ไปรษณีย์ไทย ปรับตัวสู้ธุรกิจขนส่ง เปิดผลประกอบการครึ่งปีแรก ทำกำไร 158 ล้านบาท

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดผลประกอบการ ครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้ 10,833.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อนหน้า 12.7% และมีกำไรสุทธิ 157.7 ล้านบาท

โดยกลุ่มบริการที่ครองสัดรายได้สูงสุด คือ กลุ่มบริการขนส่ง และโลจิสติกส์ คิดเป็นสัดส่วน 44.11%

ตามมาด้วย กลุ่มบริการไปรษณีย์ภัณฑ์ 36.04%
กลุ่มบริการระหว่างประเทศ 13.60%
กลุ่มบริการค้าปลีก 2.35%
กลุ่มบริการการเงิน และบริการอื่น ๆ 2.84%
และรายได้อื่น ๆ อีก 1.06%

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล กรรมการ และประธานคณะอนุกรรมการ ด้านกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาดและการสื่อสาร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ให้ข้อมูลภาพรวมของธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ ในประเทศไทย โดยระบุว่า

ตลาดธุรกิจขนส่งในปีนี้ จะแข่งขันกันด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย นำเสนอจุดแตกต่างที่แต่ละแบรนด์มี เพื่อรักษาตลาด

ส่วนไปรษณีย์ไทยนั้น จะชูกลยุทธ์ความแน่นแฟ้น และความเป็นเพื่อนสนิท กับคนไทย ซึ่งแตกต่างจากผู้เล่นในตลาดขนส่งรายอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทย ยังคงมีความท้าทาย ในเรื่องของภาพลักษณ์ ที่คนรุ่นใหม่ มักมองว่า ไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีอายุครบรอบ 140 ปี ในปีนี้ เป็นแบรนด์ที่อยู่มานาน และขาดความทันสมัย

ทำให้ไปรษณีย์ไทย ต้องหาทางทำลายกำแพง ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น

ทั้งในเชิงการสร้างฐานลูกค้า ผ่านโครงการและแคมเปญต่าง ๆ พร้อมทั้งมองหาไอเดีย และอินไซต์จากคนรุ่นใหม่ มาปรับใช้และต่อยอดให้แบรนด์ไปรษณีย์ไทย ดูสดใสมากขึ้น

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังมีการปรับตัวเพื่อสู้กับธุรกิจขนส่ง และโลจิสติกส์ โดยใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า 1-4-0

1 คือ การเป็นที่หนึ่งในด้านคุณภาพ
พร้อมส่งมอบคุณค่าด้วยบริการที่มีคุณภาพ เพื่อคนไทย

4 คือ เส้นทางการขนส่ง ทางรถยนต์ ทางรถไฟ ทางอากาศ และทางดิจิทัล
ที่มีความครอบคลุมทั่วไทย ทั่วโลก ครบถ้วนทุกไลฟ์สไตล์

0 คือ Zero Complaint และ Net Zero
ลดข้อร้องเรียนให้เป็นศูนย์ หรือแก้ปัญหาให้กับผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็วที่สุด
และตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เป็นศูนย์ ภายในปี 2065

นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังระบุด้วยว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาพัฒนาการให้บริการ อีกเป็นจำนวนมาก ได้แก่

- ไปด้วยกันที่มากกว่าการส่ง
การก้าวเข้าสู่ Data Company จากการเป็น Information Logistic ที่มีข้อมูลแบบไร้ขีดจำกัด

เช่น บริการ Prompt Post ที่จะเปลี่ยนให้เอกสารทุกรูปแบบ กลายเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์

การแปลงระบบจ่าหน้า หรือที่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ผ่านระบบ Digital Post ID

การให้บริการในรูปแบบ Postman as a Service ที่สามารถนำข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจในทุกพื้นที่ มาต่อยอดนำเสนอบริการที่ตรงใจ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตร “เพื่อนพี่ไปรฯ” เพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ

- ไปด้วยกันกับประสบการณ์ใหม่ ๆ
ผ่านบริการ และโซลูชันที่จะทำให้คนไทย ใกล้ชิดกับไปรษณีย์ไทยมากยิ่งขึ้น

มีสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่า ผ่าน Post Family ที่ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ราว 600,000 ราย
และตั้งเป้ามีสมาชิกครบ 1,000,000 ราย ภายในปีนี้ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของคนทุกช่วงวัย

พร้อมเป็นแบรนด์ Top of Mind ที่ทุกคนนึกถึง ในการชอปปิง ทำธุรกิจ ตลอดจนเป็นผู้นำ ด้านการให้บริการขนส่งที่หลากหลายในตลาด ทั้งส่งใหญ่ ส่งยุ่ง ส่งยาก ส่งยา และส่งเย็น

- ไปด้วยกันให้ทุกชีวิตดีขึ้นได้จริง
ดำเนินงานที่ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG+E หมายถึง Environment, Social, Governance และ Economy

ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับ การพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน โดยการสร้างเครือข่ายการเติบโต ที่ยั่งยืนเพื่อคนไทย

เช่น การก้าวสู่ผู้ให้บริการไปรษณีย์ด้วยระบบประหยัดพลังงาน โครงการ reBOX ที่ขับเคลื่อนการใช้ทรัพยากรกล่อง ซองอย่างคุ้มค่า การส่งเสริมรายได้สินค้าชุมชน ผ่านไทยแลนด์โพสต์มาร์ท และโครงการไปรษณีย์เพิ่มสุข