ถอดแนวคิด ปั้นธุรกิจฉบับ “เฮียฮ้อ” CEO แห่งการทรานส์ฟอร์ม จนมีสินทรัพย์ส่วนตัวกว่า 11,000 ล้าน
10 พ.ย. 2023
หลังจากไม่นานมานี้ ที่มีข่าวว่าทาง RS Group ได้ใช้เงินลงทุน 70 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 60%
ในบริษัท Erb Asia ซึ่งดำเนินธุรกิจเครื่องหอมและสกินแคร์รายใหญ่ของเมืองไทย
ในบริษัท Erb Asia ซึ่งดำเนินธุรกิจเครื่องหอมและสกินแคร์รายใหญ่ของเมืองไทย
เรื่องนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือ เฮียฮ้อ CEO ของ RS Group
ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และก้าวเข้าไปเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอด
ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และก้าวเข้าไปเป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอด
เฮียฮ้อ ถือเป็นนักธุรกิจที่หลายคนจับตามองมาโดยตลอด หากสังเกตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เขาได้เข้าลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนภายใต้บทบาท CEO แห่งอาณาจักร RS Group จนถึงการลงทุนส่วนตัว
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนภายใต้บทบาท CEO แห่งอาณาจักร RS Group จนถึงการลงทุนส่วนตัว
สำหรับภาคการลงทุนในตลาดหุ้น ปัจจุบัน เฮียฮ้อ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน 2 บริษัท
โดยมีมูลค่าหุ้นรวมกันเกือบ 5,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
โดยมีมูลค่าหุ้นรวมกันเกือบ 5,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
- หุ้น RS จำนวน 255.5 ล้านหุ้น มูลค่า 3,551 ล้านบาท (ราคาหุ้นละ 13.9 บาท ณ วันที่ 9/11/2566)
- หุ้น GIFT จำนวน 800 ล้านหุ้น มูลค่า 2,240 ล้านบาท (ณ ราคาหุ้นละ 2.8 บาท วันที่ 9/11/2566)
ซึ่งการวางเกมธุรกิจของ เฮียฮ้อ คือเริ่มจากความช่างสังเกต มองเทรนด์ที่อยู่ในกระแส และไม่เคยหยุดนิ่ง เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สะท้อนจากการสร้างอาณาจักร RS Group ที่ขยายอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce พร้อมทั้งสร้าง New S-Curve ด้วยการเข้าไปลงทุนในหลาย ๆ ธุรกิจ
- Chase Asia ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และหนี้เสีย NPL
โดยเฮียฮ้อ ในฐานะ CEO ของ RS Group เข้าไปลงทุน และเป็นพี่เลี้ยงช่วยพา Chase เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ
โดยเฮียฮ้อ ในฐานะ CEO ของ RS Group เข้าไปลงทุน และเป็นพี่เลี้ยงช่วยพา Chase เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สำเร็จ
- ULife ธุรกิจสินค้าสุขภาพและความงาม
เข้าไปลงทุน 100% คิดเป็นมูลค่า 880 ล้านบาท และปัจจุบัน ได้ทรานส์ฟอร์มเข้าสู่ Subscription Model ได้สำเร็จ จนมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เข้าไปลงทุน 100% คิดเป็นมูลค่า 880 ล้านบาท และปัจจุบัน ได้ทรานส์ฟอร์มเข้าสู่ Subscription Model ได้สำเร็จ จนมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- HATO Group ธุรกิจขายสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง
เข้าไปลงทุน 51% คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่ง HATO เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมในอุตสาหกรรม Pet Wellness ของไทย และกำลังเริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจอื่น ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงให้ครบวงจรมากขึ้น ตั้งแต่มีเฮียฮ้อ เข้ามาเป็นกุนซือ
เข้าไปลงทุน 51% คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท ซึ่ง HATO เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมในอุตสาหกรรม Pet Wellness ของไทย และกำลังเริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจอื่น ๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงให้ครบวงจรมากขึ้น ตั้งแต่มีเฮียฮ้อ เข้ามาเป็นกุนซือ
- Erb Asia ธุรกิจเครื่องหอมและสกินแคร์
เข้าไปลงทุน 60% คิดเป็นมูลค่า 70 ล้านบาท ถือก้าวแรกของ RS ในการเข้าสู่ธุรกิจ Wellness & Spa
เข้าไปลงทุน 60% คิดเป็นมูลค่า 70 ล้านบาท ถือก้าวแรกของ RS ในการเข้าสู่ธุรกิจ Wellness & Spa
