เปิดวิธีคิดที่ทำให้ “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ก้าวสู่ผู้นำด้าน Facility Management
18 ก.ย. 2023
เปิดวิธีคิดที่ทำให้ “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ก้าวสู่ผู้นำด้าน Facility Management
ถ้าพูดถึง Facility Management หรืองานบริหารจัดการอาคาร
หลายคนนึกถึงบริษัทที่ดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ ในอาคารทั่วไป
อย่างการจัดหาพนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน ช่างซ่อมบำรุง
หลายคนนึกถึงบริษัทที่ดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ ในอาคารทั่วไป
อย่างการจัดหาพนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน ช่างซ่อมบำรุง
หรือพูดง่าย ๆ ว่าบริษัทที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของอาคาร
แต่แท้จริงแล้ว การดูแลอาคาร มีรายละเอียดที่มองไม่เห็นมากกว่านั้น
ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นสำคัญ
แต่แท้จริงแล้ว การดูแลอาคาร มีรายละเอียดที่มองไม่เห็นมากกว่านั้น
ซึ่งจะต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นสำคัญ
โดยเฉพาะเมื่อโลกเปลี่ยนไป มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมีความซับซ้อนเข้ามาใช้ในอาคาร ทำให้การบริหารจัดการที่อยู่อาศัยหรืออาคารเชิงพาณิชย์ ยิ่งทวีความท้าทาย
เพราะต้องตอบโจทย์ในด้านความสะดวก ปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพในงานบริหารจัดการอาคาร และดูแลเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร้ที่ติ จึงจำเป็นต้องอาศัยทั้งผู้ที่มีความรู้ ประสบการณ์ ควบคู่ไปกับการก้าวไปให้ทันกับเทรนด์โลก นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มายกระดับในงานบริหารจัดการอาคารอีกด้วย
แน่นอนว่า เมื่อพูดถึงบริษัทบริหารจัดการอาคาร หรือบริษัทที่ให้บริการด้าน Facility Management ในบ้านเราอาจจะมีผู้เล่นอยู่หลายราย
แต่ถ้าพูดถึงบริษัทสัญชาติไทยที่ยืนหนึ่งในด้านการบริหารจัดการอาคาร ต้องมีชื่อของ “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ผู้นำด้านการบริหารจัดการอาคาร และบริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
แถมยังเป็นบริษัทไทยเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล จาก ISO มากถึง 3 ระบบ ได้แก่
- ISO 9001 ด้านคุณภาพการบริหาร
- ISO 41001 การบริหารทรัพยากรกายภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
- ISO 14001 การจัดการคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อม ที่พลัสฯ ครอบคลุมครบทุกด้านในการดูแล
- ISO 9001 ด้านคุณภาพการบริหาร
- ISO 41001 การบริหารทรัพยากรกายภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
- ISO 14001 การจัดการคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อม ที่พลัสฯ ครอบคลุมครบทุกด้านในการดูแล
ปัจจุบันบริหารพื้นที่อยู่ราว 18 ล้านตารางเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยและอาคารเพื่อการพาณิชย์ รวมกว่า 360 โครงการ
ทำไม “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ถึงสามารถเป็นบริษัทไทยที่ยืนหนึ่งในวงการ Facility Management
MarketThink ชวนไปหาคำตอบจากคุณชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
MarketThink ชวนไปหาคำตอบจากคุณชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
คุณชาญ ฉายภาพให้เห็นก่อนว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ อยู่ในแวดวงอสังหาฯ มามากกว่า 25 ปี
มีบริการทั้งในฝั่ง Brokerage ตัวแทน ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาฯ ทุกประเภท และฝั่ง Facility Management
มีบริการทั้งในฝั่ง Brokerage ตัวแทน ซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาฯ ทุกประเภท และฝั่ง Facility Management
ประกอบด้วย การบริหารอาคารที่พักอาศัย และบริหารอาคารเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงบริการด้านเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยภายใต้ชื่อ LIV-24
