มากุโระ กรุ๊ป บุกชิงส่วนแบ่งตลาดสุกี้ญี่ปุ่น ปิ้งย่างเกาหลี ตั้งเป้ายอดขาย 1000 ล้าน เตรียม IPO ปี 67
12 เม.ย. 2023
“มากุโระ กรุ๊ป” เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น-เกาหลี 3 แบรนด์ดัง “MAGURO” “SSAMTHING TOGETHER” และ “HITORI SHABU” โชว์ผลประกอบการปี 2565 มียอดขาย 665 ล้านบาท จากทั้งหมด 19 สาขา ตั้งเป้าปี 2566 ขึ้นสู่ปีที่ 8 ขยายสาขาเป็น 26 สาขา พร้อมทำรายได้เกิน 1 พันล้านบาท มุ่งเป้าเตรียม IPO ในปี 2567
นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด ผู้นำร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลีระดับพรีเมียม เปิดเผยว่า ภายใต้บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด มีธุรกิจในเครือ ทั้งหมด 3 แบรนด์ ได้แก่ ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่น “MAGURO” (มากุโระ) ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม “SSAMTHING TOGETHER” (ซัมติง ทูเก็ตเตอร์) และร้านชาบูและสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม “HITORI SHABU” (ฮิโตริ ชาบู) โดยหลังจากเปิดให้บริการมาแล้ว 8 ปี จนถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ร้านอาหารในเครือ “มากุโระ กรุ๊ป” มีสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 19 สาขาประกอบไปด้วย MAGURO 12 สาขา SSAMTHING TOGETHER 5 สาขา และ HITORI SHABU 2 สาขา เผยกระแสนิยมอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลียังได้รับความนิยมจากทุกกลุ่ม เช่นเดียวกับร้านสุกี้ด้วยแนวคิด Authentic Japanese Shabu and Sukiyaki แบบพรีเมียมในราคาที่สุดคุ้มค่า รวมถึงรูปแบบการรับประทานแบบ One Pot One Person ที่ถูกใจกลุ่มลูกค้าสมัยใหม่ที่นิยมให้ความสุขแก่ตนเอง
ในส่วนผลประกอบการของ “มากุโระ กรุ๊ป” ในปี 2565 มียอดขายรวมทั้งสิ้น 665 ล้านบาท แบ่งตามแบรนด์ต่าง ๆ ดังนี้ MAGURO มียอดขาย 533 ล้านบาท โดยตลอดปี 2565 MAGURO Group ได้มอบประสบการณ์มื้ออาหารอย่างมืออาชีพมากกว่า 6 หมื่นมื้อ ทั้งยังได้ดูแลและให้บริการลูกค้าทั้งหมดมากกว่า 8 แสนท่าน
สำหรับแบรนด์ MAGURO ก่อตั้งเมื่อปี 2558 เน้นจุดเด่นการเป็นร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูงในราคาคุ้มค่า พร้อมให้บริการอย่างพิถีพิถันทั้งผู้ที่รับประทานในร้านและแบบ Delivery ผ่านแบรนด์ MAROGO Go โดยเมนู Signature ของร้านคือ เมนู “7 Ocean Sashimi” ซึ่งเป็นเมนูขายดีที่ทุกโต๊ะต้องสั่งและถูกเสริ์ฟมาแล้วมากกกว่า 2 แสนจาน
ส่วนแบรนด์ SSAMTHING TOGETHER มีจุดเด่นที่การเป็นร้านปิ้งย่างเกาหลีระดับพรีเมียมที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นดี มีสไตล์การการตกแต่งร้านและนำเสนอการรับประทานอาหารแบบเกาหลีแท้ ๆ แต่พัฒนารสชาติให้ถูกใจคนไทย มาพร้อมกับพนักงานผู้เชี่ยวชาญเรื่องการปิ้งย่าง
จากความสำเร็จของ SSAMTHING TOGETHER ใน 4 สาขาแรก ทำให้มองเห็นว่ากระแสของ K Culture โดยเฉพาะอาหารปิ้งย่างเกาหลียังเป็นที่นิยมอย่างสูงในคนหลาย ๆ กลุ่ม ทั้งนักศึกษา วัยทำงาน และครอบครัว ได้รับการตอบรับดีในเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบและความดั้งเดิมของเมนูอาหารที่ผสมผสานกับรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย
ขณะที่แบรนด์ HITORI SHABU เป็นร้านชาบูและสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่คงความ Authentic มาพร้อมกับวัตถุดิบคุณภาพสูงและเป็น Master of A5 Wagyu Cutting โดยมีเนื้อวากิว A5 ให้เลือกหลากหลายในราคาที่จับต้องได้ ที่สำคัญยังมีหม้อสำหรับ 1 ท่าน ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อยากให้ความสุขแก่ตัวเอง
โดยได้สร้างปรากฏการณ์ร้านชาบูคิวยาวที่สุดใน Siam Paragon และได้ดึงดูดลูกค้าทั้งไทยและชาวต่างชาติ
