ASW ตอกย้ำปีแห่งความสำเร็จ โชว์ผลงานปี 65 ท็อปฟอร์มร้อนแรง สร้างสถิตินิวไฮ กวาดรายได้กว่า 5,980 ล้านบาท กำไรโต 1,119 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
24 ก.พ. 2023
บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW โชว์ผลการดำเนินงาน 2565 กวาดกำไรสุทธิ 1,119 ล้านบาท และรายได้รวมกว่า 5,980 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) พร้อมชูความสามารถการทำกำไร GPM สูงถึง 40% และ NPM 19% ตอกย้ำผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ที่มอบความสุขผ่านการออกแบบโครงการได้ตอบโจทย์
ลุยแผนปี 2566 มุ่งทะยานสู่การเติบโตสร้างประวัติการณ์ใหม่ เปิด 12 โครงการมูลค่ากว่า 22,500 ล้านบาท ขานรับตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัว วางเป้าหมายยอดขาย 15,000 ล้านบาท และรายได้ 7,200 ล้านบาท พร้อมตอบแทนนักลงทุนเคาะจ่ายปันผล 0.52 บาท/หุ้น
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High)
มีกำไรสุทธิสูงถึง 1,119 ล้านบาท เติบโต 18% YoY และรายได้รวมอยู่ที่ 5,980 ล้านบาท เติบโต 19% YoY ขณะที่บริษัทฯ ยังคงความสามารถในการรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้น (GP) ได้ในระดับสูงต่อเนื่องที่ 40% และอัตรากำไรสุทธิ (NP) ที่ 19% สะท้อนการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพภายใต้การบริหารงานของทีมงานมืออาชีพ ทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมพุ่งทะยานตามเป้าหมายของบริษัทฯ
ทั้งนี้ปัจจัยความสำเร็จมาจากการวางแผนกลยุทธ์พัฒนาโครงการอสังหาฯ ภายใต้แบรนด์ เคฟ, แอทโมซ, เอสต้า และโมดิซ ตลอดจนการวางกลยุทธ์การตลาด Living & lifestyle ที่มุ่งเข้าถึงไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย การมอบประสบการณ์ทางดนตรี
พร้อมทั้งมุ่งเสริมสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการส่งเสริมด้านกีฬา และขับเคลื่อนวิถีชีวิตที่สมาร์ททุกรูปแบบให้กับผู้อยู่อาศัย ผสานกับการดีไซน์ที่อยู่อาศัยที่มอบ Facilityตอบสนองทุกเจเนอเรชั่น
โดยโครงการที่เป็น Key Driver สำคัญ ได้แก่ โครงการ เคฟ เอวา (KAVE AVA) มูลค่าโครงการ 2,380 ล้านบาท, โครงการ เคฟ ทาวน์ ชิฟท์ (KAVE Town Shift) มูลค่าโครงการ 2,160 ล้านบาท, โครงการเคฟ ทียู (KAVE TU) มูลค่าโครงการ 1,960 ล้านบาท และโครงการเคฟ มิวแทนท์ ศาลายา (KAVE Mutant Salaya) ซึ่งเป็นโครงการ JV มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท
ทั้งนี้จากความสำเร็จดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2566 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.5226 บาท/หุ้น ทั้งนี้บริษัทฯ เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เมษายน 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พฤษภาคม 2566
“ปี 2565 ภาคธุรกิจอสังหาฯ ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ และราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกที่ขยายตัวค่อนข้างช้า แต่ด้วยความเข้าใจใน Customer Insight ทุกเจเนอเรชั่นของเราที่สร้างสรรค์ความสุขผ่านการออกแบบโครงการได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า พร้อมนำเสนอกลยุทธ์การตลาดผ่านการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกบ้าน
ทำให้ ASW เป็นแบรนด์ที่ครองใจผู้อยู่อาศัยทุกเจเนอเรชั่น โดยเรายังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับครอบครัวของ ASW ในทุกมิติ ส่งผลให้โครงการที่เปิดตัวใหม่ตอบสนองดีมานด์ได้อย่างดี และทำผลการดำเนินงานทั้งปีได้สูงตามเป้าหมาย” นาย กรมเชษฐ์ กล่าว
นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่าแนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2566 มองว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ สอดรับแผนธุรกิจปี 2566 ของบริษัทฯเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 22,500 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคฟ (KAVE), แอทโมซ (ATMOZ) และโมดิซ (MODIZ) จำนวน 9 โครงการ และโครงการบ้านจัดสรร 3 โครงการ ภายใต้แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (The Honor) และแบรนด์ใหม่ ดิ อาร์เบอร์ (The Arbor) โดยวางเป้าหมายปี 2566 ทำยอดขายที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารับรู้รายได้ที่ 7,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ในไตรมาสแรกต่อยอดความสำเร็จผู้นำตลาด Campus Condo เดินหน้าเปิดตัวคอนโดฯ แบรนด์เคฟ 3 โครงการใหม่บนทำเลศักยภาพใกล้มหาวิทยาลัย ได้แก่ “เคฟ เอมบริโอ รังสิต” (KAVE Embryo Rangsit) มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท ใกล้กับมหาวิทยาลัย เพียง 1 นาทีถึง ม.ราชมงคลธัญบุรี, “เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์” (KAVE Town Island) มูลค่าโครงการ 3,150 ล้านบาท โครงการสุดฮอตเฟสสุดท้ายของ KAVE Town ข้าง ม.กรุงเทพ และ “เคฟ ป็อป ศาลายา” (KAVE Pop Salaya) มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ติดถนนใหญ่ใกล้ ม.มหิดล
อีกทั้งในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการใหม่ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเพื่อรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,060 ล้านบาท อาทิ โครงการ โมดิซ ลอนช์ (MODIZ Launch) มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท, โครงการ โมดิซ ไรม์ รามคำแหง (MODIZ Rhyme Ramkhamhaeng) มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท, โครงการ เคฟ ทาวน์ โคโลนี (KAVE Town Colony) มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท ฯลฯ รวมทั้งการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ การมีพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการ (JV) หรือการ Synergy เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนภาพการเติบโต และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 47 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR)
รวมมูลค่าโครงการกว่า 49,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 36 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 11 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 11,400 ล้านบาท