“เหตุผลที่ต้องแยกการบริหารของที่พักอาศัยและอาคารเพื่อการพาณิชย์ เพราะจากประสบการณ์ในการบริหารอาคาร เราพบว่าความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าเวลาอยู่บ้านกับการไปใช้สถานที่ต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน
อย่างที่พักอาศัยจะมีไลฟ์สไตล์ เน้นการพักผ่อน จึงต้องการบริการในเรื่องของการดูแลพื้นที่ส่วนกลาง
ถ้าเป็นอาคารเพื่อการพาณิชย์ อย่างเช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า จะเป็นการใช้งานที่เน้นระดับความสำคัญต่อการสร้างคุณค่าทางธุรกิจ
ถ้าเป็นอาคารเพื่อการพาณิชย์ อย่างเช่น อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า จะเป็นการใช้งานที่เน้นระดับความสำคัญต่อการสร้างคุณค่าทางธุรกิจ
รวมถึงฟังก์ชันในการทำงาน ได้แก่ ความสะดวกในการใช้พื้นที่ การจัดการที่จอดรถ การดูแลและแก้ไขปัญหาในการใช้ห้องประชุม เป็นต้น
ดังนั้นงานการบริหารอาคารจึงต้องการความชำนาญ ความเข้าใจ ในความสัมพันธ์ระหว่างประเด็นความต้องการด้านกายภาพอาคารกับระดับการกำหนดทิศทาง แนวทางของเจ้าของอาคาร และนำเสนอ Solution ที่ตอบโจทย์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Cost Control, Energy Saving, Strategy การเพิ่มมูลค่าให้อาคารสามารถแข่งขันในตลาดได้ เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมทั้งเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทที่แตกต่างกันออกไป”
สำหรับภารกิจหลักของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในการบริหารอาคารเพื่อการพาณิชย์หลากหลายรูปแบบ ตามลักษณะของผู้ประกอบการ ตั้งแต่ในกลุ่มของธุรกิจสำนักงาน ธนาคารและการลงทุน ธุรกิจโรงพยาบาล สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตีมอลล์
ยกตัวอย่างอาคารที่บริหารอยู่ปัจจุบัน เช่น อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, อาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, อาคารสำนักงานใหญ่เจียไต๋, The Commons, จามจุรีสแควร์, WHA Tower, Bangkok City Tower, Spring Tower, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เป็นต้น
คุณชาญ ยังตอกย้ำถึงเป้าหมายของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ คือ การเป็นบริษัทบริหารอาคารชั้นนำที่มีความพร้อมในการนำเสนอ Solution ที่ทันสมัย เป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการ และได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่หนึ่งในการบริหารจัดการอาคาร
ซึ่งการจะไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ให้ความสำคัญกับหลักการพื้นฐาน 3P ประกอบด้วย
- People ผู้คน
เราต้องรู้อินไซต์ว่าสิ่งที่เจ้าของอาคารให้คุณค่าคืออะไร ลูกค้าที่มาใช้บริการในอาคารเป็นใคร ความคาดหวังของเขาคืออะไร
- People ผู้คน
เราต้องรู้อินไซต์ว่าสิ่งที่เจ้าของอาคารให้คุณค่าคืออะไร ลูกค้าที่มาใช้บริการในอาคารเป็นใคร ความคาดหวังของเขาคืออะไร
อย่างเช่น เจ้าของอาคารต้องการภาพลักษณ์อาคารที่ดี ลดต้นทุนและเพิ่มกำไรจากการจัดการอาคาร ส่วนผู้ใช้อาคารต้องการใช้งานในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างไม่สะดุด รู้สึกปลอดภัย
ดังนั้นสิ่งที่เราควรคำนึงคือ เราจะลด Cost อย่างไร โดยที่ไม่กระทบกับการใช้งานของคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอาคาร เทคโนโลยี จึงเป็นสิ่งที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของ People ได้เป็นอย่างดี
- Place สถานที่
เราต้องเข้าใจลักษณะกายภาพของอาคาร ระบบวิศวกรรมในอาคาร และ System Capacity ของอาคารที่เข้าไปบริหารว่ามีลักษณะ มีความซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน มีเทคโนโลยีอะไรที่ต้องปรับปรุง หรือนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน หรือระบบไหนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับอาคารประเภทนั้น ๆ
เราต้องเข้าใจลักษณะกายภาพของอาคาร ระบบวิศวกรรมในอาคาร และ System Capacity ของอาคารที่เข้าไปบริหารว่ามีลักษณะ มีความซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน มีเทคโนโลยีอะไรที่ต้องปรับปรุง หรือนำมาประยุกต์ใช้เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งาน หรือระบบไหนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับอาคารประเภทนั้น ๆ
