WHA เดินหน้าภารกิจ Mission To The Sun ทรานส์ฟอร์มสู่ Tech Company เต็มตัว สร้างการเติบโต 4 กลุ่มธุรกิจ
26 ก.ย. 2023
ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ประกาศพันธกิจ WHA : WE SHAPE THE FUTURE
แนวคิดที่มุ่งสร้างอนาคตอันยั่งยืนให้กับประเทศไทย ผ่านศักยภาพของ 4 กลุ่มธุรกิจ
โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน
แนวคิดที่มุ่งสร้างอนาคตอันยั่งยืนให้กับประเทศไทย ผ่านศักยภาพของ 4 กลุ่มธุรกิจ
โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน
ควบคู่ไปกับการสานต่อภารกิจ Mission To The Sun เพื่อมุ่งสู่การเป็น Technology Company เต็มรูปแบบในปี 2567
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ย้ำว่า
พันธกิจ WHA : WE SHAPE THE FUTURE คือสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยศักยภาพจากระบบ Ecosystem ที่ครบวงจรและแข็งแกร่งของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจของ WHA
เพื่อใช้ในการต่อยอดพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจและอุตสาหกรรม ที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจให้นักลงทุนและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขัน และผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น The World’s Best Investment Destination สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก
กระตุ้นให้เกิดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ขณะเดียวกัน WHA ยังคงเดินหน้าภารกิจ “Mission To The Sun” ซึ่งมี 9 โครงการ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ สู่การยกระดับการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัทฯ มุ่งสู่การเป็น Technology Company
โดยตอนนี้มี 3 โครงการที่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม
1) โครงการ Green Logistics เป็นการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาปรับใช้กับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ได้แก่
การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการดำเนินงานของยานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ
เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศในระยะยาว
2) โครงการ Digital Health Tech เพื่อยกระดับการเข้าถึงโซลูชันการดูแลสุขภาพ
โดยการพัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit ซึ่งเป็นเครื่องมือดูแลด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ที่ช่วยให้ผู้สมัคร
ใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น
โดยการพัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit ซึ่งเป็นเครื่องมือดูแลด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ที่ช่วยให้ผู้สมัคร
ใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น
เช่น การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพย้อนหลัง ได้ทุกที่ทุกเวลา
การปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพกับแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอล โดยร่วมกับพันธมิตร อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ในการนำเสนอบริการต่าง ๆ
การปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพกับแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอล โดยร่วมกับพันธมิตร อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ในการนำเสนอบริการต่าง ๆ
3) โครงการ Circular เป็นการรวบรวมไอเดียจากแต่กลุ่มธุรกิจ ที่นอกจากจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของบริษัทฯ แล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน หรืออาจเกิดเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ได้
เช่น การจัดการขยะอุตสาหกรรมของโรงงานนึง เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบของโรงงานอื่น หรือเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม
สำหรับผลการดำเนินงานของ WHA ในช่วงครึ่งแรก ของปี 2566
มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรกว่า 5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%
และกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรกว่า 5,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%
และกำไรสุทธิ 1,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
สะท้อนการเติบโตอของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่มีผลประกอบการที่ดีเหนือความคาดหมาย ยังส่งผลให้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายการดำเนินงานของสิ้นปี 2566 ให้สูงขึ้นจากที่กำหนดไว้ก่อนหน้าในช่วงต้นปี
-ธุรกิจโลจิสติกส์
มุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมอร์ซ และอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve
มุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมอร์ซ และอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve
นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างพันธมิตรในระยะยาว พร้อมนำนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลและแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ ตั้งแต่โครงการ Green Logistics โครงการอาคารสีเขียว
โดยตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีการลงนามสัญญาเช่าโครงการใหม่รวม 200,000 ตารางเมตร และมีสินทรัพย์ภายใต้กรรมสิทธิ์และการบริหารรวมทั้งสิ้น 2,900,000 ตารางเมตร
-ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม
มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง
มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง
ปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรม 13 แห่งในประเทศไทยและเวียดนาม คิดเป็นพื้นที่รวม 71,300 ไร่
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 1 แห่ง และส่วนขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 3 แห่งในประเทศไทย รวมพื้นที่ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา 5,700 ไร่
สำหรับในประเทศเวียดนาม เร่งการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเหงะอาน เฟส 2 ที่มีพื้นที่รวมกว่า 2,215 ไร่ ให้ทันกับความต้องการของลูกค้า
ส่วนนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 2 แห่งอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตลงทุน
ส่วนนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่อีก 2 แห่งอยู่ในกระบวนการขอใบอนุญาตลงทุน
ทั้งนี้ ผลจากกระแสการย้ายฐานการผลิต บริษัทฯ จึงได้ปรับเป้ายอดขายที่ดินรวมทั้งในประเทศไทยและเวียดนามสำหรับปี 2566 จาก 1,750 ไร่ ที่เคยประกาศไว้เมื่อต้นปี เป็น 2,750 ไร่
-ธุรกิจสาธารณูปโภค
น้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง
น้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงผลิตน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง
ซึ่งมีกำลังการผลิตน้ำ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และบำบัดน้ำ 1.9 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 4 ปี 2566 นี้
นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนหาโอกาสการขยายตลาดสู่ลูกค้าภายนอกนิคม
ตั้งเป้าสิ้นปี 2566 จะมีปริมาณยอดจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรม น้ำมูลค่าเพิ่ม และปริมาณการบำบัดน้ำเสียในประเทศไทยและเวียดนาม รวมทั้งหมด 168 ล้านลูกบาศก์เมตร
ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และขยายสู่ตลาดใหม่ในประเทศอื่น ๆ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ
พร้อมทั้งการหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อสร้าง New S-Curve เช่น ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS : Battery Energy Storage Systems) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)
-ธุรกิจดิจิทัล
เดินหน้าโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจของ WHA ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี
เดินหน้าโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจของ WHA ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี
นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับ 3 กลุ่มธุรกิจของ WHA ในการนำเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าเพิ่ม เช่น แดชบอร์ดแสดงผลการทำงานของแผงพลังงานแสงอาทิตย์และอุปกรณ์ตรวจวัดประสิทธิภาพการทำงานของแผง รวมไปถึงเครื่องมือวิเคราะห์ ระบบอัตโนมัติและอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบจัดส่งน้ำ