RS จับมือ Universal Music ตั้งกิจการร่วมค้า บริหารลิขสิทธิ์เพลง ขยายโอกาสเพลงไทย รุกต่างประเทศ
30 มิ.ย. 2023
RS Music ธุรกิจในเครือ RS Group จับมือกับพาร์ตเนอร์ค่ายเพลงดังชั้นนำระดับโลก Universal Music Group (UMG) ร่วมกันจัดตั้งบริษัทในการบริหารลิขสิทธิ์เพลงเก่าของ RS ที่มีมากกว่า 10,000 เพลง
การเข้าลงทุนของ Universal Music Group นั้น เป็นการลงทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท ในสัดส่วนการถือหุ้นที่ 70%
ในขณะที่ RS Music จะถือหุ้นในสัดส่วน 30%
ในขณะที่ RS Music จะถือหุ้นในสัดส่วน 30%
โดยกิจการร่วมค้าที่จัดตั้งขึ้น จะมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการสิทธิ์ของแค็ตตาล็อกเพลงกว่า 10,000 เพลง รวมถึงคอนเทนต์ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น
-Music Video
-เนื้อเพลงและบทประพันธ์ (Compositions)
-รูปภาพและภาพถ่ายต่าง ๆ
-สิทธิภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ (Rights under license agreements)
-เนื้อเพลงและบทประพันธ์ (Compositions)
-รูปภาพและภาพถ่ายต่าง ๆ
-สิทธิภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ (Rights under license agreements)
ซึ่งความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ จะขยายโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลิขสิทธิ์เพลงของ RS
พร้อมนำความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีใหม่ ๆ จาก Universal Music Group มาเสริมศักยภาพให้ผู้คนจากทั่วโลก รู้จักและเข้าถึงวัฒนธรรมเพลงไทยได้อย่างไร้พรมแดน
พร้อมนำความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีใหม่ ๆ จาก Universal Music Group มาเสริมศักยภาพให้ผู้คนจากทั่วโลก รู้จักและเข้าถึงวัฒนธรรมเพลงไทยได้อย่างไร้พรมแดน
คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เผยว่า
RS Music ได้พาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง Universal Music Group เข้ามาลงทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อบริหารลิขสิทธิ์เพลงของ RS ทั้งหมด
RS Music ได้พาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง Universal Music Group เข้ามาลงทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) เพื่อบริหารลิขสิทธิ์เพลงของ RS ทั้งหมด
ซึ่ง Universal Music เป็นบริษัทดนตรีรายใหญ่ของโลก ที่มีวิสัยทัศน์และเป็นผู้นำในตลาดเพลง
เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือ เพื่อขยายโอกาสให้เพลงไทย ได้ออกสู่ตลาดต่างประเทศ
เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือ เพื่อขยายโอกาสให้เพลงไทย ได้ออกสู่ตลาดต่างประเทศ
การได้พาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง Universal Music เข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ด้านดนตรีของเราได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น
ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน Soft Power ของไทย และยังมีโอกาสต่อยอดไปสู่ธุรกิจหรือโปรเจกต์ใหม่ในรูปแบบอื่น ๆ ร่วมกันในอนาคต
คุณคาลวิน หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยูนิเวอร์แซล มิวสิค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และรองประธานอาวุโส ยูนิเวอร์แซล มิวสิค เอเชีย กล่าวว่า
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ จะผลักดันให้เราได้เข้าถึงตลาดเพลงสำคัญที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง อย่างประเทศไทย ด้วยผู้บริโภคยังคงมองหาเพลงที่มีคุณภาพ
ซึ่งจะช่วยให้ UMG ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน และยกระดับอีโคซิสเต็มดนตรีของไทย รวมถึงได้รับผลตอบแทนจากอุตสาหกรรมเพลงที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง