข้อ ๆ แบบเข้าใจง่าย
ยกตัวอย่างเช่น
- สรุปรายได้ และยอดขาย จากที่เป็นตัวเลข ออกมาเป็นข้อความว่า แต่ละปีมีรายได้เท่าไร และมีอัตราการเติบโตอยู่ที่เท่าไร
- สร้างกราฟประกอบข้อมูลที่มีอยู่บน Excel เพื่อให้เห็นภาพและเห็นแนวโน้มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างฟีเชอร์เด็ด ๆ ของ Copilot บน Microsoft
ซึ่งต้องบอกว่า ฟีเชอร์เด็ด ๆ ของ Copilot เหล่านี้ ก็คล้าย ๆ กับฟีเชอร์ AI บน Google Workspace
ที่มีทั้งโปรแกรม Google Docs, Google Sheets, Google Slides และ Gmail
ที่มีทั้งโปรแกรม Google Docs, Google Sheets, Google Slides และ Gmail
จึงเรียกได้ว่า นี่คือศึกแห่ง AI ระหว่าง Microsoft และ Google
แม้จะไม่รู้ว่า ศึกนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ
แต่บอกได้ว่า คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ “ผู้ใช้งาน” อย่างเรา ๆ
แต่บอกได้ว่า คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือ “ผู้ใช้งาน” อย่างเรา ๆ
ที่มี AI เข้ามาช่วยให้ทำงานดีขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง..