BEARHOUSE เปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ “ชาผลไม้นุ่มชีส” ตั้งเป้าขยายสู่ 33 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ เน้นต่างจังหวัดมากขึ้น
21 ก.ค. 2023
ในปี 2566 เป็นปีที่ BEARHOUSE ดำเนินธุรกิจครบรอบ 4 ปี
โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยจุดเด่นของวัตถุดิบและรสชาติที่เป็นซิกเนเชอร์ในแบบฉบับของตัวเอง เช่น ไข่มุกโมจิปั้นสด
โดยเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยจุดเด่นของวัตถุดิบและรสชาติที่เป็นซิกเนเชอร์ในแบบฉบับของตัวเอง เช่น ไข่มุกโมจิปั้นสด
โดยเป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นเอง ตั้งแต่แป้ง ซึ่งมีแป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ และปั้น สดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันรา และสารกันบูด
ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2562
ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2562
- เปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ “Fruit Tea Series”
ล่าสุด BEARHOUSE เปิดตัวเครื่องดื่มเมนูใหม่ “Fruit Tea Series” ใน 2 หมวดสินค้าคือ ชาผลไม้นุ่มชีส และชาใสนุ่มชีส
โดยกลุ่มที่เป็นเรือธงของ Fruit Tea Series คือ “ชาผลไม้นุ่มชีส” มีให้เลือก 3 รสชาติ คือ
ชาพีชลิ้นจี่นุ่มชีส, ชาเนื้อส้มนุ่มชีส และชาเสาวรสมะม่วงนุ่มชีส
ชาพีชลิ้นจี่นุ่มชีส, ชาเนื้อส้มนุ่มชีส และชาเสาวรสมะม่วงนุ่มชีส
ชูจุดเด่น “ชาผลไม้เนื้อเยอะ อร่อยคุ้ม นุ่มชีส” ให้เนื้อผลไม้แบบจัดเต็มทุกแก้ว
ซึ่งเลือกใช้เนื้อผลไม้คุณภาพ และมีความพิถีพิถันในการต้มชาเพื่อให้ได้ชาที่หอม รสนุ่ม ไม่ฝาดติดลิ้น
ซึ่งเลือกใช้เนื้อผลไม้คุณภาพ และมีความพิถีพิถันในการต้มชาเพื่อให้ได้ชาที่หอม รสนุ่ม ไม่ฝาดติดลิ้น
พร้อมด้วยท็อปปิ้งนุ่มชีส (Noom Cheese) สูตรเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของ BEARHOUSE ให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ไม่หนักจนเลี่ยน หอมมันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติของครีมชีสแท้นำเข้าจากออสเตรเลีย
คุณซารต์ - ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด เจ้าของร้านชานมไข่มุกแบรนด์ไทย BEARHOUSE เปิดเผยว่า
“จริง ๆ แล้ว BEARHOUSE มีเมนูชาผลไม้ที่ทานกับชีสมาตั้งแต่ปี 2562
ซึ่งในขณะนั้นยังไม่เป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันเทรนด์และกระแสตอบรับชาผลไม้มาแรงมาก ๆ
ซึ่งในขณะนั้นยังไม่เป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันเทรนด์และกระแสตอบรับชาผลไม้มาแรงมาก ๆ
อีกทั้งยัง มั่นใจว่าเมนูใหม่ของเราอร่อยไม่เหมือนใครจริง ๆ
ทานครั้งแรกยังไงก็ต้องอยากกลับมาทานซ้ำแน่นอน”
ทานครั้งแรกยังไงก็ต้องอยากกลับมาทานซ้ำแน่นอน”
- ตั้งเป้าขยายสู่ 33 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ โดยเน้นต่างจังหวัด
คุณซารต์ ยังเปิดเผยถึงความสำเร็จตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาว่า BEARHOUSE มีอัตราการเติบโต แบบก้าวกระโดด
ปี 2562 มียอดขาย 17 ล้านบาท
ปี 2563 มียอดขาย 82 ล้านบาท
ปี 2564 มียอดขาย 104 ล้านบาท
ปี 2563 มียอดขาย 82 ล้านบาท
ปี 2564 มียอดขาย 104 ล้านบาท
และปี 2565 สามารถทำยอดขายได้ 210 ล้านบาท
ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 79% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งนับว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชา
ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 79% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งนับว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในตลาดร้านชา