ในส่วนของ GIFT ซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว นอกจาก เฮียฮ้อ มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทแล้วนั้น
ก็ยังนั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท ซึ่งเฮียฮ้อก็ได้พา GIFT สร้าง New S-Curve ใหม่ ๆ
ก็ยังนั่งเก้าอี้ตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท ซึ่งเฮียฮ้อก็ได้พา GIFT สร้าง New S-Curve ใหม่ ๆ
ด้วยการใช้เงินลงทุน 625 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 40% ในบริษัท A Lot Tech ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีและเทคโนโลยี ที่มีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี
และในไม่ช้า GIFT ก็จะเข้าลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ตามกลยุทธ์ที่เฮียฮ้อและคณะผู้บริหาร ได้ตั้งเป้าไว้
ทั้งนี้ เฮียฮ้อ เคยเปิดเผยเคล็ดลับการทำธุรกิจและการลงทุน ได้อย่างน่าสนใจ
โดยบอกว่า ทุกธุรกิจที่ตัวเองทำนั้น สิ่งแรกที่สำคัญคือ “ต้องรู้สึกรัก และ เห็นคุณค่า”
โดยบอกว่า ทุกธุรกิจที่ตัวเองทำนั้น สิ่งแรกที่สำคัญคือ “ต้องรู้สึกรัก และ เห็นคุณค่า”
ตัวอย่างที่ใกล้ตัวก็คือ การสร้างอาณาจักร RS Group ที่เริ่มต้นด้วยเงินทุนเพียงแค่ 50,000 บาท
และตลอดเวลา 40 ปีที่ผ่านมานั้น เฮียฮ้อ นำพาบริษัทแห่งนี้ผ่านการดิสรัปมาหลายครั้ง
และตลอดเวลา 40 ปีที่ผ่านมานั้น เฮียฮ้อ นำพาบริษัทแห่งนี้ผ่านการดิสรัปมาหลายครั้ง
โดยเฉพาะการเปลี่ยนเกมธุรกิจให้แก่ RS จากเดิมธุรกิจหลักคือ สื่อ-บันเทิง มาสู่ธุรกิจ Commerce
การทรานส์ฟอร์มครั้งนี้ ได้ถูกยกให้เป็นกรณีศึกษาระดับประเทศที่ใคร ๆ ก็ต่างพูดถึง
การทรานส์ฟอร์มครั้งนี้ ได้ถูกยกให้เป็นกรณีศึกษาระดับประเทศที่ใคร ๆ ก็ต่างพูดถึง
เบื้องหลังความสำเร็จนี้ เฮียฮ้อ เคยให้สัมภาษณ์ว่า มาจากการเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้กับปัญหา
และไม่หยุดที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะปรับตัวเสมอ
และไม่หยุดที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะปรับตัวเสมอ
หากมองว่าโอกาสธุรกิจที่อยู่ตรงหน้านั้น จะเป็นเทรนด์ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คน ก็จะมีโอกาสเติบโตได้มาก
หรือที่เรียกว่า “ถูกที่ ถูกเวลา” เหมาะสมในการจับมาปลุกปั้นเป็นธุรกิจใหม่โดยที่ไม่หวั่น
หรือที่เรียกว่า “ถูกที่ ถูกเวลา” เหมาะสมในการจับมาปลุกปั้นเป็นธุรกิจใหม่โดยที่ไม่หวั่น
หากธุรกิจไหนที่ยังไม่สำเร็จ ก็ต้องรีบหาทางแก้ไข
แต่หากแก้แล้วยังไม่ใช่ทางที่ถูก ก็ควร “ตัดใจเลิกธุรกิจ” นั้นในทันที
เพราะหากยังดื้อรั้นทำต่อไป นั่นหมายถึง การขาดทุนทั้งเวลาและเงินทุน ไปโดยเปล่าประโยชน์..
แต่หากแก้แล้วยังไม่ใช่ทางที่ถูก ก็ควร “ตัดใจเลิกธุรกิจ” นั้นในทันที
เพราะหากยังดื้อรั้นทำต่อไป นั่นหมายถึง การขาดทุนทั้งเวลาและเงินทุน ไปโดยเปล่าประโยชน์..
ปัจจุบัน นอกจากการถือครองหุ้น RS และ GIFT เฮียฮ้อ ยังมีทรัพย์สินในกลุ่มอสังหาฯ หลายประเภท ที่มีมูลค่ารวมกันราว ๆ 5,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น
- อาคาร RS Group และที่ดินบนถนนประเสริฐมนูกิจ ที่มี 4 อาคาร บนพื้นที่ 62,845 ตารางเมตร มูลค่าร่วมกัน 3,000 ล้านบาท
- ที่ดินย่านนวมินทร์ มูลค่า 1,200 ล้านบาท
- Primo Piazza สถานที่ท่องเที่ยว เขาใหญ่ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
จากแนวคิดการทำธุรกิจที่เป็นนักสู้ผู้แปรเปลี่ยนโอกาส ให้กลายเป็นความสำเร็จ
ทำให้ปัจจุบัน เฮียฮ้อ เป็นนักธุรกิจที่เก๋าเกม และมีสินทรัพย์รวมกว่า 11,000 ล้านบาท
ทำให้ปัจจุบัน เฮียฮ้อ เป็นนักธุรกิจที่เก๋าเกม และมีสินทรัพย์รวมกว่า 11,000 ล้านบาท
แน่นอนว่าเส้นทางธุรกิจต่อจากนี้ไปของ เฮียฮ้อ คือมองหาโอกาส และพาร์ตเนอร์ใหม่ ๆ
ซึ่งคงต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป เฮียฮ้อ จะเคลื่อนไหวอะไรอีก
เพราะเมื่อ เฮียฮ้อ ขยับตัวในการลงทุนหรือสร้างธุรกิจใหม่
คำว่า “โอกาส และ การเติบโต” จะกลายเป็นสิ่งที่ตามมาในทุก ๆ ครั้ง
คำว่า “โอกาส และ การเติบโต” จะกลายเป็นสิ่งที่ตามมาในทุก ๆ ครั้ง