โดยแต่ละอาคารสถานที่ก็จะมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น อาคารธนาคาร จะต้องมีความปลอดภัยสูง ต้องให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัย การควบคุมคนเข้าออกอาคาร การเข้าถึงพื้นที่ส่วนต่าง ๆ และการดูแลห้องเก็บทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง
ส่วนโรงพยาบาล มีพันธกิจหลักในการดูแลผู้ป่วย ระบบสาธารณูปโภควิศวกรรมอาคารที่ใช้ในการดูแลผู้ป่วยต้องสามารถใช้งานได้ไม่เกิดปัญหา และมีความพร้อมตลอดเวลา 24 ชม. เป็นต้น
- Process กระบวนการทำงาน
เราต้องศึกษากระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับอาคาร ว่ามี Route Function เป็นอย่างไร
เช่น เวลาที่คนเข้า-ออกอาคารกี่โมง, Traffic แต่ละพื้นที่ ในแต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างไร
เราต้องศึกษากระบวนการทำงานที่เกี่ยวข้องกับอาคาร ว่ามี Route Function เป็นอย่างไร
เช่น เวลาที่คนเข้า-ออกอาคารกี่โมง, Traffic แต่ละพื้นที่ ในแต่ละช่วงเวลาเป็นอย่างไร
รายละเอียดเหล่านี้สามารถนำมาปรับใช้ อาทิ การตั้งเวลาทำงานของระบบไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศในอาคารแบบอัตโนมัติ เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงาน และลดกำลังคนในการบริหารจัดการ
โดยการเอาเทคโนโลยี Automation เข้ามาใช้ในอาคาร เพื่อการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
มีการนำ Internet of Things หรือ IoT เข้ามาใช้ โดยการเชื่อมต่อกับระบบ CPMS, BAS, EMS ซึ่งเป็นระบบเดิมของอาคาร
มีการนำ Internet of Things หรือ IoT เข้ามาใช้ โดยการเชื่อมต่อกับระบบ CPMS, BAS, EMS ซึ่งเป็นระบบเดิมของอาคาร
มีการเก็บข้อมูลการใช้งานในระบบต่าง ๆ แล้วนำมาประมวลผลด้วย AIoT Platform
เพื่อวินิจฉัยปัญหาการใช้พลังงาน ความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ เครื่องจักร และการทำงานที่ผิดปกติของระบบวิศวกรรมอาคาร ผสานประสบการณ์การทำงานจากที่เรามีมารวมกัน ทำให้สามารถอุดช่องว่างของปัญหาในการดูแลอาคารได้อย่างแม่นยำ
เพื่อวินิจฉัยปัญหาการใช้พลังงาน ความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ เครื่องจักร และการทำงานที่ผิดปกติของระบบวิศวกรรมอาคาร ผสานประสบการณ์การทำงานจากที่เรามีมารวมกัน ทำให้สามารถอุดช่องว่างของปัญหาในการดูแลอาคารได้อย่างแม่นยำ
การที่เราทำความเข้าใจทั้งหมดนี้ เพื่อช่วยเจ้าของอาคาร มีการดำเนินงาน การวางแผนงานด้านการทำงาน การรักษาสมรรถนะและงบประมาณให้สอดคล้องรองรับกันได้ดียิ่งขึ้น
โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการดูแลอาคารส่วนใหญ่ จะมาจากค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การเก็บข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้
เช่น ค่าดูแลระบบและเครื่องจักรขนาดใหญ่ในอาคารตามรอบระยะเวลาที่กำหนด ทำให้ป้องกันการสูญเสียค่าใช้จ่าย หรือการปรับปรุงระบบระบายอากาศ และสภาพอากาศ ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้งาน นำไปสู่การประหยัดค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานได้อย่างน้อย 15-30% เลยทีเดียว
นอกจากนี้ พลัสฯ ยังมีการทำงานเชิงรุก (Proactive) โดยเริ่มจากการวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) เป็นการบำรุงรักษาตามแผน
และศึกษาเรื่อง Lifecycle ของแต่ละระบบ อุปกรณ์ แล้วนำมากำหนดระยะเวลาของแผนการปฏิบัติงานในการดูแลตามรอบอย่างแม่นยำ ถูกต้อง ชัดเจน ทำให้สามารถยืดอายุการทำงานของเครื่องจักร ที่ส่งผลต่อมูลค่าของอาคาร
ถัดมามีการนำเทคโนโลยีอย่างระบบการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ (Predictive Maintenance) มาใช้ในการคาดการณ์ความเสียหายของอุปกรณ์/เครื่องจักร
โดยใช้ข้อมูลในอดีต และการวัดผลผ่านเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้จัดการวางแผนซ่อมบำรุงได้ก่อนเวลาที่จะเสื่อมหรือเสียหาย ซึ่งระบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของอาคารในการซ่อมบำรุงได้