โดยผลการเติบโต มาจากการขยายสาขา พร้อมทั้งการเพิ่มโปรดักส์ไลน์ และเปิดตัวเมนูใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน BEARHOUSE มียอดขายเฉลี่ยวันละ 8,000 แก้ว
แบ่งเป็นยอดขายวอล์กอิน (Walk-In) หน้าร้าน 60% และดิลิเวอรี (Delivery) 40%
แบ่งเป็นยอดขายวอล์กอิน (Walk-In) หน้าร้าน 60% และดิลิเวอรี (Delivery) 40%
และมีสาขารวมทั้งสิ้น จำนวน 23 แห่ง ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล
รวมถึงสาขาต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่
อย่างเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งเปิดสาขาต่างจังหวัดสาขาแรก ที่จังหวัดนครราชสีมา
รวมถึงสาขาต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่
อย่างเมื่อปีที่แล้ว เพิ่งเปิดสาขาต่างจังหวัดสาขาแรก ที่จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่ง BEARHOUSE ตั้งเป้าว่า จะขยายสู่ 33 สาขา ภายในสิ้นปีนี้
โดยจะเน้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น แถบภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น และอุดร
โดยจะเน้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น เช่น แถบภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น และอุดร
- BEARHOUSE อยู่ในตลาด BLUE OCEAN
ด้านคุณกานต์ - อรรถกร รัตนารมย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด กล่าวว่า
ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารไทยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 16%
โดยในส่วนของตลาดร้านชายังคงเติบโตต่อเนื่อง มีการแข่งขันสูงและมีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด Red Ocean เนื่องจากสินค้าและบริการที่เหมือน ๆ กัน
โดยในส่วนของตลาดร้านชายังคงเติบโตต่อเนื่อง มีการแข่งขันสูงและมีคู่แข่งจำนวนมากในตลาด Red Ocean เนื่องจากสินค้าและบริการที่เหมือน ๆ กัน
ซึ่งคุณกานต์คิดว่า BEARHOUSE จัดอยู่ในกลุ่ม Blue Ocean ถือเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อย
และแข่งขันในด้านการสร้างคุณค่าและความแตกต่างของแบรนด์
และแข่งขันในด้านการสร้างคุณค่าและความแตกต่างของแบรนด์
โดยยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่องและเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสและสามารถเติบโตได้อีกมาก
ซึ่งตลอดมา BEARHOUSE ก็ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัย และพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ เพื่อต่อยอด สร้างจุดขาย และรองรับต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ซึ่งตลอดมา BEARHOUSE ก็ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัย และพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ เพื่อต่อยอด สร้างจุดขาย และรองรับต่อความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
- เป้าหมาย BEARHOUSE ในอนาคต
คุณซารต์และคุณกานต์ ได้เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจ ที่อยากพา BEARHOUSE ไปสู่ต่างประเทศให้ได้ภายในปี 2568 หรือในอีก 2 ปีข้างหน้า
แต่จะเป็นประเทศอะไร ทั้งสองบอกว่า อยู่ระหว่างการศึกษา
แต่จะเป็นประเทศอะไร ทั้งสองบอกว่า อยู่ระหว่างการศึกษา
ซึ่งเมื่อขยายไปสู่ต่างประเทศ แน่นอนว่า กลยุทธ์การตลาดที่สำคัญคือ “การชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย”
เช่น ไข่มุกโมจิ ที่ใช้แป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ หรือชาผลไม้นุ่มชีส ที่ใช้ผลไม้ไทย เป็นส่วนประกอบหลัก
เช่น ไข่มุกโมจิ ที่ใช้แป้งข้าวไทยเป็นส่วนประกอบ หรือชาผลไม้นุ่มชีส ที่ใช้ผลไม้ไทย เป็นส่วนประกอบหลัก
อีกทั้ง BEARHOUSE ยังมีแผนจะเข้าสู่ตลาดให้ได้ในปี 2571 ตั้งเป้ามี 109 สาขาทั่วประเทศอีกด้วย..