ในปี 2565 “มากุโระ กรุ๊ป” สามารถทำยอดขายเติบโตก้าวกระโดด 73% จาก 386 ล้านบาทเมื่อปี 2564 ในปี 2566 จึงตั้งเป้าทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาทรวมทุกแบรนด์ โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาทั้งหมด ภายในปีนี้ เพิ่มเป็น 26 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ในปี 2565 “มากุโระ กรุ๊ป” สามารถทำยอดขายเติบโตก้าวกระโดด 73% จาก 386 ล้านบาทเมื่อปี 2564 ในปี 2566 จึงตั้งเป้าทำรายได้ทะลุ 1 พันล้านบาทรวมทุกแบรนด์ โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาทั้งหมด ภายในปีนี้ เพิ่มเป็น 26 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“จากสถาณการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เราต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลาและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำธุรกิจโดยมุ่งเน้นช่องทาง Delivery มากขึ้น ซึ่งสัดส่วนรายได้จากช่องทาง Delivery ปี 2565 เติบโตจากปี 2564 ถึง 55% โดยนอกจากการผ่านโควิด-19 มาได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว “มากุโระ กรุ๊ป” ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดสาขาของแบรนด์ SSAMTHING TOGETHER เพิ่มอีก 3 สาขาและ มากุโระ 1 สาขา ในปี 2565 รวมถึงเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่าง Hitori ที่สยามพารากอน” นายจักรกฤติ กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ในปี 2566 จะเป็นการต่อยอดกระแสความนิยมแบบหยุดไม่อยู่ของ 2 แบรนด์น้องใหม่อย่าง SSAMTHING TOGETHER และ HITORI SHABU โดยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงการเพิ่มสาขาให้กับแบรนด์หลักอย่าง MAGURO เช่นกัน โดยจะคละกันระหว่างในเมืองที่มีกำลังซื้อสูงและมีกลุ่มลูกค้าเฉพาะอย่างเช่นทองหล่อ และนอกเมืองที่เป็น Residential ที่เรารู้ศักยภาพของทำเลเป็นอย่างดี เช่น โซนราชพฤกษ์ และบางนา รวมถึงโซนใหม่ที่เป็น Up Coming อย่างกรุงเทพกรีฑาก็อยู่ในการพิจารณาของเราเช่นกัน”
นายจักรกฤติ กล่าวในตอนท้ายว่า “มากุโระ กรุ๊ป” เล็งเห็นถึงความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์อันแสนพิเศษให้แก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นความใส่ใจในความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน จึงได้มุ่งมั่นในการพัฒนาระบบสมาชิก (Customer Relationship Management) และโครงการ Loyalty Program เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ระหว่างแบรนด์และลูกค้า ให้สามารถเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด จนตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างตรงใจ โดยยึดหลัก Customer Empathy ด้วยวิสัยทัศน์นี้จึงนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการแตกต่างกัน ผ่านกลยุทธ์ Customization หรือการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแบบเจาะจง เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง จึงได้มีการเปิดตัวระบบสมาชิกรูปแบบใหม่ Maguro Membership ที่เชื่อมต่อกับ Line Official Account ของร้าน ตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยมีการใช้กลยุทธ์ “Data Driven Marketing” ประกอบการดำเนินธุรกิจและทำการตลาดแบบเต็มรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง มีการจัดโปรโมชัน กิจกรรม รวมไปถึงสิทธิพิเศษมากมาย เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าหลากหลายกลุ่ม
รายละเอียดเพิ่มเติม MAGURO ผ่านช่องทาง www.maguro.co.th / Facebook / Instagram / TikTok : @MAGURO / Line Official account : @maguro sushi และ MAGURO Go (Delivery) : @ maguro go #MaguroSushi #MAGURO #GiveMore #ให้มากกว่าที่ขอ
SSAMTHING TOGETHER ผ่านช่องทาง Facebook / Instagram / TikTok : #SSAMTHINGTOGETHER #ปิ้งย่างต้นตำรับเกาหลี #LetsShareTogether
และ HITORI ผ่านช่องทาง Facebook / Instagram / TikTok : @hitorishabu / Line Official account : @hitorishabu #HITORISHABU #DeepLoveforShabu และ #ชาบูต้องมนต์