Whoscall เผย เบอร์มือถือคนไทยรั่วไหล 13.5 ล้านเบอร์ ไทยอยู่อันดับต้น ๆ ประเทศที่มีข้อความและสายโทรเข้าหลอกลวงสูง

Whoscall เผย เบอร์มือถือคนไทยรั่วไหล 13.5 ล้านเบอร์ ไทยอยู่อันดับต้น ๆ ประเทศที่มีข้อความและสายโทรเข้าหลอกลวงสูง

31 มี.ค. 2023
Whoscall แอปพลิเคชันระบุตัวตนสายเรียกเข้าที่ไม่รู้จัก และป้องกันสแปม สำหรับสมาร์ตโฟน
ชี้ถึงปัญหาที่เพิ่มขึ้น ของการหลอกลวงทางโทรศัพท์และข้อความ SMS จากรายงานประจำปี 2565 ซึ่งพบว่า
มีการหลอกลวงทั้งจากสายโทรเข้าและข้อความ SMS รวม 405.4 ล้านครั้ง ทั่วโลก
แม้ว่าตัวเลขโดยรวมจะลดลง จากปีก่อนหน้า แต่สำหรับประเทศไทย การหลอกลวงยังคงเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างยิ่ง
คนไทยยังต้องรับสายจากมิจฉาชีพเพิ่มขึ้น 165%
จาก 6.4 ล้านครั้งในปี 2564 เป็น 17 ล้านครั้งในปี 2565
รายงานยังเผยสถิติสำคัญครั้งแรก ถึงจำนวนการรั่วไหลของเบอร์โทรศัพท์ในประเทศไทยกว่า 45% หรือ 13.5 ล้านเบอร์
ซึ่งรหัสผ่าน เบอร์โทรศัพท์ และชื่อ เป็นข้อมูลส่วนตัว ที่มีการรั่วไหลมากที่สุด
ตามด้วยสัญชาติ อีเมล ที่อยู่ และวันเกิด
ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหล มักเป็นด่านแรกที่มิจฉาชีพใช้เข้าถึงรายละเอียดการติดต่อเพื่อหลอกลวงเหยื่อ
การรั่วไหลอาจเกิดขึ้นจาก ฐานข้อมูลขององค์กร หรือ รัฐบาลถูกโจมตีทางไซเบอร์ หรือเมื่อผู้ใช้กรอกแบบสำรวจ แบบทดสอบทางจิตวิทยา หรือแบบฟอร์มในเว็บไซต์ฟิชชิง
โดยการรั่วไหลของเบอร์โทรศัพท์เป็น ปัญหาสำคัญทั่วโลก รวมถึงการหลอกลวงทางข้อความ SMS ยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง
จากสถิติพบว่า 7 ใน 10 ครั้งของข้อความ SMS ที่คนไทยได้รับ เป็นข้อความสแปมและข้อความหลอกลวง หรือคิดเป็น 73% ของข้อความที่ได้รับทั้งหมด
ทั้งนี้ มิจฉาชีพนิยมส่งข้อความหลอกลวง เนื่องจากสามารถเข้าถึงเหยื่อจำนวนมากด้วยต้นทุนต่ำ
ข้อความ SMS ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อ "ติดต่อครั้งแรก" โดยหลอกให้เหยื่อกดลิงก์ฟิชชิงเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัว เพิ่มบัญชีไลน์เพื่อหลอกให้ส่งข้อมูลหรือ โอนเงินให้
กลอุบายที่พบบ่อย ได้แก่ การเสนอเงินกู้โดยมักอ้างรัฐบาลหรือธนาคาร และการให้สิทธิ์เข้าตรงเว็บพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย
คีย์เวิร์ดของข้อความหลอกลวงที่ถูกรายงานที่พบบ่อยที่สุด เช่น
-รับสิทธิ์ยื่นกู้
-เครดิตฟรี
-เว็บตรง
-คุณได้รับสิทธิ์
-คุณได้รับทุนสำรองโครงการประชารัฐ
-คุณได้รับสิทธิ์สินเชื่อ
-คุณคือผู้โชคดี
ซึ่งรูปแบบและประเด็นการหลอกลวง ถูกปรับเปลี่ยนไปตามบริบทของแต่ละประเทศ
โดยกลหลอกลวงใหม่ ๆ ในประเทศไทย มักเกิดขึ้นตามความสนใจและเทรนด์ต่าง ๆ
ขณะนี้ข้อความ SMS และสายหลอกลวง ที่เกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ หลอกส่งพัสดุเพื่อเก็บเงินปลายทาง หลอกเป็นกรมทางหลวง หลอกให้คลิกไปเล่นพนันออนไลน์ หลอกว่ามีงาน Part time หลอกว่าได้รางวัลจาก TikTok และแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
จากการค้นหาและระบุการหลอกลวง (รวมการโทรและข้อความ) ต่อผู้ใช้ Whoscall 1 คน
ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้น ๆ ที่มีข้อความและสายโทรเข้าหลอกลวง เฉลี่ย 33.2 ครั้งต่อปี (เพิ่มขึ้น 7%)
ขณะที่ไต้หวันมี 17.5 ครั้ง (ลดลง 20%) และมาเลเซีย 16.5 ครั้ง (เพิ่มขึ้น 15%)
ตัวเลข ดังกล่าวตอกย้ำว่าการหลอกลวงนั้นยังคงแพร่หลายไปยังหลายประเทศ
การหลอกลวงที่เพิ่มขึ้นนี้ และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง
Whoscall จึงแนะนำให้คนไทย ปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ เพื่อป้องกันตนเองจากเหล่ามิจฉาชีพ
- อย่าคลิก : หากคุณได้รับลิงก์ใน SMS อย่าคลิกลิงก์นั้น โดยเฉพาะข้อความที่มาจากธนาคารหรือหมายเลขที่ไม่รู้จัก เนื่องจากปัจจุบัน มีข้อห้ามไม่ให้ธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทย ส่งลิงก์ทาง SMS ให้กับลูกค้าโดยตรง
- อย่ากรอก : หากได้รับ SMS เพื่อขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือขออัปเดตชื่อผู้ใช้/รหัสผ่าน หรือข้อมูลทางการเงินที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ ที่น่าสงสัย อย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ เด็ดขาด
- อย่าเพิกเฉย : ผู้ใช้สามารถช่วยกันต่อต้านกลโกงและหลอกลวงทางโทรศัพท์ โดยการรายงานเบอร์โทรศัพท์ที่น่าสงสัย หรือหลอกลวง ทางแอปพลิเคชัน Whoscall เพื่อป้องกันและช่วยส่งคำเตือนไปยังกลุ่มผู้ใช้รายอื่น
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.