เช่น ฤดูฝน มีโอกาสที่จะมีความเสี่ยงของไฟฟ้าดับ น้ำรั่วซึม ฤดูร้อนอากาศแห้งมีโอกาสเกิดไฟไหม้ได้ จัดซ้อมหนีไฟไหม้ประจำปี การวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เพื่อรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น ส่งผลให้การวางแผนในการดูแลอาคารแบบระยะยาว 3-5 ปี มีความชัดเจน ช่วยลดระยะเวลาในการซ่อมบำรุง และควบคุมค่าใช้จ่าย ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“เรามีบริการตั้งแต่ให้คำปรึกษา ช่วยออกแบบวางระบบ กำกับ/ควบคุม บริหารหลังบ้าน
เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เราเหมือนเป็นช่างตัดเสื้อ
ก่อนจะลงมือตัดจริง เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วออกแบบกระบวนการในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เราเหมือนเป็นช่างตัดเสื้อ
ก่อนจะลงมือตัดจริง เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วออกแบบกระบวนการในการทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หน้าที่ของช่างตัดเสื้อ คือ เทเลอร์เมดชุดที่ออกมาตามความต้องการ ให้ใส่แล้วสวยไม่พอ
สมมติว่าเวลาผ่านไป รูปร่างเขาเปลี่ยน เราก็พร้อมให้คำปรึกษา ช่วยหา Solution เช่นกัน
พูดง่าย ๆ ว่าเราคือพาร์ตเนอร์ ที่พร้อมให้คำปรึกษา และช่วยเหลือลูกค้า
สมมติว่าเวลาผ่านไป รูปร่างเขาเปลี่ยน เราก็พร้อมให้คำปรึกษา ช่วยหา Solution เช่นกัน
พูดง่าย ๆ ว่าเราคือพาร์ตเนอร์ ที่พร้อมให้คำปรึกษา และช่วยเหลือลูกค้า
เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า อะไรคือจุดแข็งของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้
แน่นอนว่า นอกจากเรื่อง Know-how และ Know-who ประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน บริการที่เข้าใจและใส่ใจ
พร้อมทั้งยังมีทีมงานมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ แก้ไขปัญหา ตอบสนองความต้องการ สภาพความพร้อมของอุปกรณ์ ระบบวิศวกรรมอาคาร และทักษะความสามารถของทีมงานประจำที่ดูแลอาคาร
เพื่อก้าวให้ทันกับโลกและเทรนด์ของอาคารยุคใหม่ที่มีความสมาร์ตขึ้น และพร้อมตอบโจทย์เจ้าของอาคารที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการบริหารอาคาร ทั้งในด้านการลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย และการตอบโจทย์ด้านเมกะเทรนด์ของโลก
พลัสฯ ให้ความสำคัญกับระดับความสามารถของผู้ปฏิบัติงาน และการพัฒนาบุคลากร
โดยมีการจัดตั้งสถาบัน PLUS Eduplex ที่ให้ความรู้ เป็นแหล่งรวบรวม ส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับพนักงานในการเพิ่มทักษะในการทำงาน
โดยมีการจัดตั้งสถาบัน PLUS Eduplex ที่ให้ความรู้ เป็นแหล่งรวบรวม ส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับพนักงานในการเพิ่มทักษะในการทำงาน
มีหลักสูตรการทำงานทั้ง Soft Skill และ Hard Skill รวมทั้งมีการกำหนดทิศทางในการทำงานให้สอดคล้องกับเทรนด์ความต้องการของตลาดแรงงาน และแนวคิดเรื่องความยั่งยืนขององค์กรชั้นนำ”
มาถึงตรงนี้ คงเข้าใจมากขึ้นแล้วว่า ทำไม “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” ถึงยืนหนึ่งด้าน Facility Management
แน่นอนว่า หลัก ๆ มาจากแนวคิดในการบริหารธุรกิจ ที่เน้นคุณภาพการดำเนินงาน ความคุ้มค่า และ Customer Centric บวกกับบริการที่ครบวงจร ได้มาตรฐานระดับสากล
จากนี้น่าติดตามว่า ท่ามกลางแนวโน้มของธุรกิจบริหารจัดการอาคาร Facility Management ที่ยังมีโอกาสเติบโต มีความท้าทายของเทคโนโลยี ที่สร้างการแข่งขันให้กับผู้เล่นในตลาดมากขึ้น
ใครจะปรับตัวและสามารถอยู่รอดในสมรภูมินี้ได้
ส่วนพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ย้ำว่าพร้อมสู้ เพื่อความเป็นที่ 1 ด้านการบริหารจัดการอาคาร
ส่วนพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ย้ำว่าพร้อมสู้ เพื่อความเป็นที่ 1 ด้านการบริหารจัดการอาคาร
อ้างอิง:
- สัมภาษณ์โดยตรงจากคุณชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- สัมภาษณ์โดยตรงจากคุณชาญ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารทรัพยากรอาคารและระบบวิศวกรรม บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด